ความสับปลับของสังคมโลก :
กลอนสะท้อนสังคม
๏ มือข้างขวา อำมหิต
ผลิตอาวุธ.................เข้าเข่นฆ่า มนุษย์ สุดโหดร้าย
ล่าสัตว์กิน
เพลิดเพลิน เกินเลี้ยงกาย.............เพียงมาดหมาย ลิ้มรส ซดโอชา
๏ มือข้างซ้าย ใช้อ้าง
มนุษยธรรม................ชูขึ้นนำ คำกล่าว ป่าวภาษา
พร้อมสาธก ปกป้อง
ผองอาชญา..................ให้พ้นข้อ ครหา ว่าควรตาย
๏ คนบริสุทธิ์ โดนฆ่า
อย่างเลือดเย็น.............ยังทำเป็น เห็นใจ คนชั่วร้าย
(ลง)โทษจำคุก
ถูกเลี้ยง เยี่ยงสบาย..............อ้างความหมาย ของวิถี ยุติธรรม
๏ เผด็จการ ต้านต่อ
รับบ่ได้.........................หนุนขบถ โฉดไว้ ใช้อุปถัมภ์
ต่อกรกับ
รัฐบาล ราญระกำ..........................บ้านเมือง(เขา)ทำ พินาศ ชาติวอดวาย(ราญ=รบ)
๏ ประชาชน อดอยาก
ต้องอพยพ..................ไม่รู้จบ รู้สิ้น ชีวินสลาย
ด้านหนึ่งช่วย ชีพไว้
ให้รอดตาย....................อีกด้านขาย อาวุธ ยุทธ์ฆ่าฟัน
๏ ใช้ชีวิต ฟุ่มเฟือย
และหรูหรา......................ยังมีหน้า มาอวด เคร่งกวดขัน
สภาวะ โลกร้อน
วอนป้องกัน.........................ช่างมารยา ชาด้าน เพ้อฝันยล
๏ ทำธุรกิจ คิดมุ่ง
สูงกำไร............................เอาเปรียบใคร ต่อใคร ไปทุกหน
ทำเป็นถือ หลักสิทธิ
มนุษยชน......................ทำเหมือนตน ประเสริฐ เลิศเมธี
๏ อ้างความรัก ชักพา
มาสมสู่........................น้อยนักอยู่ คู่ครอง ครรลองศรี
ลูกไม่ทัน เติบใหญ่
เลิกใยดี..........................แยกทางหนี มีใหม่ ไม่เหลียวแล
๏ สังคมโลก วกวน
ความฉลจิต......................ต่างทุจริต มิจฉา สาไถยแส่
เพราะความเห็น แก่ตัว
เป็นตัวแปร..................คอยสักแต่ เสแสร้ง สับปลับเอยฯ
๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น