ลมหายใจของเวลา : กลอนเปล่า
๏ ตะวันใกล้กาลอัศดงแล้วหรือ ?
แสงทองเรืองรองส่องคือ...
ถ้อยคำอันน่าเชื่อถือ
ของธรรมชาติผู้ชื่อว่า...เวลา
๏ เฝ้ามองความเป็นไปของท้องนภา
พินิจพิจารณา
เห็นความเชื่องช้าของเวลาที่ค่อยๆดำเนินไป
๏ ย้อนคำนึงถึงห้วงลึกแห่งหทัย
เหมือนเผลอไผลไปชั่วขณะ
กาลก็กลับล่วงละ
สู่เวลาสายัณห์อย่างรวดเร็ว
๏ ถอนใจเฮือกใหญ่ให้แก่สัจจา...
ที่มอบชีวามา...
แล้วกลับพรากพา
จากไปอย่างเย็นชาไม่ใยดี
๏ สังขาร...
เปรียบเสมือนพันธนาการ
อันจองจำจิตวิญญาณมิให้หนี
เพื่อพลีการอันใด
?
คิดเท่าไรก็ยังไร้คำตอบ...
๏ โซ่ตรวนแห่งตัณหา
ฉุดกระชากลากพาอุราอย่างไม่ปราศรัย
มีที่มาประการใด
?
เหตุใด..จิตใจจึงต้องข้องอยู่มิรู้เลือน
๏ ด้วยเหตุฉะนี้...
ปราชญ์เมธีตั้งแต่อดีตกาล
จึงขนานฉายาให้แก่การมีชีวา ว่า...
คือ..." สังสาร / สงสาร "
เพราะสร้างความทุกข์ทรมาน
มากกว่าศานติสุข
๏ ความทะยานอยากมากมายไม่สิ้นสุด
ประดุจลมหายใจแห่งจิตวิญญาณ
ชักใยให้กระหายในความต้องการ
เพื่อสืบสานสิ่งอันใด
?
๏ เมื่อการทำตามใจ
รังแต่จะนำความวุ่นวายมากมายมาให้
การฉุกคิด
รู้เท่าทัน
และหยุดความกระสัน
ดิ้นรนของจิตใจ
ละวาง...อย่างตั้งใจ
จะช่วยถากถาง
ลบล้างความทะยานอยากได้
ไม่ยากเย็น...
๏ เมื่อลมหายใจของสังขาร
สอดคล้องส้องประสาน
กับลมหายใจของเวลา...
ชีวาอันศานติสุข
ปลอดทุกข์เข็ญ
ก็จะเป็นไป...
ตามจังหวะแห่งอายุขัย...อย่างไร้ความกังวล
ฯ
๒๓ กุมพันธ์
๒๕๕๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น