ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอังคารที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2566

ธรรมชาติ-จิตเดิมแท้ : กาพย์ยานี๑๑


ก้อนทองคำธรรมชาติ ที่ขุดได้ในกัมพูชา


ธรรมชาติ-จิตเดิมแท้ : กาพย์ยานี๑๑


    ทองคำ โดยธรรมชาติ.................................ไม่สะอาด (หรือ)ปราศมัวหมอง

ละลาน(ตา) (ส)สารเนืองนอง......................ต้องสกัด กำจัด(ออก)ไป


    งดงาม ชมธรรมชาติ....................................สูดอากาศ สะอาดใส

ทุกๆ ลมหายใจ(เข้าออก)...........................ไม่บริสุทธิ์ ดุจจินตนา

 

    จิตใจ ในธรรมชาติ.......................................ตามโอวาท พุทธศาสนา(ฝ่ายเถรวาท)

แคลนขาด (ความ)ปภัสรา...........................เยี่ยงพรรณนา มหา(ยาน)นิกาย(ปภัสรา=บริสุทธิ์ผุดผ่อง)


    แต่มี กิเลสเฟื่อง..........................................ตามหนุนเนื่อง บ่ขาดสาย

คุ้นชิน ชีวิน-วาย........................................คล้ายเป็นตน ของตนตัว


    (ความ)กระสัน เกิดตัณหา.............................เป็นสัญญา ประทับหัว(สัญญา=ความจำได้หมายรู้)

ก่อกวน(จิตใจ) ทุกถ้วนทั่ว..........................จนเมามัว พัวพันปอง


    ต้องหัด กำจัดกิเลส.....................................พากเพียรเฉท ตัณหาผอง(เฉท=การตัด,การฟัน,การขาด)

มลทิน ทั้งสิ้นตรอง.....................................จ้องขจัด ปัดออกไป(จากจิตใจ)

 

    (จิต)จึงจะ ปภัสสร........................................หลังรานรอน อนุสัย(อนุสัย=กิเลสที่นอนเนื่องในสันดาน)

(ต้อง)อุตสา หะชาญชัย...............................(จิตใจคน)หาได้เกิด (ความ)ประเสริฐเอง


    ธรรมชาติ จิตเดิมแท้....................................ธรรมเผยแพร่ แลมิเพ่ง*

ขาดจิต คิดยำเกรง......................................พระศาสดา ธรรมาเอยฯ(เพราะไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้า)


๒๖ กันยายน ๒๕๖๖


*ความเห็นของผู้เขียน

ถ้าจิตเดิมแท้ของทุกชีวิต บริสุทธิ์ สะอาด ปราศจากกิเลสตัณหา อย่างที่หลายคนชอบพูดกัน

ก็คือ สภาพจิตของอรหันต์ เป็นวิมุติ หลุดพ้น เป็นนิพพาน ซึ่งจะไม่เวียนว่ายตายเกิด ไม่มีภพชาติ

พวกที่ยังมาเวียนว่ายตายเกิด มีกิเลสตัณหา มีปัญหาชีวิต มีความทุกข์ฯลฯ จะมีจิตที่บริสุทธิ์ได้ยังไง?


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๓ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค

