ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2567

คนไทยใช้ชีวิตหาความสุขแค่วันนี้ การเงินไม่ดี-ธุรกิจต้องปรับตาม | BUSINES...

คนไทยใช้ชีวิตมีความสุขแค่วันนี้ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน | BUSINESS WATCH | 23...

ทำไมเด็กอายุต่ำกว่า13 ปีถึงไม่ควรเล่นโซเชียลมีเดีย : รู้ทัน Tech

วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ญี่ปุ่นวิกฤต “หนี้ครัวเรือน” สูงเกินรายได้ | ย่อโลกเศรษฐกิจ 22 ต.ค.67

ด่วน "จ่ามี" ทวีกำลังแล้ว สทนช.ประกาศ! ระวังน้ำท่วม 18 จังหวัด | TNN ข่า...

อะไรที่ต้องเคลียร์ก่อนใช้นิวเคลียร์ | สะอาด Podcast

เผยสาเหตุ Gen Z โดนไล่ออก! อะไรอยู่เบื้องหลัง? พร้อมเทคนิคหางานให้ได้งาน...

วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2567

อย่ายอมแพ้...แม้ชีวิตจะยากลำบาก : กลอนคติชีวิต


 ภาพนี้ได้รับรางวัลเหรียญทองจาก China News Photography: 
                                                   “ความรับผิดชอบอยู่บนไหล่ของฉัน และความหวังอยู่ในอ้อมแขนของฉัน”

อย่ายอมแพ้....แม้ชีวิตจะยากลำบาก กลอนคติชีวิต

    อุปสรรคและปัญหา................................เปรียบเสมือนภูผาสูงชัน
เพียงผู้ที่มีใจมุ่งมั่น...............................กล้าหาญจึงฟันฝ่าพ้น
อุปสรรคและปัญหา..............................เป็นปกติธรรมดาชีวาชน
เกือบตลอดเวลาต้องผจญ......................เลี่ยงไม่พ้นจนวันวาย

    อย่ายอมแพ้แม้ชีวิตจะยากลำบาก..............ตะลุยขวากหนามและความขัดสน
กำลังใจจะทำให้คน...............................สามารถดั้นด้นจนถึงจุดหมาย
ความสำเร็จสมหวัง................................มิได้ไหลหลั่งมาอย่างง่ายดาย
ต้องทุ่มเทแรงใจแรงกาย........................อย่างมิขาดสายกว่าจะได้เชยชม

    เหงื่อไหลบ่า-น้ำตาหยด.......................ช่วยเพิ่มรสชาติให้ชีวิต
ความซื่อสัตย์สุจริต.................................คือวิจิตรวิทยาสม
สำนึกผิดชอบชั่วดี..................................เสริมชีวีพรั่งพีความวิกรม
ขจัดเสียซึ่งค่านิยม.................................งมงายทิ้งไปย่อมได้ดี

    ใจสู้......................................................มิใช่มุทะลุดุดัน
ความสุขุมลุ่มลึกสรรค์..............................สร้างชีวันบรรเจิดศรี
ความเอาจริงเอาจัง.................................เปี่ยมพลังดั่งแสงสุรีย์
ตั้งอกตั้งใจทำ(ทุกอย่าง)ให้ดี....................เป็นวิถีพิสุทธา

   ทักษะและความรู้.......................................เปิดประตูสู่ความสัมฤทธิ์
ไม่ใช่แค่ใคร่คิด(ฝัน)................................ปล่อยจิตใจให้ปรารถนา(ฟุ้งซ่าน)
อยากจะได้อยากจะมี................................ผิดชอบชั่วดีมินำพา(ไม่เลือกวิธี)
ทุจริตโฉดชั่วช้า......................................เล่ห์กลมารยาสารพัน

    ชีวิตเราคือของเรา.....................................มีใครเล่าเอาไปได้?
ความสุขความทุกข์ใจ(ของเรา)...................มีผู้ใดไปเปลี่ยนผัน?
สองมือและสองเท้า(ของเรา)......................จึงบรรเทาจงเท่าทัน
สู้ไปอย่าไหวหวั่น.....................................ทางเดียวเท่านั้น(ที่จะ)แก้ปัญหา

   รางวัลของความเป็นนักสู้.............................รอผู้เข้มแข็งทุกแห่งเสมอ
ไร้ของขวัญสำหรับคนฝันเพ้อ(เพ้อฝัน)..........ถ้าเจอก็เป็นวาสนา(กินบุญเก่า)
ที่พึ่งซึ่งยิ่งใหญ่........................................จะมีอะไรเหนือสติปัญญา(ของเรา)
ไม่ควรคิดพึ่งโชคชะตา...............................จะไม่สมค่าตั้งตาคอย(กี่คนจะโชคดี?)

    อย่ายอมแพ้.............................................แม้จะประสบกับความยากลำบาก
หนทางยังกว้างและไกลได้อีกมาก................ถ้าหากหัวใจไม่ท้อถอย
จงคิดบากบั่นและสรรค์สร้าง........................อย่ามัวหวังแต่เพียงลาภลอย
คนที่มีความคิดเพียงนิดน้อย........................เฝ้าคอยวาสนาจะทุกข์ระทม

    แสวงหาจึงจะพบโอกาส.............................ความฉลาดไม่ใช่ปาฏิหาริย์
โลกไม่ได้สร้างไว้ให้คนเกียจคร้าน.................จักรวาลดาษดื่นความขื่นขม
คนไม่เรียนฤาจะ(มีความ)รู้?..........................คนไม่สู้ฤาจะอุดม(ด้วยความสุขสมหวัง)?
อย่ายอมแพ้แม้ซานซม................................การร้องห่มร้องไห้มิใช่มรรคา(ทางออก)ฯ
                                         
๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๗

หนี้ครัวเรือนไทยใกล้ระเบิด! เฉียด 90% เสี่ยงฉุด GDP ไทยโตต่ำศักยภาพ | Ex...

วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ทนายเดชา แจ้งความ พระ ว.วชิรเมธี ลั่น คลิปชัดเจนหลอกลงทุน | TODAY

ท่าน ว.วชิรเมธี งานเข้า "ทนายเดชา" แฉยับรับเงินล้าน ปมเทศน์อวย "ดิ ไอคอน"

"เอกภพ"แฉจ่าย 4 เทวดาหลักหมื่นล้าน | โชว์ข่าวเช้านี้ | 16 ต.ค. 67

วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2567

เชียร์อะไร? ‘พระพยอม’ แจงชัดปม ‘ว.วชิรเมธี’ บรรยายธรรมเครือข่ายดัง

 

เชียร์อะไร? ‘พระพยอม’ แจงชัดปม ‘ว.วชิรเมธี’ บรรยายธรรมเครือข่ายดัง

เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี สอบถาม พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กรณีคลิปวิดีโอที่เผยแพร่บน TikTok โดยผู้ใช้ชื่อ theiconpaul ซึ่งเป็นคลิปการบรรยายธรรมะของพระเมธีวชิโรดม หรือ ว.วชิรเมธี ที่ให้กับผู้บริหารและสมาชิกของบริษัทขายตรงที่กำลังถูกตรวจสอบในขณะนี้ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนสังคมออนไลน์ โดยผู้สื่อข่าว ได้ลงพื้นที่ไปยังไร่เชิญตะวัน เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ที่เกี่ยวข้องภายในสถานปฏิบัติธรรมของท่าน ว.วชิรเมธี แต่ได้รับแจ้งจากผู้จัดการไร่ว่า ขณะนี้ท่าน ว.วชิรเมธีเดินทางไปกิจนิมนต์ที่ต่างประเทศ และจะกลับประเทศไทยในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ หลังจากนั้นท่านจะให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนด้วยตัวเอง

พระพยอม ดังกล่าว ควรพิจารณาเนื้อหาของการบรรยายธรรมอย่างละเอียด ว่าอยู่ในหลักธรรมข้อใด หากการเทศนาเน้นให้ผู้ฟังเข้าใจเรื่อง “หัวใจเศรษฐี” ที่สอนถึงการขยันทำมาหากิน การอดออม และการใช้ชีวิตอยู่ในศีลธรรม ก็ไม่ถือว่าผิด เพราะไม่มีการสนับสนุนให้เกี่ยวข้องกับคดีหรือการทำธุรกิจที่ผิดหลักศาสนา

พระพยอม กล่าวอีกว่า ว.วชิรเมธี มีความเชี่ยวชาญในการเทศนา ไม่น่าจะหลุดไปเชิญชวนให้ร่วมทำธุรกิจกับบริษัทนี้เพื่อแสวงหาความร่ำรวย เพราะหากกระทำเช่นนั้นจะถือว่าผิดและไม่เหมาะสมกับสถานะของนักเทศน์ การที่ญาติโยมนิมนต์พระไปบรรยายธรรมในที่ต่างๆ ไม่ถือว่าผิด เนื่องจากเจตนาคือการเผยแผ่คำสอนของพระพุทธเจ้า พระนักเทศน์มีหน้าที่ “เชียร์ธรรม” ไม่ใช่ “เชียร์บริษัท”.

https://www.dailynews.co.th/news/3965748/

โซเชียลขุดคุ้ย พบ "ท่าน ว.วชิรเมธี" อวยฉ่ำ ขณะเทศน์ "อยากรวยต้องดิ ไอคอน...

ดราม่า! ท่าน ว.วชิรเมธี "ตื่นมาแล้วรวย ต้องดิไอคอน" | เข้มข่าวค่ำ | 11 ...


