ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2564

ทอดผ้าป่า(พอเป็นพิธี)สามัคคี : กลอนคติเตือนใจ

 

ทอดผ้าป่า(พอเป็นพิธี)สามัคคี : กลอนคติเตือนใจ


    งานทอด ผ้าป่า (พอเป็นพิธี)สามัคคี.....................จัดให้ ได้มี แสงสีสรรค์

มหรสพ-(เลี้ยง)อาหาร-การพนันฯลฯ.................เป็นประเพ ณีอัน เนื่องนานนม

 

    อะไร เรียกว่า "ทอดผ้าป่า"*?.............................ช่างมัน(ไม่สนใจ) ฉันปรารถนา (แค่)หรรษาสม

กระแส โลกีย์ ค่านิยม......................................โลกย์คุ้น หนุนชม ภิรมย์มอง


    ตั้งใจ ใคร่หา เงินตราแหน...................................ตามแผน พัฒนา พูดผยอง(ขาดเงินงบฯ)

แต่เงิน ส่วนใหญ๋่ ละลายรอง-............................รับสนอง โลกีย์ มินำพา


    โรงเรียน โรงบาลฯลฯ แข่งขันวัด..........................ทอดผ้าป่า ขยันจัด ถนัดหา(เงิน)

ขอเงิน ของเหล่า ชาวประชา.............................เอามา ทำอะไร ใช้จ่ายจริง?(มหรสพ-เลี้ยงโต๊ะจีนฯลฯ)

 

    ความคด ของคน มานฉลฉ้อ.................................(สาเหตุ)เกิดก่อ อกุศล บนโลกยิ่ง

กิเลส ตัณหา ทำละทิ้ง......................................ความกริ่ง เกรงกลัว ผลชั่ว(สนอง)คืน

 

    ทั้งพระ ฆราวาส อ้าง(พุทธ)ศาสนา........................แสวงหา เงินง่าย หทัยรื่น

โลกธรรม นำหน้า มารยายืน...............................สร้าง(พิธี)ผสม กลมกลืน ธรรมวินัย

 

    แต่ท้ายสุด สุดท้าย ใช้แค่ชื่อ................................ทอด"ผ้าป่า" หาได้คือ พุทธสมัย

เพื่อเงิน-กาม(คุณ) สำมะหา ทอดอะไร?...............ทอดอาลัย ให้จิต ทุจริตจอง

 

    ทอดผ้าป่า สามัคคี ที่ปรากฎ.................................ชวนสลด (ความ)คดใคร่ ไม่ถูกต้อง

ตามกระแส สังคม มุ่งสมปอง...............................กิเลสโปรด จดจ้อง (จิต)เศร้าหมองเอย

 

๑๖ มกราคม ๒๕๖๔


*สมัยพุทธกาลไม่มีพิธีการ"ทอดผ้าป่า"

โดยเฉพาะ ทอดผ้าป่าเพื่อหาเงิน ผิดธรรมวินัย-พระทำไม่ได้

มีคำว่า"ผ้าป่า"ในพระไตรปิฏก ก็หมายถึง"ผ้าบังสุกุล" แปลว่า ผ้าที่เปื้อนฝุ่น(ผู้เขียน)


**ในสมัยพุทธกาล เริ่มแรกพระพุทธเจ้าไม่อนุญาตให้พระภิกษุรับผ้านุ่งห่มจากฆราวาส แต่ให้พระภิกษุเก็บผ้าบังสุกุลหรือผ้าที่เขาทิ้งไว้ตามร้านตลาดหรือผ้าห่อศพที่ไม่มีผู้ใดปรารถนาเพราะสกปรก มาซักล้างให้สะอาด แล้วเก็บไว้เพื่อนำมาตัดเย็บเป็นผ้าผืนใดผืนหนึ่งที่ชำรุดเช่น ผ้านุ่งหรืออันตรวาสกหรือผ้าสบง ผ้าห่มหรือผ้าจีวรหรือผ้าอุตตราสงค์ หรือผ้าห่มซ้อนหรือสังฆาฎิ ในเวลาที่เหมาะสมต่อไป

ต่อมา จึงมีพระบรมพุทธานุญาตให้รับผ้าจากฆราวาสได้ เพื่อเจริญศรัทธาของอุบาสกอุบาสิกาผู้เลื่อมใส และบรรเทาความยากลำบากของพระภิกษุสงฆ์ในการแสวงหาผ้าอีกทางหนึ่งด้วย(https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น