๖๙. อาสยานุสยญาณนิทเทส
แสดงอาสยานุสยญาณ
......
[๑๑๔] อนุสัยของสัตว์ทั้งหลาย เป็นอย่างไร
             คือ อนุสัย ๗ ได้แก่  
 ๑. กามราคานุสัย (กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดานคือกามราคะ)
                          ๒. ปฏิฆานุสัย (กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดานคือปฏิฆะ)
                          ๓. มานานุสัย (กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดานคือมานะ)
                          ๔. ทิฏฐานุสัย (กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดานคือทิฏฐิ)
                          ๕. วิจิกิจฉานุสัย (กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดานคือวิจิกิจฉา)
                          ๖. ภวราคานุสัย (กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดานคือภวราคะ)
                          ๗. อวิชชานุสัย (กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดานคืออวิชชา)
             กามราคานุสัยของสัตว์ทั้งหลายย่อมนอนเนื่องในปิยรูป (อารมณ์อันเป็นที่รัก)
สาตรูป (อารมณ์อันเป็นที่ยินดี) ในโลก ปฏิฆานุสัยของสัตว์ทั้งหลายย่อมนอนเนื่อง
ในอัปปิยรูป (อารมณ์อันไม่เป็นที่รัก) อสาตรูป (อารมณ์อันไม่เป็นที่ยินดี) ในโลก
อวิชชาตกไปในสภาวธรรม ๒ นี้ ด้วยอาการอย่างนี้ มานะ ทิฏฐิ และวิจิกิจฉาพึงเห็น
ว่า ตั้งอยู่ในฐานะแห่งเดียวกันกับอวิชชานั้น นี้ชื่อว่าอนุสัยของสัตว์ทั้งหลาย
             จริตของสัตว์ทั้งหลาย เป็นอย่างไร
             คือ ปุญญาภิสังขาร (สภาพที่ปรุงแต่งกรรมฝ่ายดี) อปุญญาภิสังขาร (สภาพ
ที่ปรุงแต่งกรรมฝ่ายชั่ว) อาเนญชาภิสังขาร (สภาพที่ปรุงแต่งภพอันมั่นคงไม่หวั่นไหว)
ที่เป็นกามาวจรภูมิ หรือที่เป็นรูปาวจรภูมิ และอรูปาวจรภูมิ นี้ชื่อว่าจริตของสัตว์
ทั้งหลาย
             [๑๑๕] อธิมุตติของสัตว์ทั้งหลาย เป็นอย่างไร
             คือ สัตว์ทั้งหลายมีอธิมุตติทรามก็มี มีอธิมุตติประณีตก็มี สัตว์ทั้งหลาย
ที่มีอธิมุตติทราม ย่อมคบหาสมาคม เข้าไปนั่งใกล้สัตว์ผู้มีอธิมุตติทรามเหมือนกัน
สัตว์ทั้งหลายผู้มีอธิมุตติประณีต ย่อมคบหาสมาคม เข้าไปนั่งใกล้สัตว์ผู้มีอธิมุตติ
ประณีตเหมือนกัน แม้ในอดีตกาล สัตว์ทั้งหลายผู้มีอธิมุตติทราม ก็คบหาสมาคม
เข้าไปนั่งใกล้สัตว์ผู้มีอธิมุตติทรามเหมือนกัน 
สัตว์ทั้งหลายผู้มีอธิมุตติประณีตก็คบหาสมาคม เข้าไปนั่งใกล้สัตว์ผู้มีอธิมุตติประณีตเหมือนกัน 
แม้ในอนาคตกาล สัตว์ทั้งหลายผู้มีอธิมุตติทราม ก็จักคบหาสมาคมเข้าไปนั่งใกล้สัตว์ผู้มีอธิมุตติทราม
เหมือนกัน สัตว์ทั้งหลายผู้มีอธิมุตติประณีต ก็จักคบหาสมาคมเข้าไปนั่งใกล้สัตว์ผู้มี
อธิมุตติประณีตเหมือนกัน นี้ชื่อว่าอธิมุตติของสัตว์ทั้งหลาย
             อภัพพสัตว์ เป็นอย่างไร
             คือ สัตว์ทั้งหลายผู้ประกอบด้วยธรรมเป็นเครื่องกั้น คือ กรรม กิเลส วิบาก
เป็นผู้ไม่มีศรัทธา ไม่มีฉันทะ มีปัญญาทราม ไม่อาจเข้าสู่สัมมัตตนิยามในกุศลธรรม
ทั้งหลาย เหล่านี้ชื่อว่าอภัพพสัตว์
             ภัพพสัตว์ เป็นอย่างไร
             คือ สัตว์ทั้งหลายผู้ไม่ประกอบด้วยธรรมเป็นเครื่องกั้น คือ กรรม กิเลส วิบาก
เป็นผู้มีศรัทธา มีฉันทะ มีปัญญาดี อาจเข้าสู่สัมมัตตนิยามในกุศลธรรมทั้งหลาย
เหล่านี้ชื่อว่าภัพพสัตว์
             นี้เป็นญาณในอาสยะและอนุสัยของสัตว์ทั้งหลาย ของพระตถาคต.