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๑ [ฉบับมหาจุฬาฯ] มหาวิภังค์ ภาค ๑
๑๓. กุลทูสกสิกขาบท
ว่าด้วยภิกษุผู้ประทุษร้ายตระกูล
เรื่องภิกษุพวกพระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะ
             [๔๓๑] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะ
เป็นเจ้าถิ่น เป็นอลัชชีเลวทราม อยู่ในกีฏาคิรีชนบท
             ภิกษุพวกนั้น๑- ประพฤติไม่เหมาะสมเห็นปานนี้ คือ ปลูกไม้ดอกเองบ้าง ใช้ผู้
อื่นปลูกบ้าง รดน้ำเองบ้าง ใช้ผู้อื่นรดบ้าง เก็บดอกไม้เองบ้าง ใช้ผู้อื่นเก็บบ้าง  ร้อย
ดอกไม้เองบ้าง ใช้ผู้อื่นร้อยบ้าง ทำมาลัยต่อก้านเองบ้าง ใช้ผู้อื่นทำบ้าง ทำมาลัย
เรียงก้านเองบ้าง ใช้ผู้อื่นทำบ้าง จัดดอกไม้ช่อเองบ้าง ใช้ผู้อื่นจัดบ้าง ทำดอกไม้พุ่ม
เองบ้าง ใช้ผู้อื่นทำบ้าง ทำดอกไม้เทริดเองบ้าง ใช้ผู้อื่นทำบ้าง ทำดอกไม้พวงเองบ้าง
ใช้ผู้อื่นทำบ้าง ทำดอกไม้แผงประดับอกเองบ้าง ใช้ให้ผู้อื่นทำบ้าง
             ภิกษุพวกนั้นนำไปเองบ้าง ใช้ผู้อื่นนำไปบ้างซึ่งมาลัยต่อก้าน มาลัยเรียงก้าน
ดอกไม้ช่อ ดอกไม้พุ่ม ดอกไม้เทริด ดอกไม้พวง ดอกไม้แผงประดับอก เพื่อกุลสตรี
เพื่อกุลธิดา เพื่อกุลกุมารี เพื่อสะใภ้ของตระกูล เพื่อทาสหญิงในตระกูล
             ภิกษุพวกนั้นฉันอาหารในภาชนะเดียวกันบ้าง ดื่มน้ำในขันใบเดียวกันบ้าง
นั่งบนอาสนะเดียวกันบ้าง นอนบนเตียงเดียวกันบ้าง นอนร่วมเครื่องลาดเดียวกันบ้าง
นอนคลุมผ้าห่มผืนเดียวกันบ้าง นอนร่วมเครื่องลาดและคลุมผ้าห่มร่วมกันบ้างกับ
กุลสตรี กุลธิดา กุลกุมารี สะใภ้ของตระกูล ทาสหญิงในตระกูล
             ภิกษุพวกนั้นฉันอาหารในเวลาวิกาลบ้าง ดื่มน้ำเมาบ้าง ทัดทรงดอกไม้ของ
หอมและเครื่องลูบไล้บ้าง ฟ้อนรำบ้าง ขับร้องบ้าง ประโคมบ้าง เต้นรำบ้าง ฟ้อนรำ
กับหญิงฟ้อนรำบ้าง ขับร้องกับหญิงฟ้อนรำบ้าง ประโคมกับหญิงฟ้อนรำบ้าง เต้นรำ
กับหญิงฟ้อนรำบ้าง ฟ้อนรำกับหญิงขับร้องบ้าง ขับร้องกับหญิงขับร้องบ้าง ประโคม
กับหญิงขับร้องบ้าง เต้นรำกับหญิงขับร้องบ้าง ฟ้อนรำกับหญิงประโคมบ้าง ขับร้อง
กับหญิงประโคมบ้าง ประโคมกับหญิงประโคมบ้าง เต้นรำกับหญิงประโคมบ้าง
ฟ้อนรำกับหญิงเต้นรำบ้าง ขับร้องกับหญิงเต้นรำบ้าง ประโคมกับหญิงเต้นรำบ้าง
เต้นรำกับหญิงเต้นรำบ้าง เล่นหมากรุกแถวละ ๘ ตาบ้าง แถวละ ๑๐ ตาบ้าง เล่น
หมากเก็บบ้าง เล่นชิงนางบ้าง เล่นหมากไหวบ้าง เล่นโยนห่วงบ้าง เล่นไม้หึ่งบ้าง
เล่นฟาดให้เป็นรูปต่างๆ บ้าง เล่นสกาบ้าง เล่นเป่าใบไม้บ้าง เล่นไถน้อยๆ บ้าง
เล่นหกคะเมน บ้าง เล่นไม้กังหันบ้าง เล่นตวงทรายด้วยใบไม้บ้าง เล่นรถน้อยๆ บ้าง
เล่นธนูน้อยๆ บ้าง เล่นเขียนทายบ้าง เล่นทายใจบ้าง เล่นเลียนคนพิการบ้าง หัดขี่
ช้างบ้าง หัดขี่ม้าบ้าง หัดขี่รถบ้าง หัดยิงธนูบ้าง หัดเพลงอาวุธบ้าง วิ่งผลัดช้างบ้าง
วิ่งผลัดม้าบ้าง วิ่งผลัดรถบ้าง วิ่งขับกันบ้าง วิ่งเปี้ยวบ้าง ผิวปากบ้าง ปรบมือบ้าง
ปล้ำกันบ้าง ชกมวยบ้าง ปูลาดผ้าสังฆาฏิท่ามกลางเวทีเต้นรำแล้วพูดกับหญิงฟ้อน
รำอย่างนี้ว่า “น้องหญิง เธอจงฟ้อนรำในที่นี้”ดังนี้แล้ว ให้การคำนับบ้าง
ประพฤติไม่เหมาะสมต่างๆ บ้าง
             [๔๓๒] สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งจำพรรษาในแคว้นกาสีแล้ว เดินทางไปกรุง
สาวัตถีเพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาค เดินทางไปจนถึงกีฏาคิรีชนบท ครั้นเวลาเช้า ท่าน
ครองอันตรวาสก ถือบาตรและจีวรไปบิณฑบาตที่กีฏาคิรีชนบท มีการก้าวไป การ
ถอยกลับ การแลดู การเหลียวดู การคู้เข้า การเหยียดออก ที่น่าเลื่อมใส สายตา
มองทอดลง สมบูรณ์ด้วยอิริยาบถ
             พวกชาวบ้านเห็นภิกษุนั้นแล้วพากันกล่าวอย่างนี้ว่า “ภิกษุนี้เป็นใคร ดูคล้าย
ไม่ค่อยมีกำลัง เหมือนคนอ่อนแอ เหมือนคนขมวดคิ้วก้มหน้า เมื่อท่านรูปนี้เข้าไป
บิณฑบาต ใครเล่าจะถวายอาหารบิณฑบาต ส่วนพระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะของ
พวกเรา เป็นคนอ่อนโยน พูดไพเราะ อ่อนหวาน ยิ้มแย้มก่อน มักกล่าวว่ามาเถิด
และมาดีแล้ว ไม่ก้มหน้า หน้าตาชื่นบาน ทักทายก่อน ใครๆ ก็อยากจะถวาย
อาหารท่านเหล่านั้น”
             อุบาสกคนหนึ่งเห็นภิกษุนั้นกำลังบิณฑบาตในกีฏาคิรีชนบท ครั้นแล้วได้
เข้าไปหาภิกษุนั้นไหว้แล้วกล่าวกับท่านว่า “พระคุณเจ้าได้อาหารบิณฑบาตบ้างไหม
ขอรับ”
             ภิกษุนั้นตอบว่า “อาตมายังไม่ได้อาหารเลย”
             อุบาสกกล่าวนิมนต์ว่า “นิมนต์ไปเรือนกระผมเถิด ขอรับ” แล้วพาภิกษุนั้น
ไปเรือน นิมนต์ให้ฉันแล้วถามว่า “พระคุณเจ้า ท่านจะไปที่ไหน ขอรับ”
             ภิกษุนั้นตอบว่า “เจริญพร อาตมาจะไปกรุงสาวัตถี เพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาค”
             อุบาสกกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านจงถวายบังคมพระบาทของพระผู้มีพระ
ภาคด้วยเศียรเกล้า และขอจงกราบทูลตามถ้อยคำของกระผมอย่างนี้ด้วยว่า
