๏ ศีลหาใช่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์....................................ก่อเกิดฤทธิ ปาฏิหาริย์
อย่างคนเฒ่า เก่าโบราณ.............................ชอบเล่าขาน สืบกันมา
๏ การอวดดี หลงวิเศษ(ในศีล)...........................คือกิเลส ความหยาบช้า
คนหลงใหล ในอัตตา..................................สติ-ปัญญา- คุณ มลาย
๏ (การ)รักษาศีล เป็นเครื่องมือ...........................ช่วยผู้ถิอ(ศีล) ซื่อสัตย์ขวาย
ไม่ทำชั่ว มัวเมามาย....................................มิกล้ำกราย ทำร้ายชน
๏ (การถือศีล)ป้องกันให้ ไม่เบียดเบียน................บำเพ็ญเพียร เรียนรู้หน-
ทางละเว้น (ความ)เห็นแกตน.......................ละอกุศล สิ้นมนมาน
๏ (การถือ)ศีลทำให้ กาย-ใจสะอาด.....................ชั่วบาปปราศ เป็นมาตรฐาน
ของอริยะ ศาสนาจารย์................................ประเสริฐศานติ์ สำคัญมี
๏ สัมมาบท กฎแห่งกรรม...................................การกระทำ ล้ำเลิศศรี
ใครทำดี ย่อมได้ดี......................................ใครมีศีล ชีวินสบาย
๏ (ผู้)ไม่ทำชั่ว ไม่(ต้อง)กลัวผล-.........................กรรมประจญ ดลเลวร้าย
(เดือด)ร้อนลำเค็ญ มิเว้นวาย........................(ไม่ต้องกลัว)สุขสมหมาย ห่างหายพลัน
๏ คือเป้าหมาย ในศีลธรรม.................................ที่น้อมนำ ความสุขสันติ์
ให้ผู้มี(ศีลธรรม) ใช้ชีวัน...............................สุขสำราญ นิรันดรฯ
๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๔
ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ คนมีศีล ถึงพร้อมด้วยศีล ในธรรมวินัยนี้
ย่อมถึงกองโภคทรัพย์มากมาย อันมีความไม่ประมาทเป็นเหตุ นี้เป็นอานิสงส์ข้อ
ที่ ๑ ของคนมีศีล เพราะความถึงพร้อมด้วยศีล
อีกประการหนึ่ง กิตติศัพท์อันงามของคนมีศีล ถึงพร้อมด้วยศีล ย่อมฟุ้งไป นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๒ ของคน
มีศีล เพราะความถึงพร้อมด้วยศีล
อีกประการหนึ่ง คนมีศีล ถึงพร้อมด้วยศีลจะเข้าสู่บริษัทใดๆ คือ ขัตติยบริษัท พราหมณบริษัท คฤหบดีบริษัท สมณบริษัท
ย่อมองอาจ ไม่เก้อเขินเข้าไป นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๓ ของคนมีศีล เพราะความ
ถึงพร้อมด้วยศีล
อีกประการหนึ่ง คนมีศีล ถึงพร้อมด้วยศีล ย่อมเป็นผู้ไม่หลงกระทำกาละ นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๔ ของคนมีศีล
เพราะความถึงพร้อมด้วยศีล
อีกประการหนึ่ง คนมีศีล ถึงพร้อมด้วยศีล เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๕ ของคนมีศีล เพราะความถึงพร้อมด้วยศีล ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย อานิสงส์ของคนมีศีล เพราะความถึงพร้อมด้วยศีล ๕ ประการนี้แล ฯ
ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ 5 (สังโยชน์เบื้องต่ำ เป็นอย่างหยาบ เป็นไปในภพอันต่ำ )
1. สักกายทิฏฐิ (ความเห็นว่าเป็นตัวของตน เช่น เห็นรูป เห็นเวทนา เห็นวิญญาณ เป็นตน เป็นต้น )
2. วิจิกิจฉา (ความสงสัย, ความลังเล ไม่แน่ใจ )
3. สีลัพพตปรามาส (ความถือมั่นศีลพรต โดยสักว่าทำตามๆ กันไปอย่างงมงาย เห็นว่าจะบริสุทธิ์หลุดพ้นได้เพียงด้วยศีลและวัตร )
4. กามราคะ (ความกำหนัดในกาม, ความติดใจในกามคุณ )
5. ปฏิฆะ (ความกระทบกระทั่งในใจ, ความหงุดหงิดขัดเคือง )
ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ 5 (สังโยชน์เบื้องสูง เป็นอย่างละเอียด เป็นไปแม้ในภพอันสูง )
6. รูปราคะ (ความติดใจในอารมณ์แห่งรูปฌาน หรือในรูปธรรมอันประณีต, ความปรารถนาในรูปภพ )
7. อรูปราคะ (ความติดใจในอารมณ์แห่งอรูปฌาน หรือในอรูปธรรม, ความปรารถนาในอรูปภพ )
8. มานะ (ความสำคัญตน คือ ถือตนว่าเป็นนั่นเป็นนี่ )
9. อุทธัจจะ (ความฟุ้งซ่าน )
10. อวิชชา (ความไม่รู้จริง, ความหลง )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น