ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2564

ทำดีต้องละความชั่ว : กลอนคติสอนใจ


ทำดีต้องละความชั่ว : กลอนคติสอนใจ


    เพียงราตรี ลี้-ลับ ประทับหล้า...............................พลันมืดมน อนธการ์ มลายสูญ

โลกทัศน์ ชัดเจน เด่นจรูญ..............................(การ)รู้เห็นเริ่ม เพิ่มพูน กูลทวี


    ยามแสงทอง ส่องฟ้า ทิพาวัน..............................แสนอัศจรรย์ บันดล ผลสุขศรี

ปวงพฤกษา ผาสุก ปลุกชีวี.............................เหล่าปักษี เสรีร่ำ เพลงดำเนิน


    อรุณจุ่ง จรุงจิต พิสมัย........................................ทุกภาษา กวีไซร้ ให้(คำ)สรรเสริญ

อภิรมย์ พรมเพรื่อ ชนเชื้อเชิญ.........................ร่วมสุขล้ำ จำเริญ เพลิดเพลินใจ

 

    เพียงฤทัย ไร้สิ้น อกุศล......................................พลันเพริศผล กมลพร่าง สว่างไสว

มลทินยก รกเรื้อ สิ้นเยื่อใย..............................มองเห็นใจ ใสพิสิฐ มีอิสรา


    การละลด ปลดเปลื้อง เรื่องโฉดชั่ว......................ต้องรู้ตัว หัวใจ (ลดละ)ไร้ตัณหา(เสียก่อน)*

วิริยะ ละ(ลด)กิเลส ตั้งเจตนา...........................ล้างอุรา ปฏิกูล สูญสิ้นไป(เป็นจุดเริ่มต้น)

 

    ตราบเท่าที่ ฤดียัง สร้าง(ความ)สกปรก.................อกุศล วิตก รกนิสัย

ถึงรับศีล สวดมนต์ บ่นร่ำไร..............................(ก็)หาทำให้ ใครสะอาด ปราศบาปกรรม

 

    ความมืดย่อม ขัดขวาง (ความ)สว่างไสว..............อกุศล กมลไส ให้ตกต่ำ

คอยขัดขวาง ทางสถิต พิสิฐธรรม.....................ถ่วงวิถี ศีลธรรม สิ้นอำไพ

 

    การทำดี (จึง)ต้องลี้ลับ ดับความชั่ว.....................จึง(จะ)สำเร็จ เสร็จทั่ว มิรั่วไหล**

จะเป็นคน สุจริต ต้อง(มี)จิตใจ-.........................มิสาไถย ไม่ทุจริต เป็นนิจเอ


๒๐ มีนาคม ๒๕๖๔


พระพุทธเจ้า ตรัสสอน "โอวาทปาฏิโมกข์" (โอวาทปาติโมกข์ ก็เขียน)

การไม่ทำบาปทั้งปวง การทำกุศลให้ถึงพร้อม การทำใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ฯลฯ

สังเกตได้ว่า

คำสอนนี้เริ่มต้นด้วย "การไม่ทำบาป" ก่อน "การทำดี" เสียอีก


*กิเลสตัณหา เป็นต้นเหตุแห่งการทำชั่ว

การจะระงับความชั่วจึงต้องขจัดกิเลสตัณหาก่อน


**การทำดีโดยไม่ละเว้นความชั่ว มักเป็นการทำชั่วที่เอาความดีบังหน้า เสียเป็นส่วนใหญ่

เช่น ช่วยเหลือคนอื่นเพื่อหวังทวงบุญคุณภายหลัง

ทำบุญกับพระ-วัด 100 บาท แล้วอธิษฐานขอให้ได้ผลบุญกลับคืน 100 เท่า 1,000 เท่า

ซึ่งก็คือ 1 หมื่น - 1 แสนบาท

ทุจริตเงินแผ่นดิน 100 ล้าน แบ่งเงินไปทอดกฐิน 1 แสน แล้วอธิษฐานขอให้ได้ไปเกิดบนสวรรค์

ฯลฯ

การทำดี ที่ไม่ละเว้นความชั่วเสียก่อน จึงมักไม่เป็นการทำความดี แต่เป็นความชั่ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น