‘พระพุทธเจ้าข้า วัดในกีฏาคิรีชนบททรุดโทรม ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะเป็น
เจ้าถิ่น อยู่ในกีฏาคิรีชนบท เป็นภิกษุอลัชชีเลวทราม พวกเธอประพฤติไม่เหมาะสม
เห็นปานนี้ คือ ปลูกไม้ดอกเองบ้าง ใช้ผู้อื่นปลูกบ้าง ฯลฯ ประพฤติไม่เหมาะสมต่างๆ
แม้พวกชาวบ้านที่เคยศรัทธาเลื่อมใสแต่เดี๋ยวนี้ไม่ศรัทธาไม่เลื่อมใส ทานที่เคย
ถวายประจำแก่สงฆ์ บัดนี้ทายกทายิกาเลิกถวายแล้ว ภิกษุผู้มีศีลพากันจากไป ภิกษุ
ผู้เลวทรามอยู่ครอบครอง ขอประทานวโรกาสเถิดพระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระ
ภาคโปรดส่งภิกษุทั้งหลายไปกีฏาคิรีชนบทเพื่อวัดจะได้ตั้งมั่นอยู่สืบไปในที่นั้น”
             ภิกษุนั้นรับคำของของอุบาสกแล้วเดินทางไปทางกรุงสาวัตถี ไปถึงกรุงสาวัตถี
ถึงพระเชตวันอารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐีโดยลำดับ เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
ประทับ แล้วถวายบังคมพระผู้มีพระภาคนั่งลง ณ ที่สมควร
พุทธประเพณี
อันการที่พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงปราศรัยกับพระอาคันตุกะ ทั้งหลาย นั่นเป็นพุทธประเพณี ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสถามภิกษุนั้นว่า “ภิกษุ เธอยังสบายดีหรือ ยังพอเป็นอยู่ได้หรือ เธอเดินทางมาโดยไม่ลำบากหรือ เธอมาจากไหน” ภิกษุนั้นกราบทูลว่า “สบายดี พระพุทธเจ้าข้า พอเป็นอยู่ได้ พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าเดินทางมาโดยไม่ลำบาก พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าจำพรรษา ในแคว้นกาสี เมื่อจะมาเฝ้าพระองค์ที่เมืองนี้ เดินทางผ่านกีฏาคิรีชนบท เวลาเช้า
ครองอันตรวาสก ถือบาตรและจีวรเข้าไปบิณฑบาตในกีฏาคิรีชนบท อุบาสกคนหนึ่ง
เห็นข้าพระพุทธเจ้ากำลังเที่ยวบิณฑบาต เข้ามาหา ไหว้แล้วถามว่า ‘พระคุณเจ้าได้
อาหารบิณฑบาตบ้างไหม ขอรับ’ ฯลฯ เขากล่าวว่า ‘ท่านขอรับ ถ้าเช่นนั้น ขอท่าน
จงถวายบังคมพระบาทของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า และขอจงกราบทูลตาม
ถ้อยคำของกระผมอย่างนี้ว่า ‘พระพุทธเจ้าข้า วัดในกีฏาคิรีชนบททรุดโทรม ภิกษุชื่อ
ว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะเป็นเจ้าถิ่น อยู่ในกีฏาคิรีชนบท เป็นภิกษุอลัชชีเลวทราม
พวกเธอประพฤติไม่เหมาะสมเห็นปานนี้ คือ ปลูกไม้ดอกเองบ้าง ใช้ผู้อื่นปลูกบ้าง ฯลฯ
ประพฤติไม่เหมาะสมต่างๆ แม้พวกชาวบ้านที่เคยศรัทธาเลื่อมใส แต่เดี๋ยวนี้ไม่
ศรัทธาไม่เลื่อมใส ทานที่เคยถวายประจำแก่สงฆ์ บัดนี้ทายกทายิกาเลิกถวายแล้ว
ภิกษุผู้มีศีลพากันจากไป ภิกษุผู้เลวทรามอยู่ครอบครอง ขอประทานวโรกาสเถิด
พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคโปรดส่งภิกษุทั้งหลายไปสู่กีฏาคิรีชนบทเพื่อวัดจะ
ได้ตั้งมั่นอยู่สืบไปในที่นั้น’ ข้าพระพุทธเจ้ามาจากกีฏาคิรีชนบทนั้น พระพุทธเจ้าข้า”
ทรงสอบถามแล้วตำหนิ
[๔๓๓] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมสงฆ์เพราะเรื่องนี้เป็นต้น เหตุ ทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่า ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและ ปุนัพพสุกะ เป็นเจ้าถิ่น เป็นภิกษุอลัชชี เลวทราม อยู่ในกีฏาคิรีชนบท ประพฤติไม่ เหมาะสมเห็นปานนี้ คือ ปลูกไม้ดอกเองบ้าง ใช้ผู้อื่นปลูกบ้าง รดน้ำเองบ้าง ให้ผู้อื่น รดบ้าง เก็บดอกไม้เองบ้าง ใช้ผู้อื่นเก็บบ้าง ร้อยดอกไม้เองบ้าง ใช้ผู้อื่นร้อยบ้าง ทำ มาลัยต่อก้านเองบ้าง ใช้ผู้อื่นทำบ้าง ทำมาลัยเรียงก้านเองบ้าง ใช้ผู้อื่นทำบ้าง จัด ดอกไม้ช่อเองบ้าง ใช้ผู้อื่นจัดบ้าง ทำดอกไม้พุ่มเองบ้าง ใช้ผู้อื่นทำบ้าง ทำดอกไม้ เทริดเองบ้าง ใช้ผู้อื่นทำบ้าง ทำดอกไม้พวงเองบ้าง ใช้ผู้อื่นทำบ้าง ทำดอกไม้แผง ประดับอกเองบ้าง ใช้ผู้อื่นทำบ้าง ฯลฯ ประพฤติไม่เหมาะสมต่างๆ แม้พวกชาว บ้านที่เคยศรัทธาเลื่อมใส แต่เดี๋ยวนี้ไม่ศรัทธาไม่เลื่อมใส ทานที่เคยถวายประจำแก่ สงฆ์ บัดนี้ ทายกทายิกาได้เลิกถวายแล้ว ภิกษุผู้มีศีลพากันจากไป ภิกษุผู้เลวทราม อยู่ครอบครอง จริงหรือ” ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า “จริง พระพุทธเจ้าข้า” พระผู้มี พระภาคพุทธเจ้าทรงตำหนิว่า “ภิกษุทั้งหลาย การกระทำของโมฆบุรุษเหล่านั้นไม่
สมควร ฯลฯ ไม่ควรทำ ภิกษุทั้งหลาย ไฉนโมฆบุรุษเหล่านั้นจึงประพฤติไม่เหมาะ
สมอย่างนี้ คือ ปลูกไม้ดอกเองบ้าง ใช้ผู้อื่นปลูกบ้าง รดน้ำเองบ้าง ให้ผู้อื่นรดบ้าง
เก็บดอกไม้เองบ้าง ใช้ผู้อื่นเก็บบ้าง ร้อยดอกไม้เองบ้าง ใช้ผู้อื่นร้อยบ้าง ทำมาลัย
ต่อก้านเองบ้าง ใช้ผู้อื่นทำบ้าง ทำมาลัยเรียงก้านเองบ้าง ใช้ผู้อื่นทำบ้าง จัดดอกไม้
ช่อเองบ้าง ใช้ผู้อื่นจัดบ้าง ทำดอกไม้พุ่มเองบ้าง ใช้ผู้อื่นทำบ้าง ทำดอกไม้เทริด
เองบ้าง ใช้ผู้อื่นทำบ้าง ทำดอกไม้พวงเองบ้าง ใช้ผู้อื่นทำบ้าง ทำดอกไม้แผงประดับ
อกเองบ้าง ใช้ผู้อื่นทำบ้าง ภิกษุพวกนั้นนำไปเองบ้าง ใช้ผู้อื่นนำไปบ้างซึ่งมาลัยต่อ
