วิถีโลก-วิถีชีวิต :
กลอนเปล่า
๏ มโหรีแห่งเหล่าวิหค
เริ่มบรรเลงเบิกโลก ณ
เพลาฟ้าสาง
อรุณรังสีเรืองเรื่อรางๆ
อุษาสว่างกระจ่างย่างกราย
๏ ค่อยๆหลุดจากวิมานแห่งความฝัน
พลิกฟื้นคืนสัมปชัญญะที่ห่างหาย
จิตประสานกันกับกาย
ใจเป็นหนึ่งเดียวกับตัวตน
๏ ส่วนผสมระหว่างแสงสีน้ำเงินเข้ม กับมวลอากาศเย็น
ลมหายใจบางๆ
กับจังหวะเต้นของหัวใจเบาๆ
ความรู้สึกอ่อน เยาว์
คลุกเคล้ากับบรรยากาศสงบ
ชวนชีวันตระการพานพบ
ร่วมประสบรุ่งเช้าที่น่าพิสมัย
๏ เหยียดแขนเหยียดขา
ยืดกล้ามเนื้อเพื่อผ่อนคลาย
ฟื้นพละกำลังของสรรพางค์กาย
ในวิตกวิจารณ์อันเริ่มเข้าที่
ดวงฤดีพร้อมที่จะมีปฏิภาณ
๏ วางแผนกิจกรรมที่จะกระทำให้วันนี้
เลือกสิ่งที่ดี
มีประโยชน์ยั่งยืน
ระวัง
อย่าทำเพื่อตามกระแสสังคมอย่างแตกตื่น
ด้วยมักจะนำมาซึ่งความขมขื่น
เพราะคนส่วนใหญ่ยังโง่งม
ติดอยู่กับหล่มแห่งกิเลสตัณหา
๏ การเลือกสิ่งหนึ่ง
ย่อมต้องแลกด้วยสูญเสียสิ่งอื่น
ซึ่งไม่แน่เสมอไป
ว่าต้องเป็นสิ่งตรงกันข้าม
สรรพสิ่งคงความเป็นเอกเทศ
การเลือกกระทำกรรมใดๆ
ไม่อาจปฏิเสธ
ซึ่งกฎเกณฑ์ กรอบ
ขอบเขต ของความจริง
และผลกระทบของสิ่งที่จะต้องตามมา
๏ วิถีโลก มีเงื่อนไขที่ต้องคิด
วิถีชีวิต
มีข้อจำกัดที่ต้องศึกษา
หยุดความเคลื่อนไหวของจินตนาการ
แล้วมาเพ่งมองผ่านครรลองให้เห็นชัด
ก่อนจะตัดสินใจเลือก
และปฏิบัติให้รัดกุมฯ
๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น