เริ่มต้นแก้ปัญหาตรงไหนดี? :
เรื่องสั้น
รู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก
ได้เสียงชายหนุ่ม 2-3 คนคุยกันเรื่องกินเหล้า-แต่งรถ จากบ้านที่อยู่หลังบ้านของฉัน สอดแทรกกับเสียงเฮฮาสนุกสนานของกลุ่มเด็กวัยรุ่น ดังไกลมาจากโรงเรียนวัด(เอกชน)
ได้เสียงชายหนุ่ม 2-3 คนคุยกันเรื่องกินเหล้า-แต่งรถ จากบ้านที่อยู่หลังบ้านของฉัน สอดแทรกกับเสียงเฮฮาสนุกสนานของกลุ่มเด็กวัยรุ่น ดังไกลมาจากโรงเรียนวัด(เอกชน)
"เวลาเท่าไรแล้ว?" ฉันนึกสงสัย
จึงควานหามือถือมาเปิดดู
" 01:29 น. ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป
กลางวันมีงานต้องทำ" ฉันบอกตัวเอง ก่อนจะรวบรวมสมาธินอนหลับต่อไป
เช้าวันนั้น
โรงเรียนวัด(เอกชน)ใกล้บ้านเริ่มแข่งกีฬาสี มีนักเรียนมาเก็บตัวกิน-นอน เพื่อฝึกซ้อมกีฬากันที่โรงเรียน ชายหนุ่มหลังบ้านฉันมีหน้าที่ต้องขับรถนำหน้าขบวนพาเหรดกีฬาสี แต่ตีหนึ่งครึ่งยังไม่ยอมเข้านอน
โรงเรียนวัด(เอกชน)ใกล้บ้านเริ่มแข่งกีฬาสี มีนักเรียนมาเก็บตัวกิน-นอน เพื่อฝึกซ้อมกีฬากันที่โรงเรียน ชายหนุ่มหลังบ้านฉันมีหน้าที่ต้องขับรถนำหน้าขบวนพาเหรดกีฬาสี แต่ตีหนึ่งครึ่งยังไม่ยอมเข้านอน
อดไม่ได้
ที่จะคิดถึงข่าวรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลวิ่งชนท้ายรถ 18 ล้อที่จอดข้างทาง
ผู้ช่วยพยาบาลตาย 1 คน บาดเจ็บสาหัส 2 คน ตำรวจสันนิษฐานว่าคนขับรถฉุกเฉินหลับใน
รู้ตัวว่าต้องขับรถแต่กลับกินเหล้าไม่หลับไม่นอน
รู้ตัวว่านอนไม่เพียงพอแต่ก็มาขับรถฯลฯ คนขับรถมากมายเป็นเสียแบบนี้
ประเทศไทยจึงครองแชมป์โลกด้านอุบัติเหตุบนท้องถนน
คนบริสุทธิ์ต้องสังเวยชีวิตให้กับความประมาทของคนไม่กี่คนทุกๆวัน
สายของวันนั้น
มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คนหนึ่งมาซื้อของ แล้วบ่นให้ฟังว่า
"พวกนักโทษใช้ของไม่ทน"
ฉันจึงพูดเสริมให้ว่า
"ถ้าเป็นคนมีคุณภาพ คงไม่มาติดคุก"
เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์บอกว่า
"คุกก็ล้น-คนเก่าไม่มีที่นอน ยังมีคนใหม่เข้ามาเพิ่มอีก ตีกันมากมาย
เดี๋ยวนี้เจ้าหน้าที่จะไปลงไม้ลงมือไม่ได้กับนักโทษแล้วนะ นักร้องเยอะ-โดนย้ายเด้งไปไกล
เบื่อ" พูดแล้วก็หัวเราะเบาๆก่อนจะขับรถจักรยานยนต์จากไป
ฉันเก็บเอามาคิดต่อ
หลายสัปดาห์ก่อน มีข่าวซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจ “เกาะติดความปลอดภัยของประชาชน” พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาข่มขืน-อุบัติเหตุ-ยาเสพติด
เป็นการเร่งด่วน
"แล้วจะเริ่มแก้ปัญหาตรงไหนดี?"