ก้าน มาลัยเรียงก้าน ดอกไม้ช่อ ดอกไม่พุ่ม ดอกไม้เทริด ดอกไม้พวง ดอกไม้แผง
ประดับอก เพื่อกุลสตรี เพื่อกุลธิดา เพื่อกุลกุมารี เพื่อสะใภ้ของตระกูล เพื่อทาส
หญิงในตระกูล
             ภิกษุพวกนั้นฉันอาหารในภาชนะเดียวกันบ้าง ดื่มน้ำในขันใบเดียวกันบ้าง
นั่งบนอาสนะเดียวกันบ้าง นอนบนเตียงเดียวกันบ้าง นอนร่วมเครื่องลาดเดียวกันบ้าง
นอนคลุมผ้าห่มผืนเดียวกันบ้าง นอนร่วมเครื่องลาดและคลุมผ้าห่มร่วมกันบ้างกับ
กุลสตรี กุลธิดา กุลกุมารี สะใภ้ของตระกูล ทาสหญิงในตระกูล
             ภิกษุพวกนั้นฉันอาหารในเวลาวิกาลบ้าง ดื่มน้ำเมาบ้าง ทัดทรงดอกไม้ของ
หอมและเครื่องลูบไล้บ้าง ฟ้อนรำบ้าง ขับร้องบ้าง ประโคมบ้าง เต้นรำบ้าง ฟ้อนรำ
กับหญิงฟ้อนรำบ้าง ขับร้องกับหญิงฟ้อนรำบ้าง ประโคมกับหญิงฟ้อนรำบ้าง เต้นรำ
กับหญิงฟ้อนรำบ้าง ฟ้อนรำกับหญิงขับร้องบ้าง ขับร้องกับหญิงขับร้องบ้าง ประโคม
กับหญิงขับร้องบ้าง เต้นรำกับหญิงขับร้องบ้าง ฟ้อนรำกับหญิงประโคมบ้าง ขับร้อง
กับหญิงประโคมบ้าง ประโคมกับหญิงประโคมบ้าง เต้นรำกับหญิงประโคมบ้าง ฟ้อน
รำกับหญิงเต้นรำบ้าง ขับร้องกับหญิงเต้นรำบ้าง ประโคมกับหญิงเต้นรำบ้าง เต้นรำ
กับหญิงเต้นรำบ้าง เล่นหมากรุกแถวละ ๘ ตาบ้าง แถวละ ๑๐ ตาบ้าง เล่นหมาก
เก็บบ้าง เล่นชิงนางบ้าง เล่นหมากไหวบ้าง เล่นโยนห่วงบ้าง เล่นไม้หึ่งบ้าง เล่นฟาด
ให้เป็นรูปต่างๆ บ้าง เล่นสกาบ้าง เล่นเป่าใบไม้บ้าง เล่นไถน้อยๆ บ้าง เล่นหกคะเมน
บ้าง เล่นไม้กังหันบ้าง เล่นตวงทรายด้วยใบไม้บ้าง เล่นรถน้อยๆ บ้าง เล่นธนูน้อยๆ
บ้าง เล่นเขียนทายบ้าง เล่นทายใจบ้าง เล่นเลียนคนพิการบ้าง หัดขี่ช้างบ้าง หัดขี่ม้า
บ้าง หัดขี่รถบ้าง หัดยิงธนูบ้าง หัดเพลงอาวุธบ้าง วิ่งผลัดช้างบ้าง วิ่งผลัดม้าบ้าง วิ่ง
ผลัดรถบ้าง วิ่งขับกันบ้าง วิ่งเปี้ยวบ้าง ผิวปากบ้าง ปรบมือบ้าง ปล้ำกันบ้าง ชก
มวยบ้าง ปูลาดผ้าสังฆาฏิท่ามกลางเวทีเต้นรำแล้วพูดกับหญิงฟ้อนรำอย่างนี้ว่า
“น้องหญิง เธอจงฟ้อนรำในที่นี้”ดังนี้แล้ว ให้การคำนับบ้าง ประพฤติไม่เหมาะสม
ต่างๆ บ้าง ภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนี้มิได้ทำคนที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส
ฯลฯ คนที่เลื่อมใสอยู่แล้วบางพวกก็จะกลายเป็นอื่นไป”
รับสั่งให้ทำปัพพาชนียกรรม
พระผู้มีพระภาคทรงตำหนิภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะโดยประการต่างๆ แล้วรับสั่งเรียกพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะมาตรัสว่า “ไปเถิด สารีบุตร โมคคัลลานะ เธอทั้งสองจงไปกีฏาคิรีชนบท จงทำปัพพาชนียกรรม๑- ภิกษุชื่อว่า อัสสชิและปุนัพพสุกะไปจากกีฏาคีรีชนบท เพราะภิกษุพวกนั้นเป็นสัทธิวิหาริกของ เธอทั้งสอง” พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะกราบทูลถามว่า “พระพุทธเจ้าข้า ข้า พระพุทธเจ้าจะทำปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะได้อย่างไร เพราะพวกเธอดุร้าย หยาบคาย” พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้น เธอจงไปกับภิกษุหลายๆ รูป” พระเถระทั้งสอง ทูลรับสนองพระพุทธดำรัสแล้ว
วิธีทำปัพพาชนียกรรม และกรรมวาจาทำปัพพาชนียกรรม
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย พึงทำปัพพาชนียกรรมอย่างนี้ เริ่ม ด้วยพึงโจทภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะ ครั้นแล้วให้พวกเธอให้การ เมื่อพวกเธอ ให้การแล้วจึงปรับอาบัติ ครั้นปรับอาบัติแล้ว ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้ สงฆ์ทราบว่า
             [๔๓๔] ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะ
๒ รูปนี้ ประทุษร้ายตระกูล๑- ประพฤติเลวทราม ความประพฤติเลวทรามของพวกเธอ
เขาได้เห็นและได้ยินกันทั่ว และตระกูลทั้งหลายที่ถูกพวกเธอประทุษร้าย เขาก็ได้เห็น
และได้ยินกันทั่ว ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้วก็พึงทำปัพพาชนียกรรมภิกษุชื่อว่าอัสสชิและ
ปุนัพพสุกะไปจากกีฏาคิรีชนบทโดยประกาศว่า ‘ภิกษุชื่ออัสสชิและปุนัพพสุกะไม่พึง
อยู่ในกีฏาคิรีชนบท’ นี่เป็นญัตติ
             ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะประทุษ
ร้ายตระกูล ประพฤติเลวทราม ความประพฤติของพวกเธอ เขาได้เห็นและได้ยินกันทั่ว
และตระกูลทั้งหลายที่ถูกพวกเธอประทุษร้าย เขาก็ได้เห็นและได้ยินกันทั่ว สงฆ์ทำ
ปัพพาชนียกรรมพวกเธอไปจากกีฏาคิรีชนบทโดยประกาศว่า ‘ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและ
ปุนัพพสุกะ ไม่พึงอยู่ในกีฏาคิรีชนบท’ ท่านรูปใดเห็นด้วยกับการทำปัพพาชนียกรรม
ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะไปจากกีฏาคิรีชนบทโดยประกาศว่า ‘ภิกษุชื่อว่า
อัสสชิและปุนัพพสุกะไม่พึงอยู่ในกีฏาคิรีชนบท’ ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็น
ด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง”