การสกัดทองคืออะไร

เป็นการใช้สารละลายแร่ทองคำออกมาจากหินหรือแร่ชนิดอื่น เช่น สารละลายไซยาไนด์ ซึ่งเก็บแร่ทองคำไว้ประมาณร้อยละ 90-95 และนำสารละลายที่ได้มาแยกทองคำออกด้วยการตกตะกอน ถลุงเป็นแท่งโลหะผสม ด้วยทองคำและเงิน จากนั้นนำมาทำให้บริสุทธิ์โดยแยกโลหะที่มีอยู่ทั้งหมดออกจากกันจนได้ทองคำบริสุทธิ์ ร้อยละ 99.99 ปัจจุบันกระบวนการสกัดทองคำให้บริสุทธิ์มีทั้งหมด 4 วิธีหลัก ได้แก่

  • AQUA REGIA โดยใช้กรดไนตริกเเละกรดไฮโดรคลอริกเป็นตัวทำปฏิกิริยา ทำให้ทองที่ได้มีความบริสุทธิ์ประมาณ 99.9X%
  • CHORINATION โดยใช้แก๊สคลอรีน (CHORINE) เป็นตัวทำปฏิกิริยาให้ได้ความบริสุทธิ์ ทำให้ทองที่ได้มีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5%
  • ELECTROLYSIS โดยใช้กระบวนการทางไฟฟ้าเป็นตัวทำปฏิกิริยาและใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมกระแสไฟฟ้า ทำให้ทองที่ได้มีความบริสุทธิ์มากถึง 99.99%
  • กิมซั่ว เป็นการสกัดเเบบโบราณที่นิยมใช้ในประเทศไทย โดยใช้น้ำกรดไนตริกเป็นตัวทำปฏิกิริยาและใช้โลหะเงินเป็นจำนวนมากในการหลอมให้เข้ากับทองที่สกัด จากนั้นจึงนำไปต้มในน้ำกรดไนตริก ทำให้ทองที่ได้มีความบริสุทธิ์ประมาณ 98-99%(https://bkkdiamond.com/gold-extraction/).

อากาศ เป็นของผสมที่มีลักษณะเป็นเนื้อเดียว ประกอบด้วยแก๊สชนิดต่างๆ และไอน้ำ อากาศที่ไม่มีไอน้ำผสมอยู่เรียกว่า อากาศแห้ง ส่วนอากาศที่มีไอน้ำผสมอยู่เรียกว่า อากาศชื้น 
โดยทั่วไปจะมีไอน้ำผสมอยู่ประมาณร้อยละ 0-4 ของอากาศทั้งหมด ไอน้ำมีความสำคัญมาก เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางลมฟ้าอากาศ เช่น ฝน ลม พายุ ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง
    ในอากาศแห้งส่วนใหญ่ จะประกอบด้วยแก๊สไนโตรเจนประมาณ ร้อยละ 78 แก๊สออกซิเจน ประมาณร้อยละ 21 และแก๊สอื่นๆ อีกประมาณ ร้อยละ 1 ได้แก่ แก๊สอาร์กอนประมาณ ร้อยละ 0.93 แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ ร้อยละ 0.03 นอกจากนั้น อีกประมาณร้อยละ 0.04 เป็นแก๊สนีออน ฮีเลียม คริปตอน ซีนอน ไฮโดรเจน มีเทน ไนตรัสออกไซด์ และเรดอน ตามปกติแล้ว จะไม่มีอากาศแห้ง เนื่องจากอากาศทั่วๆ ไปเป็นอากาศชื้นที่มีไอน้ำ และแก๊สอื่นๆ ปนอยู่ด้วย
    อากาศชื้น เป็นอากาศที่มีไอน้ำปนอยู่ด้วยประมาณ ร้อยละ 0-4 โดยมวลหมายความว่า ถ้าอากาศชื้นมีมวล 1 กิโลกรัม (1,000 กรัม) จะมีไอน้ำอยู่มากที่สุด 40 กรัม ปริมาณไอน้ำในอากาศทำให้ปริมาณแก๊สไนโตรเจนซึ่งมีอยู่ในอากาศแห้งประมาณ ร้อยละ 78 และปริมาณแก๊สออกซิเจนในอากาศแห้งประมาณ ร้อยละ 21 เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเล็กน้อย.(https://www.thaihealth.or.th/%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8/)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น