ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563

สวดมนต์สร้างกำลังใจ? : กลอนคติเตือนใจ

*ใช้วิธี เทน้ำจากขวดน้ำดื่ม

“ขอให้ประชาชนร่วมสวดมนต์หรือชมการถ่ายทอดสดอยู่ที่บ้าน ซึ่งจะมีบทสวดขึ้นให้ทางหน้าจอ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด19 แต่หากประชาชนมีความศรัทธาที่จะเข้าร่วม จะจัดสถานที่ให้ภายในวัด แต่จะต้องอยู่ห่างกัน 1 เมตร และผ่านการคัดกรองก่อนเข้าวัดด้วย” นายเทวัญ กล่าว (จาก <https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/871344> )


สวดมนต์สร้างกำลังใจ? : กลอนคติเตือนใจ

    สวดมนต์ เพื่อสร้าง กำลังใจ?................................มิใช่ คำสอน (ของ)พุทธศาสนา
แต่เป็น ไสยศาสตร์ ทัศนา...............................อวิชชา งมงาย ในอาคม(อาคม=เวทมนต์)

    กำลัง ใจมี (แต่)สติไร้..........................................พาให้ ประมาท พินาศสม
ปราศจาก ปัญญา จะโง่งม...............................ระรื่น ชื่นชม พรมน้ำมนต์

    สติ ปัญญา ถ้าบังเกิด...........................................ชักนำ ล้ำเลิศ ประเสริฐล้น
(เช่น)ระลึก ถึงคุณ บุญกุศล.............................ที่ตน บำเพ็ญ เฟ้นศรัทธา

    ระลึก ถึงพระ รัตนตรัย..........................................พุทธองค์ ทรงไร้ สิ้น(กิเลส)ตัณหา
หลักธรรม นำทาง สว่างตา...............................บูชา พระสงฆ์ (ผู้)ประพฤติดี

    ปัญญา=ความรู้ ปูทางให้......................................เข้าใจ(ทำ) สิ่งถูก ผูกวิถี
งดเว้น ความผิด มิจฉา ; มี...............................ผลดี ย่อมเกิด ความมั่นใจ

    แม้ต้อง ท่องไป ในโลกกว้าง.................................หนทาง ระกำ ลำเค็ญไข
ก็มิ เคว้งคว้าง กังวลฤทัย.................................เมื่อไม่ ไร้สติ และปัญญา

    ปล่อยคน โง่เขลา เมามนต์สวด..............................จำอวด มิอาย ชวนขายหน้า
แต่ละคน ล้วนมี ปริญญา(จบจากเมืองนอก).........ทว่า หาได้ ด้อยงายงม

    ของขลัง ยังใคร่ หลงใหลอยู่.................................ในหมู่ ผู้คน มลสั่งสม
มีกำ ลังใจ ในสังคม........................................(ที่)นิยม ความโง่ โมหะเอยฯ

๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓

*
ดูกรภิกษุทั้งหลาย หากความกลัวก็ดี ความหวาดสะดุ้งก็ดี ความขนพองสยองเกล้าก็ดี
พึงบังเกิดแก่พวกเธอผู้ไปในป่าก็ดี อยู่ที่โคนไม้ก็ดี อยู่ในเรือนที่ว่างเปล่าก็ดี
ทีนั้นพวกเธอพึงตามระลึกถึงเรานี้แหละว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาค
พระองค์นั้นเป็นพระอรหันต์ เป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชา
และจรณะ เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่น
จะยิ่งไปกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้
จำแนกธรรม ดังนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะว่า เมื่อพวกเธอตามระลึกถึงเราอยู่ ความกลัวก็ดี
ความหวาดสะดุ้งก็ดี ความขนพองสยองเกล้าก็ดี ที่จักมีขึ้นก็จักหายไป

หากพวกเธอไม่ตามระลึกถึงเรา ทีนั้นพวกเธอพึงตามระลึกถึงพระธรรมว่า
พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว บุคคลพึงเห็นได้เอง ไม่ประกอบด้วยกาล
ควรเรียกให้มาดูได้ ควรน้อมเข้าไปในตน อันวิญญูชนพึงรู้แจ้งได้เฉพาะตน ดังนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย 

เพราะว่า เมื่อพวกเธอตามระลึกถึงพระธรรมอยู่ ความกลัวก็ดี
ความหวาดสะดุ้งก็ดี ความขนพองสยองเกล้าก็ดี ที่จักมีขึ้นก็จักหายไป 


หากพวกเธอไม่ตามระลึกถึงพระธรรม ทีนั้นพวกเธอพึงตามระลึกถึงพระสงฆ์ว่า
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติตรง เป็นผู้
ปฏิบัติเป็นธรรม เป็นผู้ปฏิบัติชอบยิ่ง พระสงฆ์นั้นคือใคร ได้แก่คู่แห่งบุรุษสี่
รวมเป็นบุรุษบุคคลแปด นี้คือพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ควรแก่
สักการะที่เขานำมาบูชา เป็นผู้ควรแก่ของต้อนรับ เป็นผู้ควรแก่ทักขิณา เป็นผู้ควร
แก่การทำอัญชลี เป็นบุญเขตของโลก ไม่มีบุญเขตอื่นยิ่งไปกว่า 

เพราะว่า เมื่อพวกเธอตามระลึกถึงพระสงฆ์อยู่ ความกลัวก็ดี ความหวาดสะดุ้งก็ดี ความขนพอง
สยองเกล้าก็ดี ที่จักมีขึ้นก็จักหายไป 


ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุแห่งอะไร 
เพราะว่าพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ปราศจากราคะ ปราศจากโทสะ ปราศจาก
โมหะ ไม่เป็นผู้กลัว ไม่หวาด ไม่สะดุ้ง ไม่หนีไป ฯ

จาก <http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=15&A=7046&Z=7112>

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น