ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2564

ไม่ใช่เมืองพุทธ : กลอนคติเตือนใจ


ไม่ใช่เมืองพุทธ : กลอนคติเตือนใจ


    ทอด(กฐิน)ผ้าป่า สามัคคี ต้องมีแจก...........................ของขลัง ฝังแทรก (พุทธ)ศาสนา

ทำบุญ สุนทาน ต้องวันทนา.......................................(ให้พระ)สวดคาถา อาคม พรมน้ำมนต์

 

    เหล็ก-ผ้า-ศิลาฯลฯเพี๊ยน เปลี่ยนเป็นยันต์....................ยิง-ฟัน ไม่เข้า เมามัวผล

(วัตถุดิบ)ซื้อมา ไม่กี่บาท ประกาศ(โฆษณา)จน............หลอกคน ขายเป็นล้าน รวยทันที


    วัตถุ มงคล ล้นประเทศ..............................................พระเกจิ ผู้วิเศษ เหตุฉะนี้

เมืองไทย มิใช่พุทธ สุดมากมี.....................................ไสยศาสตร์ ทัศนีย์ ที่เป็นไทย


    ชักชวน ชนให้ ใคร่บริจาค..........................................ช่างยาก ลำบาก หรือ(แท้จริงเพราะ)อยากได้

หวังเงิน มากๆ หลากล้นไป.........................................จึงใช้ (พุทธ)ศาสนา เชิดหน้าบัง

 

    ชวนชน (โง่)งมงาย ให้บริจาค.....................................ง่ายมาก หากทำที มีความขลัง(ศักดิ์สิทธิ์)

(หลอกว่า)ผลตอบแทน แสนเท่า ล้านเท่าดัง.................วาดหวัง ฝังจริต คิดโลภมี

 

    สมควร แก่เพศ สมณะ?...............................................หลอกล่อ คนอุระ เหนียวตระหนี่

ด้วยการ ทุริต คิดวิธี....................................................บัดสี ไสยศาสตร์ อุบาทว์บัง

 

    (ความจริง)เมื่อได้ ให้ทาน มานสุจริต.............................โดยมิคิด เอากำไร หลายเท่าหวัง

ความพิสุทธิ์ จุดติด จิตประดัง........................................เปี่ยมพลัง เมตตา มหาคุณ

 

    จิตที่ฝึก ดีแล้ว ย่อมแกล้วกล้า......................................ทรงสติ ปัญญา สุทธาหนุน

เกิดกุศล ผลกรรม สัมมาบุญ..........................................จะหมกมุ่น มนตรา พระสวดใย(ไม่เกิดประโยขน์)


    มีวัด แต่ทำไม ไม่ฉลาด?.............................................เพราะขาด ศรัทธา(เชื่อ) ธรรมะไซร้

พระที่ มีทั่ว มืดมัวไทย..................................................(ส่วนใหญ่)เลื่อมใส ไสยศาสตร์ อย่างชัดเจน*ฯ

 

๑๕ มกราคม ๒๕๖๔


*พระส่วนใหญ่ไม่เลื่อมใสคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงไม่ศึกษาพระไตรปิฎก

ไม่แปลกที่พระพวกนี้จะไม่เข้าใจธรรมวินัย ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง ตั้งกฎกติกาตามใจตัวเอง

จะเห็นได้จากที่พระแยกย้ายไปตั้งสำนักมากมาย มักมีกิจ-วัตรที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แตกต่างจากสำนักอื่นๆ

คนไม่รู้-ไม่ศึกษาพระไตรปิฎก ก็หลงเข้าใจว่า พระเคร่ง

แต่ไม่คิดสงสัยว่า ถ้าเป็นศาสนาพุทธเหมือนกัน ทำไมมีกิจ-วัตรแตกต่างกัน?

แล้วกิจ-วัตร ที่ว่าเคร่ง ทำไปเพื่ออะไร? พระพุทธเจ้าสอนหรือเปล่า?

ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอน แล้วพระพวกนี้วิเศษมาจากไหน? จึงมาทำกิจ-วัตร ที่แปลกแตกต่างจากคำสอนของพระพุทธเจ้าฯลฯ

พระพวกนี้ยังเป็นพระในพุทธศาสนาอยู่หรือ? ในเมื่อสิ่งที่ทำไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าบัญญัติฯลฯ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น