ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ความสับปลับของสังคมโลก : กลอนสะท้อนสังคม



ความสับปลับของสังคมโลก : กลอนสะท้อนสังคม


    มือข้างขวา อำมหิต ผลิตอาวุธ.................เข้าเข่นฆ่า มนุษย์ สุดโหดร้าย
ล่าสัตว์กิน เพลิดเพลิน เกินเลี้ยงกาย.............เพียงมาดหมาย ลิ้มรส ซดโอชา

    มือข้างซ้าย ใช้อ้าง มนุษยธรรม................ชูขึ้นนำ คำกล่าว ป่าวภาษา
พร้อมสาธก ปกป้อง ผองอาชญา..................ให้พ้นข้อ ครหา ว่าควรตาย

    คนบริสุทธิ์ โดนฆ่า อย่างเลือดเย็น.............ยังทำเป็น เห็นใจ คนชั่วร้าย
(ลง)โทษจำคุก ถูกเลี้ยง เยี่ยงสบาย..............อ้างความหมาย ของวิถี ยุติธรรม

    เผด็จการ ต้านต่อ รับบ่ได้.........................หนุนขบถ โฉดไว้ ใช้อุปถัมภ์
ต่อกรกับ รัฐบาล ราญระกำ..........................บ้านเมือง(เขา)ทำ พินาศ ชาติวอดวาย(ราญ=รบ)

    ประชาชน อดอยาก ต้องอพยพ..................ไม่รู้จบ รู้สิ้น ชีวินสลาย
ด้านหนึ่งช่วย ชีพไว้ ให้รอดตาย....................อีกด้านขาย อาวุธ ยุทธ์ฆ่าฟัน

    ใช้ชีวิต ฟุ่มเฟือย และหรูหรา......................ยังมีหน้า มาอวด เคร่งกวดขัน
สภาวะ โลกร้อน วอนป้องกัน.........................ช่างมารยา ชาด้าน เพ้อฝันยล

    ทำธุรกิจ คิดมุ่ง สูงกำไร............................เอาเปรียบใคร ต่อใคร ไปทุกหน
ทำเป็นถือ หลักสิทธิ มนุษยชน......................ทำเหมือนตน ประเสริฐ เลิศเมธี

    อ้างความรัก ชักพา มาสมสู่........................น้อยนักอยู่ คู่ครอง ครรลองศรี
ลูกไม่ทัน เติบใหญ่ เลิกใยดี..........................แยกทางหนี มีใหม่ ไม่เหลียวแล

    สังคมโลก วกวน ความฉลจิต......................ต่างทุจริต มิจฉา สาไถยแส่
เพราะความเห็น แก่ตัว เป็นตัวแปร..................คอยสักแต่ เสแสร้ง สับปลับเอยฯ

๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น