ความเกลียดชัง : กลอนแปด
๏ ฝนไม่ตก ต้องตาม
ฤดูกาล..................ก่อนหน้านั้น พานภินท์ แผ่นดินไหว
(พอ)ฝนชุกทำ น้ำท่วม
อ่วมอรทัย.............ดูอะไร อะไร (ต่าง)ไม่พอดี
๏ คนรอบข้าง (แตก)ต่างไป
ตามใจจิต......บ้างทุจริต อิดหนา กล้าบัดสี
ความบกพร่อง ของคน
ผจญทวี................แปลกแยกเพิ่ม เริ่มพี ทุกวี่วัน
๏ ยิ่งกว่า(สร้าง)ความ รำคาญ
(คือ)การเบียนเบียด.....ก่อความเครียด เกลียดชัง สั่งสมสรรค์
เอาแต่ใจ(ตน) ไม่เฟ้น
เห็นใจกัน..............ชอบแกล้งกลั่น บั่นทอน รอนชีวา
๏ มุ่ง(แต่)สุขตน ล้นมี
เป็นที่ตั้ง...............ใครทุกข์ท้อ ก็ช่าง ไร้กังขา
เทิดทูนคุณ ของตน
ล้นอัตตา..................ไม่เห็นค่า คนอื่น ขื่นสัมพันธ์
๏ โลกียธรรม กำมะลอ
คือข้อใหญ่..........เห็นแก่ตน (เป็น)กลไก การแข่งขัน
ไม่ทำชั่ว ก็เกือบชั่ว
ทั่วหน้ากัน................(เพราะ)อยู่ตัวใคร ตัวมัน กันดารดล
๏ ความเกลียดชัง(กัน) ยังใจ
ให้สกปรก....ปริวิตก บกพร่อง ต้องสับสน
เกิดโทสะ โมหะ
มลมน...........................อกุศล จลจินต์ กัดกินใจ
๏ ถึงโลกา จะทะลาย
กายแตกดับ............ชีวาลับ ล่วงสิ้น วิญญาณไส
จงสละ อกุศล
พ้นจัญไร..........................เกรงกลัวภัย ในบาป ย้อนกลับคืน
๏ สติระลึก ฝึกฤดี
บริสุทธิ์.......................เปรียบประดุจ น้ำค้าง กลางไพรผืน
มลภาวะ สละไกล
ใสยั่งยืน.......................จิตแช่มชื่น รื่นดี นิรันดร ฯ
๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น