ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2568

แค่"ไม่ยึดมั่น" นั้นยังไม่พอ : กลอนคติธรรม











แค่"ไม่ยึดมั่น" นั้นยังไม่พอ กลอนคติธรรม

    ความหิว คือโรค ชวนโศกยิ่ง.......................ความจริง คือสิ่ง แถลงไข
ตกระกำ ลำบาก เจ็บป่วยไข้..........................ถึงไม่ ยึดมั่น (ก็)บันดาลทุกข์(อยู่ดี)

    ความร้อน หนาวเย็น เป็นสิ่งคล้าย................ทำร้าย กายสลด หมดสนุก
(นานา)ปัญหา ชีวี ปรี่โรมรุก..........................มีใคร ไม่(รู้สึก)ทุกข์ ทรมาน?

    การถูก กดขี่ ที่ข่มเหง................................(หาก)ไม่เพ่ง พินิจ พิษฐาน
ฤาจะ ปราศทุกข์ โถมรุกราน?........................(มี)ใครกล่าว เล่าขาน อย่างชาญชัย?(กล้าพูด)

    เมื่อกาย ล้นทุกข์ (ใจ)ใครสุขเล่า?................คนเรา (ย่อม)รู้ดี มิสาไถย
(ความ)สัมพันธ์ ของกาย เชื่อมจิตใจ...............คู่กัน ตลอดไป ไม่เปลี่ยนแปลง

    แค่"ไม่ ยึดมั่น" นั้น(ยัง)ไม่พอ......................(ชีวิต)ต้องก่อ ต้องสร้าง ทางแสวง
ที่สุด พุทธองค์ ทรงแสดง.............................แจ่มแจ้ง อริยมรรค ๘ ประการ

    เริ่มต้น ตรงสัม มาทิฐิ(ความเห็นชอบ)............ดำริ(ชอบ) เจรจา(ชอบ) จงประสาน
ทำ(ชอบ)เลี้ยง ชีพ(ชอบ)เพียร(ชอบ) เธียรบันดาล....ระลึก(ชอบ) ตั้งมาน(จิตชอบ) ชาญมรรคา

    อริยะ สัจ๔ ชี้แยบยล..................................ขจัดโค่น ต้นเหตุ เฉทตัณหา
(เป็น)หนทาง สร้างสัจ อัจฉรา.........................อย่ามัว แต่บ้า (กำจัด)อุปาทาน(อย่างเดียว)
  
    รูัจัก วิธี ครองชีวิต(เสียก่อน)*........................ค่อยคิด ประกาศ ประหัตประหาร
(จะ)หลุดพ้น จากทุกข์ ทรมาน(อย่างถาวร)........(ต้อง)ดับ(สนิท)สิ้น สังขาร ตลอดไป**

*หลายคนตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยทำงานเลี้ยงตัวเองเลย พึ่งพาคนอื่นมาตลอด หรือบางคนก็ล้มเหลวในชีวิต แต่เที่ยวมาสอนคนอื่นเรื่องการดำเนินชีวิต
**ตราบที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวังวนของวัฏสงสาร ย่อมไม่มีทางหลุดพ้นจากความทุกข์

๑๐ มกราคม ๒๕๖๘

อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท สุขวรรคที่ ๑๕
๕. เรื่องอุบาสกคนใดคนหนึ่ง [๑๖๑]
.........
พระศาสดาเสด็จกลับประทับยืนอยู่แล้วเทียว ตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอพูดอะไรกัน?" ทรงสดับเนื้อความนั้นแล้ว
               ตรัสว่า "อย่างนั้น ภิกษุทั้งหลาย เราคิดว่า ‘เราเมื่อมาสิ้นทางกันดาร ๓๐ โยชน์ เห็นอุปนิสัยของอุบาสกคนนั้นแล้วจึงมา', อุบาสกนั้นหิวยิ่งนัก ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่แล้วเที่ยวไปหาโคในป่า แม้เมื่อเราแสดงธรรมอยู่ ก็ไม่อาจบรรลุได้ เพราะความเป็นทุกข์อันเกิดแต่ความหิว จึงได้กระทำอย่างนี้ ภิกษุทั้งหลาย ด้วยว่าชื่อว่าโรค เช่นกับโรค คือความหิวไม่มี"
               ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
                         ๕. ชิฆจฺฉา ปรมา โรคา    สงฺขารา ปรมา ทุกฺขา
                         เอตํ ญตฺวา ยถาภูตํ    นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ.
                         ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง, สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์อย่างยิ่ง,
                         บัณฑิตทราบเนื้อความนั่นตามความจริงแล้ว (กระทำให้
                         แจ้งซึ่งพระนิพพาน) เพราะพระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น