ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ฤกษ์งาม เมื่อทำดี : กลอนคติสอนใจ





ฤกษ์งาม เมื่อทำดี : กลอนคติสอนใจ


    ฤกษ์งาม ยามดี มั่งมีโชค...............................ชาวโลก หมกมุ่น ครุ่นคิดหา

จนเป็น ประเพณี มีนานมา.............................คู่วิถี ชีวา ประชาชน


    ไม่ใช่ ไม่มี การศึกษา....................................ครูบา อาจารย์ คอยหาญหน

(พวกเรียน)จบจาก เมืองนอก บอกผู้คน...........ยังวน เวียนหลาย ในฤกษ์ยาม

 

    ผลพาน ปานใด ในวิถี?..................................ดูเหมือน ไม่มี แม้คำถาม

"เพื่อจะ(ได้) สบายใจ" ไม่มีความ....................วิตก(กังวล)ตาม คำ(ทัก)ท้วง ของปวงชนฯลฯ


    ดาวน้อย ลอยล่วง ห้วงฟ้าฟาก........................(คน)ยังอยาก ชักพา มาหาผล

ผูกพัน วารคล้อง ที่ผองคน.............................คิดค้น ขึ้นมา ชะตาตรึง


    บ่สอด คล้องกฎ บทบาทกรรม.........................การกระทำ นำผล(สนอง) กลลึกซึ้ง

ชั่ว-ดี นิยาม ต้องคำนึง...................................มิพึง วางใจ ในฤกษ์ยาม


    ทำดี (ย่อม)ได้ดี วิถีโชค..................................ทำชั่ว ทั่วโศก ตกทุกข์ขาม

ทำบุญ กุศล ดลเลิศงาม.................................ทำบาป หยาบทราม ช้ำชอกคืน

 

    ทำใจ ให้(ซื่อ)ตรง จงยืนหยัด...........................ป้องปัด บัดสี วิถีฝืน

อย่าเชื่อ สังคม หวังกลมกลืน...........................บันเทิง เริงรื่น ชื่นฤดี


    ทำมา หากิน กับความเขลา...............................คนเรา เมามัว ชั่ววิถี(หลอกลวงให้คนงมงาย)

ไม่เชิ่อ ผลกรรม ติดตามมี................................ชีวี จักทุกข์ ทรมานเอยฯ


๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๖

อรรถกถา นักขัตตชาดก

ว่าด้วย ประโยชน์คือฤกษ์
.....
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี ชาวพระนครพากันไปสู่ขอธิดาของชาวชนบท กำหนดวันแล้ว ถามอาชีวกผู้คุ้นเคยกันว่า พระคุณเจ้าผู้เจริญ วันนี้ ผมจะกระทำงานมงคลสักอย่างหนึ่ง ฤกษ์ดีไหมขอรับ. อาชีวกนั้นโกรธอยู่แล้วว่า คนพวกนี้กำหนดวันเอาตามพอใจตน บัดนี้ กลับถามเรา คิดต่อไปว่า ในวันนี้ เราจักทำการขัดขวางงานของคนเหล่านั้นเสีย แล้วกล่าวว่า วันนี้ ฤกษ์ไม่ดี ถ้ากระทำการมงคลจักพากันถึงความพินาศใหญ่. คนเหล่านั้นพากันเชื่ออาชีวก จึงไม่ไปรับเจ้าสาว. ชาวชนบททราบว่า พวกนั้นไม่มา ก็พูดกันว่า พวกนั้นกำหนดวันไว้วันนี้ แล้วก็ไม่มา ธุระอะไรจักต้องคอยคนเหล่านั้น แล้วก็ยกธิดาให้แก่คนอื่น.
รุ่งขึ้น ชาวเมืองพากันมาขอรับเจ้าสาว ชาวชนบทก็พากันกล่าวว่า พวกท่านขึ้นชื่อว่า เป็นชาวเมือง แต่ขาดความเป็นผู้ดี กำหนดวันไว้แล้ว แต่ไม่มารับเจ้าสาว เพราะพวกท่านไม่มา เราจึงยกให้คนอื่นไป.
ชาวเมืองกล่าวว่า พวกเราถามอาชีวกดู ได้ความว่า ฤกษ์ไม่ดีจึงไม่มา จงให้เจ้าสาวแก่พวกเราเถิด. ชาวชนบทแย้งว่า เพราะพวกท่านไม่มากัน พวกเราจึงยกเจ้าสาวให้คนอื่นไปแล้ว คราวนี้จักนำตัวเจ้าสาวที่ให้เขาไปแล้วมาอีกได้ อย่างไรเล่า?
เมื่อคนเหล่านั้นโต้เถียงกันไป โต้เถียงกันมา อยู่อย่างนี้ ก็พอดี มีบุรุษผู้เป็นบัณฑิตชาวเมืองคนหนึ่ง ไปชนบทด้วยกิจการบางอย่าง ได้ยินชาวเมืองเหล่านั้นกล่าวว่า พวกเราถามอาชีวกแล้ว จึงไม่มาเพราะฤกษ์ไม่ดี ก็พูดว่า ฤกษ์จะมีประโยชน์อะไร เพราะการได้เจ้าสาวก็เป็นฤกษ์อยู่แล้ว มิใช่หรือ? ดังนี้แล้ว กล่าวคาถานี้ ความว่า :-
“ ประโยชน์ผ่านพ้นคนโง่ ผู้มัวคอยฤกษ์ยามอยู่ ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์ ดวงดาวทั้งหลาย จักทำอะไรได้ ”
 ดังนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น