๏ พืนฐาน การเป็น คนดี........................................ต้องมี อุระ สุจริต
ยึดถือ (ความ)ซื่อตรง จำนงนิตย์.....................ความคิด จิตใจ ใสสะอาด
๏ พื้นฐาน การมี ศีลธรรม*.....................................มโนกรรม สัมมา จึงสามารถ
กิเลส ตัณหา มิระบาด....................................พิสุทธิ์ ผุดผาด มนัสใน
๏ พื้นฐาน จรรยา ปฏิบัติ........................................ก็คือ (การ)ถือสัตย์ อัชฌาสัย
เทิดทูน คุณธรรม ค้ำหทัย...............................ปองเห็น(จรรยา) เป็นใหญ่ เหนือใจตน
๏ พื้นฐาน มานมนา สุจริต......................................ดวงจิต (ต้อง)ลดละ อกุศล
กิเลส ตัณหา สัปดน........................................กำจัด ปัดพ้น มนฤดี
๏ สรรพสิ่ง อิงปัจจัย พื้นฐาน..................................เป็นไป ในหลักการ วิถี
ปราศเหตุ ปัจจัย ย่อมไม่มี................................ทางเห็น-เป็น-มี ปริยาย
๏ ธรรมชาติ สัตว์ยืน(อยู่บน) พื้นฐาน.......................ดวงมาน เห็นแก่ตน ฉลชั่วร้าย
กำเนิด เกิดดับ มิกลับกลาย..............................แพร่หลาย เผ่าพันธุ์ พาลมนา
๏ เกิดมา ก็มี กิเลส...............................................ดวงเจต กระสัน ตัณหา**
หากเห็น เป็นกรรม ธรรมดา...............................ก็อย่า หมายมั่น การเปลี่ยนแปลง
๏ ปรับปรุง พื้นฐาน จิตใจ......................................ทำให้ ขยัน ขันแข็ง
ผลักดัน ดวงฤดี มีเรี่ยวแรง................................แสวง ประเสริฐ เลิศล้ำเทอญฯ
๑๒ เมษายน ๒๕๖๔
*ศีล แปลได้หลายความหมาย โดยศัพท์แปลว่า ความปกติของกายและวาจา...
( https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A8%E0%B8%B5%E0%B8%A5 )
**หลายปีก่อน
ผู้เขียนเคยดูคลิปเทศนาของพระเถระ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "ปราชญ์ทางพุทธศาสนา" ใน YouTube
ท่านสอนไว้ตอนหนึ่งว่า "...คนราจะได้ดีต้องมีตัณหา แต่เป็นตัณหาในด้านดี..."
ผู้เขียนได้แต่อุทานในใจว่า "ตายห่- สอนแบบนี้ธรรมะวิบัติหมด"
(ตัณหา๓ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา พระพุทธเจ้าสอนว่าต้องกำจัดให้หมดสิ้นไปจากจิตใจ)
แสดงว่า ท่านแยกแยะ "ฉันทะ" กับ "ตัณหา" ไม่ออก
กล่าวอีกนัยหนึ่ง
ท่านคงเอาวิธีของตัวเองมาสอนคนอื่น ที่ท่านได้ดีเพราะมีความ "อยาก(ตัณหา)" ได้ดี
ท่านไม่ได้เป็นคน "รัก(ฉันทะ) "ดี นั่นเอง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น