ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2567

ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี มิล้าสมัย : กลอนคติสอนใจ












ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี มิล้าสมัย : กลอนคติสอนใจ


    รวงราช (ชะ)พฤกษ์ย้อย ห้อยระย้า......................รังรอง ลำยองตา หน้าคิมหันต์

ลมพัด สะบัดเห็น เช่นจำนรรจ์..........................สังสรรค์ บรรเลง เพลงประไพ


    ความเขลา ของคน ดุจมนต์ขลัง..........................ประดัง ฝังจิต ติดนิสัย

ความชั่ว ของกมล คนจัญไร.............................ต่อให้ ตายจาก มิพรากพันธ์

 

    ความดี มีปัญญา คือลาภะ...................................ช่วยให้ (มี)ชัยชนะ ชีวะหรรษ์

ความรู้ (ว่าอะไร)ชั่ว-ดี วิลาวัลย์.........................ทรงค่า คุณานันต์ นิรันดร

(วิลาวัลย์=งามเลิศ,คุณานันต์=คุณ+อนันต์)


    (ความ)รู้ใจ ใครมี ดีหรือชั่ว?................................คือประโยชน์ โชติทั่ว สโมสร

ได้พบ คนดี (เป็น)โสภีพร.................................(พบ)ชั่วชน รนร้อน สะท้อนทัณฑ์


    คบคน ไม่ดี พามีทุกข์........................................คบ(คน)ดี คลีคลุก สร้างสุขสันติ์

เสริมส่ง มงคล ดลชีวัน.....................................วัฒนา จรัล บันเทิงใจ


    ตราบที่ ยังคง ยงชีวิต.........................................(เรื่อง)ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี มิล้าสมัย

เพราะกฎ แห่งกรรม ดำเนินไกร..........................ก่อกรรม ทำให้ ได้ผลคืน


    ศีลธรรม ความดี มีอานุภาพ.................................ชั่วทราม กำราบ ชีพราบรื่น

ปรารมภ์ สมหวัง สุขยั่งยืน..................................แช่มชื่น พื้นฐาน เปี่ยมปัญญา


    ความดี มีคุณ หมุนโลกให้...................................สู่ทาง สว่างไสว ไคลปัญหา

ความชั่ว มัวเมา เร่าโลกา....................................วัฏฏะ สังขารา บ่าเวียนวน


๑๘ มีนาคม ๒๕๖๗


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต

โลกธรรมสูตร
[๙๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โลกธรรม ๘ ประการนี้ ย่อมหมุนไปตามโลก และโลกย่อมหมุนไปตามโลกธรรม ๘ ประการ ๘ ประการเป็นไฉน คือ ลาภ ๑ ความเสื่อมลาภ ๑ ยศ ๑ ความเสื่อมยศ ๑ นินทา ๑ สรรเสริญ ๑ สุข ๑ ทุกข์ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย โลกธรรม ๘ ประการนี้แล ย่อมหมุนไปตามโลก และโลกย่อมหมุนไปตามโลกธรรม ๘ ประการนี้ ฯ ธรรมในหมู่มนุษย์เหล่านี้ คือ ลาภ ๑ ความเสื่อมลาภ ๑ ยศ ๑ ความเสื่อมยศ ๑ นินทา ๑ สรรเสริญ ๑ สุข ๑ ทุกข์ ๑ เป็นสภาพไม่เที่ยง ไม่แน่นอน มีความแปรปรวน เป็นธรรมดา แต่ท่านผู้เป็นนักปราชญ์ มีสติ ทราบธรรม เหล่านั้นแล้ว พิจารณาเห็นว่ามีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ธรรมอันน่าปรารถนา ย่อมย่ำยีจิตของท่านไม่ได้ ท่านย่อม ไม่ยินร้ายต่ออนิฏฐารมณ์ ท่านขจัดความยินดีและความยินร้าย เสียได้จนไม่เหลืออยู่ อนึ่ง ท่านทราบทางนิพพานอัน ปราศจากธุลี ไม่มีความเศร้าโศก เป็นผู้ถึงฝั่งแห่งภพ ย่อมทราบได้อย่างถูกต้อง ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น