ฉันลองคิดดู
มีคำบ่นเปรียบเปรยให้ได้ยินบ่อยๆว่า
"เราอยู่ในยุดที่พิชซ่ามาถึงก่อนตำรวจ"
สะท้อนถึงปัญหาความปลอดภัยในสังคมไทย
เจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนใหญ่ประพฤติตัวเป็นจำเลยสังคม ไม่ใช่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
กฎหมายไทยก็มีข้อกำหนดพิลึกๆ
เช่น การกำหนดโทษสูงสุดเอาไว้ ใครทำความผิดมากแค่ไหนก็ลงโทษได้ไม่เกินกว่านั้น
เมื่อวันก่อนก็ข่าวเจ้าหน้าที่คลังโกงเงินของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง 689 ล้านบาท คนที่โดนลงโทษหนักสุดถูกศาลตัดสินให้คิดคุกรวม 203 ปี แต่กฎหมายกำหนดโทษสูงสุดไว้ไม่เกิน 50 ปี
ศาลจึงตัดสินให้จำคุก 50 ปี ข้อกำหนดทำนองนี้มีแต่จะยุยงส่งเสริมให้คนทำผิดให้มากๆ
เพราะได้รับโทษเท่ากับคนทำผิดน้อยกว่า
การลดโทษแบบ "ลดแลกแจกแถม" ย่อมทำให้คนเลวๆคิดว่า ติดคุกแค่ประเดี๋ยวเดียวเดี๋ยวก็ได้ออกมา
คนไทยชอบล้อเลียนการลดโทษของประเทศไทย เพราะไม่เคยเห็นข่าวแบบนี้ในชาติอื่น ฉันเคยอ่านความเห็นของคนไทยที่อยู่ญี่ปุ่นว่า ประเทศญี่ปุ่นไม่มีการลดโทษให้ใคร เพราะต้องการปรามไม่ให้คนทำผิดกฎหมาย
คนไทยชอบล้อเลียนการลดโทษของประเทศไทย เพราะไม่เคยเห็นข่าวแบบนี้ในชาติอื่น ฉันเคยอ่านความเห็นของคนไทยที่อยู่ญี่ปุ่นว่า ประเทศญี่ปุ่นไม่มีการลดโทษให้ใคร เพราะต้องการปรามไม่ให้คนทำผิดกฎหมาย
โดยส่วนตัวก็เคยเห็นข่าวศาลประเทศสหรัฐอเมริกาตัดสินจำคุกเป็นร้อย-พันปี
ไม่เห็นมีเรื่องกำหนดโทษสูงสุด-ลดโทษไว้แต่อย่างใด
มีคนไทยไม่น้อยชอบอ้างความเป็นเมืองพุทธบ้าง
อ้างหลักมนุษยธรรมบ้าง อ้างแรงกดดันจากสังคมโลกบ้างฯลฯ เพื่อเรียกร้องให้ลดโทษ-งดประหารให้แก่อาชญากร
แต่คนพวกนี้มีใครสนใจผู้เสียหาย?
เงินชดเชยจากรัฐ(ไม่กี่บาท) ไม่อาจทดแทนการสูญเสียของผู้เสียหายได้ คนทำผิดส่วนใหญ่ก็ไม่มีเงินชดใช้ค่าเสียหาย
ความยุติธรรมที่เข้าข้างคนผิดจะสร้างวิกฤติให้แก่ผู้บริสุทธิ์
ความยุติธรรมที่เข้าข้างคนผิดจะสร้างวิกฤติให้แก่ผู้บริสุทธิ์
ระบบการศึกษาของไทยที่มีปัญหาคาราคาซังเป็นดินพอกหางหมู
ดูเหมือนการแก้ปัญหาจะเป็นการสร้างปัญหาใหม่มากกว่า
แต่ก่อนครูชอบอ้างว่า
การได้รับเงินเดือนต่ำไม่จูงใจให้คนเก่งๆมาเรียนวิชาครู-ประกอบอาชีพครู
จึงมีการปรับฐานเงินเดือนครูจนสูงกว่าข้าราชการอื่นๆในสังกัด กพ.