             แม้ครั้งที่ ๒ ฯลฯ แม้ครั้งที่ ๓ ข้าพเจ้าก็กล่าวความนี้ว่า ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์
จงฟังข้าพเจ้า ฯลฯ ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง
             ปัพพาชนียกรรม ไปจากกีฏาคิรีชนบท สงฆ์ทำแล้วแก่ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและ
ปุนัพพสุกะโดยประกาศว่า ‘ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะไม่พึงอยู่ในกีฏาคิรีชนบท’
สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือเอาความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้”
             [๔๓๕] ลำดับนั้น ภิกษุสงฆ์มีพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเป็นประธาน
เดินทางไปกีฏาคิรีชนบท ได้ทำปัพพาชนียกรรมภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะไป
จากกีฏาคิรีชนบทโดยประกาศว่า “ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะไม่พึงอยู่ใน
กีฏาคิรีชนบท”
             ภิกษุพวกนั้นถูกสงฆ์ทำปัพพาชนียกรรมแล้วก็ยังไม่ประพฤติชอบ ไม่หายเย่อ
หยิ่ง ไม่ประพฤติกลับตัว ไม่ขอขมาภิกษุทั้งหลาย ยังด่ายังบริภาษการกสงฆ์ เที่ยว
ใส่ความว่าการกสงฆ์ลำเอียงเพราะความพอใจ ลำเอียงเพราะความขัดเคือง ลำเอียง
เพราะความหลง ลำเอียงเพราะความกลัว บรรดาบริวารของภิกษุชื่อว่าอัสสชิและ
ปุนัพพสุกะ บางพวกหลีกไปเสียก็มี สึกเสียก็มี
             บรรดาภิกษุผู้มักน้อย ฯลฯ พากันตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า “ไฉนภิกษุ
ชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะถูกสงฆ์ทำปัพพาชนียกรรมแล้วจึงไม่ยอมประพฤติชอบ
ไม่หายเย่อหยิ่ง ไม่ประพฤติกลับตัว ไม่ขอขมาภิกษุทั้งหลาย ยังด่ายังบริภาษการก
สงฆ์ เที่ยวใส่ความว่าการกสงฆ์ลำเอียงเพราะความพอใจ ลำเอียงเพราะความขัดเคือง
ลำเอียงเพราะความหลง ลำเอียงเพราะความกลัว บรรดาบริวารของภิกษุชื่อว่า
อัสสชิและปุนัพพสุกะ บางพวกหลีกไปเสียก็มี สึกเสียก็มีเล่า” ครั้นภิกษุเหล่านั้น
ตำหนิภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะโดยประการต่างๆ แล้วจึงนำเรื่องนี้ไปกราบ
ทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
ทรงประชุมสงฆ์บัญญัติสิกขาบท
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมสงฆ์เพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ ทรง สอบถามภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่า ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะ ถูกสงฆ์ทำปัพพาชนียกรรมแล้ว ยังไม่ประพฤติชอบ ฯลฯ สึกไปก็มี จริงหรือ” ภิกษุ เหล่านั้นทูลรับว่า “จริง พระพุทธเจ้าข้า” พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงตำหนิว่า “ภิกษุทั้งหลาย การกระทำของโมฆบุรุษเหล่านั้นไม่สมควร ฯลฯ ไม่ควรทำ ภิกษุทั้ง หลาย ไฉนโมฆบุรุษเหล่านั้นถูกสงฆ์ลงปัพพาชนียกรรมแล้ว ยังไม่ประพฤติชอบ ฯลฯ สึกไปก็มีเล่า ภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนี้มิได้ทำคนที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส ฯลฯ” แล้วจึงรับสั่งให้ภิกษุทั้งหลายยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง ดังนี้
พระบัญญัติ
[๔๓๖] ก็ ภิกษุอยู่อาศัยหมู่บ้านหรือนิคมแห่งใดแห่งหนึ่ง ประทุษร้าย ตระกูล มีความประพฤติเลวทราม ความประพฤติเลวทรามของเธอ เขาได้เห็น
และได้ยินกันทั่ว ตระกูลทั้งหลายที่เธอประทุษร้าย เขาก็ได้เห็นและได้ยินกันทั่ว
ภิกษุนั้นอันภิกษุทั้งหลายพึงว่ากล่าวตักเตือนอย่างนี้ว่า “ท่านประทุษร้ายตระกูล
ประพฤติเลวทราม ความประพฤติเลวทรามของท่าน เขาได้เห็นและได้ยินกันทั่ว
ตระกูลทั้งหลายที่ท่านประทุษร้าย เขาก็ได้เห็นและได้ยินกันทั่ว ท่านจงออก
จากอาวาสนี้ อย่าอยู่ที่นี้” และภิกษุนั้นอันภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวตักเตือนอยู่อย่างนี้
ก็โต้ตอบภิกษุทั้งหลายว่า “พวกภิกษุลำเอียงเพราะความพอใจ ลำเอียงเพราะ
ความขัดเคือง ลำเอียงเพราะความหลง และลำเอียงเพราะความกลัว ขับภิกษุ
บางรูป ไม่ขับบางรูป เพราะอาบัติอย่างเดียวกัน” ภิกษุนั้นอันภิกษุทั้งหลายว่า
กล่าวตักเตือนอย่างนี้ว่า “ท่านอย่าพูดอย่างนั้น ภิกษุทั้งหลายไม่ลำเอียงเพราะ
ความพอใจ ไม่ลำเอียงเพราะความขัดเคือง ไม่ลำเอียงเพราะความหลง และ
ไม่ลำเอียงเพราะความกลัว ท่านประทุษร้ายตระกูล ประพฤติเลวทราม ความ
ประพฤติเลวทรามของท่าน เขาได้เห็นและได้ยินกันทั่ว ตระกูลทั้งหลายที่ท่าน
ประทุษร้าย เขาก็ได้เห็นและได้ยินกันทั่ว ท่านจงออกจากอาวาสนี้ อย่าอยู่
ที่นี้” ภิกษุนั้นอันภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวตักเตือนอยู่อย่างนี้ ก็ยังยกย่องอยู่
อย่างนั้น ภิกษุนั้นอันภิกษุทั้งหลายพึงสวดสมนุภาสน์จนครบ ๓ ครั้งเพื่อให้
สละเรื่องนั้น ถ้าเธอกำลังถูกสวดสมนุภาสน์กว่าจะครบ ๓ ครั้ง สละเรื่องนั้นได้
นั่นเป็นการดี ถ้าเธอไม่สละ เป็นสังฆาทิเสส.

