ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2564

ถึงเป็นคนดี ก็มิควรประมาท : กลอนคติเตือนใจ









ถึงเป็นคนดี ก็มิควรประมาท : กลอนคติเตือนใจ


    ถึงจะเป็น คนดี (ก็)มิสามารถ..............................ปิดตาเดิน นวยนาด ข้ามถนน

(เพราะ)จังหวะเหมาะ เคราะห์มี รถปรี่ชน...........หนีไม่พ้น ทุพพลภาพ / ดับชีวา


    แม้มั่นใจ ในความดี ที่เพียรสร้าง.........................ทว่าการ เหยียบย่าง กลางโลกหล้า

ใครก็อย่า ประมาท อาชญา..............................ความชั่วช้า ประจำใน ใจหมู่ชน

 

    มีอะไร (ชั่ว)ร้ายเท่า คนเล่าหนอ?........................หมั่นกำเนิด เกิดก่อ อกุศล

สถิตทรวง ดวงแด เห็นแก่ตน...........................(มัก)ทำสิ่งใด ไม่สน คน(อื่นทุกข์)ทรมาน


    การวางไว้(ไว้วาง) ใจคน จักจนจิต......................(เพราะ)ความทุจริต มิจฉา คือมาตรฐาน-

ของผู้คน ทั่วไป ในสาธารณ์.............................จิตหยาบช้า สามานย์ พาลฤดี

 

    สารพัดภัย หลายหลาก จากมนุษย์......................คือที่สุด ของภัย ในโลกนี้

ภัยธรรมชาติ สัตว์ร้าย ในปัถพี...........................หาได้มี ที่โหดเหี้ยม ทัดเทียมคน

 

    ธรรมชาติ มนัสไซร้ วางใจยาก............................เพราะส่วนมาก มักใคร่ ใฝ่อกุศล

ถึงลำธาร อันลดเลี้ยว คดเคี้ยวชล......................ยังมิยล เยี่ยงคนคด มดเท็จครอง

 

    ถึงจะเป็น คนดี (ก็)มิควรประมาท.........................เพราะชีวี จะพินาศ พลาดผลผอง

ความประมาท เป็นมัจจุ ผู้ช่ำชอง..........................คอยเฝ้ามอง จ้องหาเหยื่อ ทุกเมื่อ(เชื่อ)วัน(มัจจุ=ความตาย)

  

    อย่ามั่นใจ ในความดี ที่ทำแล้ว............................สิสามารถ พาคลาดแคล้ว แผ้วอาสัญ

ใคร(ล่วง)รู้เห็น เวรกรรมเก่า อย่างเท่าทัน?.........(แม้)พระอรหันต์ ยังพันตู สู่ความตาย


    ปราชญ์ใดสอน สั่งให้ ไว้ใจมนุษย์?.....................ผู้ประดุจ ภูตผี ปีศาจร้าย

ความประมาท คือหนทาง แห่งวางวาย...............คนประมาท คือคนตาย(แล้ว)* ใคร่ครวญเทอญ


๗ มีนาคม ๒๕๖๔


* พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗

ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
คาถาธรรมบท อัปปมาทวรรคที่ ๒
[๑๒] ความไม่ประมาท เป็นทางเครื่องถึงอมตนิพพาน ความประมาท เป็นทางแห่งความตาย ชนผู้ไม่ประมาทย่อมไม่ตาย ชน เหล่าใดประมาทแล้วย่อมเป็นเหมือนคนตายแล้ว บัณฑิต ทั้งหลายตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ทราบเหตุนั่นโดยความ แปลกกันแล้ว ย่อมบันเทิงในความไม่ประมาท.....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น