เห็นกงจักรเป็นดอกบัว : กาพย์ยานี๑๑
๏ บัณฑิต อดีตกาล...................................ทุ่มเทมาน เพื่อพานผล
"เกิดใหม่ ในโลก"พ้น(ไม่เกิดอีก)............เที่ยวคิดค้น (หา)หนทางเพียร
๏ จึงปลีก หลีกจากโลกย์-...........................วิถีโศก วิโยคเศียร(โลกย์-ของโลก)
โลกีย์ วิสัยเจียน...................................ประพฤติเพียร เนกขัมจริง
(เจียน=ตัด,เนกขัม=ออกจากกาม-ออกบวช)
๏ ฝักใฝ่ ไร้มล(อ่าน มะละ,มนละ)..................พ้นอาสวะ สุทธะยิ่ง
(มล=ความมัวหมอง-สกปรก,อาสวะ=กิเลสที่หมักหมม,สุทธะ=สะอาด,บริสุทธิ์,หมดจด)
โลกธรรม ก้าวข้ามอิง.............................พึ่งพิง(กุศล)ธรรม นำศรัทธา
๏ (แต่)คนพาล สันดานไพร่..........................ธรรมวินัย ไป่ศีกษา(ไพร่=คนเลว)
ถึงรู้ ก็(หลงใหล)บูชา..............................กิเลสตัณหา กล้างมงาย
๏ ติดใจ ในวิถี............................................กามโลกีย์ พีสุขหลาย
โลภมาก อยากสบาย...............................สังสาร(วัฏ)สาย มิไตร่ตรอง
๏ คิดชั่ว มั่วโลกย์ลาภ..................................กระมลหยาบ ปลาบผยอง
(ปลาบ=อาการแล่นวาบเข้าหัวใจ)
เมิน(คุณ)ค่า กาสาวพัสตร์ครอง..................ใช้เป็นช่อง จ้องกามโกย
๏ หลอกลวง โลกหากิน................................สร้างมลทิน จินดาโหย(จินดา=ใจ)
ศาสนา พาร่วงโรย(ทำลายศาสนา)..............กระทำโดย ไร้ยางอาย(หิริโอตัปปะ)
๏ เมื่อใจ ไม่สุจริต(มิจฉาทิฏฐิ)........................จึงเห็นผิด เป็นชอบ(ถูกต้อง,ดี)หมาย
กงจักร ตระหนักกลาย...............................บานสยาย คล้ายบุษกรฯ(บุษกร=ดอกบัวสีน้ำเงิน)
๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๘
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น