[UNCUT]บอสดาราโดดหนีอยู่ผิดที่มีแววติดคุก?“อัยการปรเมศวร์”ผนึกกำลังไล่ล่...

วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2567

'This is what a 15 foot hurricane storm surge looks like It's terrifying

โหดขั้นสุด.. อภิมหาพายุ “เฮอริเคนมิลตัน” ถล่มสหรัฐฯ รุนแรงสุดในปีนี้ | W...

ประเมินสถานการณ์น้ำภาคกลาง | สถานีร้องเรียน

ความฝันใฝ่ในชีวิต : กลอนคติชีวิต

หนอนผีเสื้อจรวดลายพราง ชอบกินดอก-ใบของต้นชวนชมและแพงพวย ต้นชวนชม จะถูกกัดกินจนเหลือแต่ก้านและลำต้น ส่วนต้นแพงพวย แม้แต่ฝักก็ถูกกินแทบหมด เหลือแต่ลำต้น หลังจากกินจนตัวโตเต็มวัย หนอนผีเสื้อจรวดลายพรางจะไต่ลงจากต้นไม้ไปซ่อนตัวบนผิวดิน เพื่อเปลี่ยนเป็นดักแด้ เมื่อครบกำหนดเวลาจึงโผล่ออกมาเป็นผีเสื้อจรวดลายพรางที่บินเร็วราวกับจรวด ซี่ไม้ไผ่ที่เสียบรอบๆกระถางดอกไม้ เพื่อใช้ป้องกันแมว-หมา ไม่ให้ทำต้นไม้เสียหาย ช่วยได้มากทีเดียว แม้จะไม่ 100%
 ดักแด้หนอนผีเสื้อจรวดลายพราง



ความฝันใฝ่ในชีวิต กลอนคติชีวิต

    ความใฝ่ฝันเป็นของเรา
ส่วนความจริงเล่า....เป็นของสิ่งที่เหนือกว่า
ทุกๆความมุ่งมาดปรารถนา(ของเรา)
หาใช่เรื่องที่โชคชะตาจะใส่ใจ

    มีชีวี...จงมีฝัน
และความทะเยอทะยาน....อันยิ่งใหญ่(ที่จะไขว่คว้าล่าฝัน)
ผิดหวังบ้าง....ช่างประไร
จงปรับตัวปรับหัวใจ
ให้ยอมรับกับ....ความเป็นจริง
(เมื่อใจยอมรับได้ ความรู้สึกผิดหวังจะบรรเทาเบาบางลง)

    ไม่มีผู้แพ้ และผู้ชนะ
บนมรรคาแห่งฝัน....ไพศาลยิ่ง
ชะตากรรมคือความจริง
เป็นสิ่งนอกเหนือ เหลือบ่าเกินกว่าการจะสู้ฝ่าฟัน
(ต่อต้านไปก็ไม่มีวันสำเร็จ)

    ความฝันที่ดี....มีคุณค่า
ความชั่วช้า....อย่าเก็บมาใฝ่ฝัน
โลกนี้....ไม่ได้มีแค่เราเท่านั้น
คนอื่นก็มีฝัน....ควรจัดสรร-แบ่งปันกันไป

   โลกกว้างขวาง
มีที่ว่างอย่างมากมาย
การถ้อยทีถ้อยอาศัย
เสริมสร้างความฝันให้....ไร้มลทิน

    ความใฝ่ฝันอันชั่วช้า
ทำชีวิตให้ไร้ค่า....ไม่น่าถวิล
ณ จุดที่ฟ้าจรดกับดิน
ความสำเร็จทั้งสิ้น...เสมือนหนึ่งจินตนา(จินตนา=ฝัน,นึกคิด)

    ลดความกระหาย-กระสัน
เท่ากับลดชีวันปัญหา
ไม่ประสงค์ให้ใครสมเพชเวทนา(เรา)
จงศึกษาเรียนรู้....
การดำรงชีวิตอยู่อย่างพอดี(ไม่ขาด-ไม่เกิน,ไม่น้อยเกินไป-ไม่มากเกินไป)

   ความใฝ่ฝันจะเปลี่ยนเป็นความเพ้อฝัน
หากขาดความมุ่งมั่น ฝ่าฟันไม่ถอยหนี
จิตใจที่เข้มแข็ง+พลังแรงใจที่ไร้ราคี
ช่วยให้ความยากลำบากบนปฐพี....คลี่คลายลงฯ
                                         
๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๗

ปรับนา 17 ไร่ “ปลูกต้นจามจุรี กวาดใบขาย” โกยรายได้ปีละ 100,000 บาท

คนไทยป่วยซึมเศร้า เพิ่ม 4.8 เท่า | ข่าวค่ำมิติใหม่ | 14 มิ.ย. 67

วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2567

อิหร่านทดลองนิวเคลียร์สำเร็จ อิสราเอลปักธงยึดฮิซบอลเลาะห์ | TNN ข่าวค่ำ ...

'กัญจนา' แฉ 'ศูนย์บริบาลช้าง' ขายทัวร์ยันวันน้ำท่วม - 'แสงเดือน' ขอจบดรา...

แฉสนั่น! "ขบวนการขายตรง" ดาราดังเป็นแม่ข่าย-เหยื่อทุ่มทุนหมดตัว | 9 ต.ค....

"ผู้เสียหาย" แฉเป็นฉากๆ ล้วงลึกธุรกิจ "ขายตรง" โยงเครือข่ายดารา | สถานกา...