แต่ปรากฏว่าคุณภาพการศึกษาของไทย ไม่ได้สูงขึ้นตามเงินเดือนครูที่เทียบเท่ากับเงินเดือนแพทย์แล้ว มิหนำซ้ำยังทำท่าว่าจะสวนทาง-แย่ยิ่งกว่าเดิม
เพราะการสอบวัดผลเมื่อเทียบกับต่างชาติ ไทยรั้งท้ายประเทศอาเซียนด้วยกัน
(ที่ประชุมศก.โลก 'WEF' 2012-2013 จัดอันดับการศึกษาไทยรั้งท้ายอาเซียน ชี้เด็กไทยคิดไม่เป็น)
เมื่อ"คิดไม่เป็น"
ก็ไม่ต้องสงสัยแล้วว่าเด็กจะ"ทำอะไรเป็น รู้ว่าควรทำ-ไม่ควรทำอะไร?"
เมามัวการพนัน สิ่งเสพย์ติด เพศสัมพันธ์
ไม่สนใจเรียนฯลฯ เป็นปัญหาใหญ่ของเด็กไทยสมัยนี้ พ่อแม่โทษโรงเรียน
โรงเรียนโทษผู้ปกครอง
มีความพยายามที่จะฝากความหวังไว้กับศาสนาพุทธ(ศาสนาหลักของคนไทย)
สารพัดเงินงบประมาณจัดสรรให้ แถมท้ายด้วยยศถาบรรดาศักดิ์
แต่จากข้อเท็จจริง
โดยส่วนใหญ่คนมีฐานะ-โอกาสที่ดีในสังคมจะไม่ส่งลูกมาบวชเรียน แต่ไหนแต่ไรมา
สามเณรที่บวชเรียนมักมาจากครอบครัวยากไร้ในชนบท บวชเรียนเพื่อหวังได้เรียนจบปริญญา-ลาสิกขาบทสึกออกมีงานทำ-สร้างครอบครัว
เดี๋ยวนี้การบวชพระตามประเพณีก็ลดลง
ใช้เวลาบวชน้อยลง คนเก่ง-มีการศึกษามักจะไม่อยู่เป็นพระนานๆ
คนที่อยู่เป็นพระเพราะเลื่อมใสศรัทธาอยากจะปฏิบัติตามธรรมวินัยมีสัดส่วนน้อยมาก
กิจกรรมของพระที่ได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากคนในสังคม
มักเป็นเรื่องไสยศาสตร์-อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ไม่ใช่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
คนไทยส่วนใหญ่คาดหวังให้พระเป็นผู้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
ที่ไม่ใช่หลักศาสนพุทธแต่เป็นศาสนาพราหมณ์ที่อยู่คู่วัฒนธรรมไทยมาอย่างยาวนาน
การอ้าง"ประเพณี ความเป็นไทย"
จึงเป็นอะไรที่ไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของคนที่มีความเชื่อและเกี่ยวข้องกับเรื่องไสยศาสตร์-เวทมนตร์-คาถาอาคม-เครื่องรางของขลัง
กิจกรรมของวัดที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมท้องถิ่น มักสนับสนุนให้เกิดการสะสมความมั่งคั่งทางการเงิน
ปลูกสร้างถาวรวัตถุยิ่งใหญ่-สวยงาม และการส่งเสริมท่องเที่ยว
มีหลายวัดโดยเฉพาะวัดที่มีชื่อเสียงที่พระมีกิจกรรมที่แทบไม่แตกต่างจากฆราวาส
การดำเนินชีวิตที่ไม่สอดคล้องกับธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า
พระทำผิดเลวร้ายให้มีข่าวอยู่แทบทุกวัน สะท้อนถึงปัญหาคนชั่วอาศัยผ้าเหลืองบังหน้าหากิน เพราะคนไทยไม่น้อยชอบทำบุญให้เงินพระแบบหลับหูหลับตา ไม่เคยศึกษาธรรมวินัยของพุทธศาสนา ไม่รู้ว่าพระแบบไหนดี-แบบไหนเลว ศรัทธากันตามที่ชอบใจ-ทำอะไรตามใจคือไทยแท้
