ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ขยันแบบโง่ๆ : กลอนคติเตือนใจ




ขยันแบบโง่ๆ : กลอนคติเตือนใจ


    รอยรั้ง หลังชน เดินวนเวียน(เทียน)..........................คือน้ำ ตาเทียน เคียนโบสถ์วิหาร(เคียน=พัน,คาด)

สกปรก รกตา อนาจาร......................................ศาสน สถาน อันพิมล


    พระแก่ แค่คิด เป็นกิจจะ.........................................(สร้างภาพ)มานะ ขยัน บันดาลผล

แก่ผู้ พบเห็น ; บำเพ็ญตน.................................อดทน ขูดเทียน เพียรเช้า-เย็น(หลายวัน)

 

    คนมี ปัญญา ผ่านมาแนะ.........................................ขูด-แคะ กระเบื้อง เรื่องควรเว้น

วิธี ง่ายๆ ไร้ลำเค็ญ...........................................สมองใช้ ให้เป็น ประหยัด(แรง)-เวลา


    เทียนโดน แดดจ้า (ก็)หลอมละลาย..........................ตอนบ่าย แดดร้อน เลิกซ่อนหน้า(หลบแดด)

อดทน ตากแดด แผดกายา................................ใช้ผ้า เช็ด-ถู ดูง่ายดี(สะอาดเกลี้ยงเกลา)

 

    พระแก่ กลับเอ่ย อ้างเคยทำ(ขูดเทียน).....................(จะ)ตรากตรำ ต่อไป ในวิถี

ข้อแนะนำ ข้ามไป มิใยดี....................................สร้างภาพ พระดี วิริยา(ต่อไป)

 

    ขยันแบบ โง่ๆ คือโมหะ...........................................กว่าจะ (งาน)เสร็จหนอ ก็เหนื่อยล้า

สิ้นเปลือง เวล่ำ เสียเวลา...................................นานัป(การ) ทรัพยา สูญละลาย

 

    (คิดให้)ตรงไป ตรงมา สุจริต....................................ความคิด มิจฉา สละสลาย

เฟ้นหา วิธี ที่เรียบ-ง่าย......................................สะดวกสบาย ไม่ต้อง คล่องคุยโว

  

    อย่ามัว สร้างภาพ ที่ฉาบฉวย...................................รุ่มรวย ด้วยความ คิดโง่ๆ

ทำเรื่อง เล็กให้ เป็น(เรื่อง)ใหญ่โต......................พาโล โก้กวด อวดสาธารณ์*


    ขยันแบบ ฉลาด ฉกาจกิจ........................................สุจริต คิดใคร่ หทัยหาญ(อย่าฉลาดแบบเจ้าเล่ห์)

ซื่อตรง ทรงสถิต จิตวิญญาณ..............................สร้างสาน บ้านเมือง รุ่งเรืองเทอญ

 

๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔


* ผู้เขียนเคยบวชพระระยะหนึ่ง ได้ตระเวนไปตามวัดที่ถูกเรียกว่า "สายปฏิบัติ" นับสิบวัด

บางวัดมีสาขาทั้งในและต่างประเทศมากมาย

วัดเหล่านี้ชอบตั้งกฎระเบียบที่เข้มงวดให้คนคิดว่า "เป็นวัดเคร่ง" ทั้งๆที่กฎระเบียบเหล่านั้นไม่มีในธรรมวินัยและไร้สาระ เช่น ตื่นมาทำความสะอาดเสนาสนะตอนตี 2 ทำวัตรตี 4

พอตรวจสอบเข้าจริงๆ พระพวกนี้ต้องนอนกลางวันชดเชยเวลาที่นอนกลางคืนน้อย-นอนไม่พอ

แล้วจะตื่นตี 2 ขึ้นมาใช้ไฟฟ้าให้สิ้นเปลืองทำไม? ทำกิจตอนกลางวันไม่ต้องเปิดไฟ-ใช้ไฟฟ้าเลย

คนปกติต้องนอนกลางคืน-ตื่นกลางวัน จะคิดทำพิสดารไปเพื่ออะไร? ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าซะหน่อย


มีวัดหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมาก-ดังไปทั่วโลก ผู้เขียนเข้าไปกราบขออยู่ด้วย(ที่สาขาแรก-สาขาหลัก)

แต่เจ้าอาวาสโอ้อวดผ้าไตรที่ย้อมสี-ตัด-เย็บเอง 11 ขันธ์ (ผ้าไตรธรรมดาในท้องตลาดมี 5 ขันธ์ แบบราคาแพงมี 9 ขันธ์)

ผู้เขียนถามไปว่า ผ้าไตรที่ชาวบ้านถวายไม่มีหรือครับ? ใช้ให้เขาดีใจไม่ดีกว่ามาทำเองหรอกหรือ?

เจ้าอาวาสแสดงอาการหัวเสีย ไล่ให้ผู้เขียนไปอยู่เพิงเล็กๆที่ไม่มีฝาผนัง-หลังคามุงหญ้าคา ใช้เป็นที่นั่งเล่นไม่ใช่อยู่อาศัย

ผู้เขียนถามว่ากุฏิว่างไม่มีหรือครับ ทำไมให้ผมไปอยู่เพิง? เจ้าอาวาสก็บอกให้ผู้เขียนไปนอนที่ศาลาแทน(ไม่ให้อยู่กุฏิ)


เจ้าอาวาสวัดที่มีชื่อเสียง มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ใช่ว่าจะเป็นพระที่จิตใจดี-มีสติปัญญา จำนวนไม่น้อยที่จิตใจไม่ซื่อตรง-ติดใจในลาภยศสรรเสริญและกามสุข ไม่ต่างจากฆราวาสเลยด้วยซ้ำ ชอบใช้ของหรูหราราคาแพง-ฟุ่มเฟือย-รักความสบาย ขี้เกียจ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น