พระทำผิดเลวร้ายให้มีข่าวอยู่แทบทุกวัน สะท้อนถึงปัญหาคนชั่วอาศัยผ้าเหลืองบังหน้าหากิน เพราะคนไทยไม่น้อยชอบทำบุญให้เงินพระแบบหลับหูหลับตา ไม่เคยศึกษาธรรมวินัยของพุทธศาสนา ไม่รู้ว่าพระแบบไหนดี-แบบไหนเลว ศรัทธากันตามที่ชอบใจ-ทำอะไรตามใจคือไทยแท้
เป็นที่ยอมรับกันว่า
รัฐบาลคือเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนและนำพาประเทศไปสู่ทิศทางที่ต้องการ รัฐบาลของประเทศที่่่ปกครองแบบประชาธิปไตย ได้มาจากการสนับสนุนของผู้แทนที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน การเลือกตั้งของประชาชนทำให้ได้คนซึ่งเป็นตัวแทน เข้าไปสู่สภาฯทำหน้าที่นิติบัญญัติและตั้งรัฐบาลขึ้นมาบริหารประเทศ
รัฐบาลคือเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนและนำพาประเทศไปสู่ทิศทางที่ต้องการ รัฐบาลของประเทศที่่่ปกครองแบบประชาธิปไตย ได้มาจากการสนับสนุนของผู้แทนที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน การเลือกตั้งของประชาชนทำให้ได้คนซึ่งเป็นตัวแทน เข้าไปสู่สภาฯทำหน้าที่นิติบัญญัติและตั้งรัฐบาลขึ้นมาบริหารประเทศ
การเมืองไทยไม่เคยหลุดพ้นจากวังวนของการเลือกตั้งและรัฐประหาร
การเลือกตั้งของไทยไม่เคยปราศจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียง
ระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆให้อำนาจอธิปไตยแก่นักการเมือง ไม่ใช่ประชาชน
ประชาชนเป็นเครื่องมือขึ้นก้าวสู่อำนาจของนักการเมือง มากกว่าจะควบคุมนักการเมือง
แม้แต่การลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกผู้แทน
ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังขาดความเป็นตัวของตัวเอง
และนั่นก็เป็นโอกาสเดียวที่ใกล้เคียงกับความมีประชาธิปไตยมากที่สุด
เท่าที่ประชาชนจะมีได้ในสังคมไทย
เพราะการชุมนุมเรียกร้องใดๆของคนไทยในประเด็นการเมือง มักมีผลประโยชน์ของพรรคการเมืองซ่อนเร้นอยู่เสมอ
"เริ่มแก้ปัญหาตรงไหนดี?"
จึงเป็นข้อปัญหา
พอๆกับปัญหาสังคมที่มีลักษณะของปัญหาที่ไม่มีทางแก้
เพราะต้องแก้ปัญหาที่ตัวบุคคล-ประชาชนทุกคน
อันเป็นกลไกขับเคลื่อนให้เกิดปัญหาและต้องร่วมกันแก้ปัญหา
ในขณะที่่คนส่วนใหญ่ยังไม่ให้ความสำคัญกับ"การรักดี และความมีศีลธรรม"
การแก้ปัญหาสังคมจึงคงเป็นเพียงข้อเรียกร้องที่จะไม่มีวันได้รับการตอบสนองตลอดไป
สุดท้ายก็หนีไม่พ้นการเอาตัวรอดแบบตัวใครตัวมัน ที่ทำกันเป็นประจำฯ
๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น