เรื่องใหญ่! เพจดังแฉ บ.ขายตรง ดาราดังหลอกลงทุน ผู้เสียหายเพียบ! 08/10/67...

อิลราเอล วกหัวกลับยกเลิกโจมตีอิหร่าน หลังอิหร่านจุดนิวเคลียร์สนั่นเกือบ5...

วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ใครรีบรอก่อน ขบวนรถซุเปอร์คาร์ ขวางเต็มเลนมอเตอร์เวย์ : Khaosod - ข่าวสด

คุยกับ 'เจ้เล้ง' เตือนให้เก็บเงินสด มีเงินน้อยอย่าหาทำธุรกิจ | TOMORROW

เด็กจบใหม่ตกงานเพียบ! วิกฤตที่รอการระเบิด : Suthichai live 8-10-67

วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ทะเลทรายซาฮารา กลายเป็นสีเขียว เพราะโลกร้อน?

โลกเปลี่ยน "ค้าขายยุคใหม่" ถอดมุมคิด "เจ้เล้ง ดอนเมือง" | คุยนอกกรอบ | 1...

จับตาเศรษฐกิจโลก ถดถอยไตรมาส1/68 - Money Chat Thailand | ธีระชัย ภูวนาถน...

อิสราเอลเตรียมถล่มอิหร่าน ! Suthichai Live 6-10-2567

การทูต iPad ของนายกฯแพทองธารใครเป็น Coach?: Suthichai Live 5-10-2567

วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2567

คุณค่าของชีวิต : กลอนคติชีวิต











คุณค่าของชีวิต กลอนคติชีวิต

    ชีวี มีค่า........................................ใครก็ รู้ว่า (มีค่า)ขนาดไหน?
ไม่ว่า อะไร.....................................สละให้ (เพื่อ)รักษา ชีวี(ของตน)

    รักตน ที่สุด....................................(เป็น)สัจจะ มนุษย์ วิถี
ฝังแน่น ฤดี.....................................ไม่มี อะไร ลบเลือน(ได้)

    (ชีวี)"มีค่า ตรงไหน?".......................เคยถาม(ตัวเอง) หรือไม่? ใคร่เอื้อน
(ถ้า)ไม่คิด บิดเบือน..........................ดูเหมือน แค่"สัญ ชาตญาณ"(รักตัวเอง)

    (ลอง)วิเคราะห์ "คุณค่า(ชีวิต)"...........จะได้ รู้ว่า (มีความ)กล้าหาญ?
หรือสัก(แต่) ดักดาน..........................เป็นแค่ สามานย์ พาลชน?(คนหลงตัวเอง)

    ทำอะไร ไว้บ้าง?..............................(เพื่อโลก)สังคม สล้าง พร่างผล?
หรือทำ(ทุกอย่าง) เพื่อตน...................สุขรื่น ดื่นท้น (เพียง)คนเดียว?

    (จ้องแต่จะ)เอาเปรียบ คนอื่น..............(ใครทุกข์ระทม)ขมขื่น ไม่เคย แลเหลียว
(แสนจะ)ฉลาด ปราดเปรียว.................(ในด้าน)เหนี่ยวนำ ความสุข ใส่ตน?

    เป็นคน ที่ดี?....................................หรือมี แต่ความ โฉดฉล?
สับปลับ สัปดน?................................หรือ(เป็น)คน ซื่อสัตย์ ทัศไนย?

    ชีวี มีค่า..........................................แต่ถ้า ค่าคุณ(คุณค่า) สูญไร้?
อยู่หรือ จากไป?................................ก็ไม่ มีผล บนโลกาฯ
                                         (คนที่ไม่ทำประโยชน์เพื่อสังคม เกิดมาก็รกโลกเปล่าๆ)

๕ ตุลาคม ๒๕๖๗

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
นัตถิปุตตสมสูตรที่ ๓
[๒๘] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กล่าว คาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า ความรักเสมอด้วยความรักบุตรไม่มี ทรัพย์เสมอด้วยโคย่อม ไม่มี แสงสว่างเสมอด้วยดวงอาทิตย์ย่อมไม่มี สระทั้งหลาย มีทะเลเป็นอย่างยิ่ง ฯ [๒๙] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ความรักเสมอด้วยความรักตนไม่มี ทรัพย์เสมอด้วยข้าว เปลือกย่อมไม่มี แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาย่อมไม่มี ฝน ต่างหากเป็นสระยอดเยี่ยม ฯ

เด็กจบใหม่จีนตกงานเพียบหนุ่มสาวเลือกที่จะออกจากระบบงานจนเกิดปรากฏการณ์ใช...

หนี้ครัวเรือนไทยอันดับ 7 ของโลก คนไทยเกือบ 50% ไม่เคยออมเงิน | THANTALK ...

วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567

วันนี้ไม่อยากไหว้พระ : กลอน


วันนี้ไม่อยากไหว้พระ กลอน

    (นำไม้ประดับ)ใบ-ดอก งอกงาม อาราม(วัด)ถวาย..........มุ่งหมาย ไว้ประดับ กับศาสนา(พุทธ)
อนิจจา พระเณร บ่เห็น(คุณ)ค่า....................................มิรักษา รดน้ำ เหมือนทำลาย(ปล่อยให้ตาย)

    เงินทอง ถวายวัด ปรารถนา.......................................ส่งเสริม (พุทธ)ศาสนา แพร่ขยาย
พระถือ(วิสาสะ) ซื้อของ คล่องจับจ่าย...........................สุรุ่ยสุร่าย ไม่เห็น(คุณ)ค่า เงินตราคน
                                                                              (ที่หามาได้ด้วยความยากลำบาก) 

    คุณภาพ คนบวช มิกวดขัน........................................นับวัน บั่นทอน รอนมรรคผล(นิพพาน)
(มุ่ง)ลาภ-ยศ-สรรเสริญ-(สุข)เพลินเพื่อตน.....................เวียนวน วิถี โลกิยธรรม

    เข้าวัด ขัดสน มรรคผลส่อง......................................(พระเอาแต่)ขายของ ขายบุญ หนุนรวยร่ำ
หาเงิน เจริญจิต ติดใจจำ............................................พิธีกรรม ธุรกิจ พาณิชยการ

    จุดเทียน เจียรแจ้ง แสงสว่าง.....................................ท่ามกลาง คน(เคลื่อน)ไหว(เข้าออก) ในวิหาร
จุดธูป บูชา พุทธประธาน............................................ไร้คำ อธิษฐาน อันใดมี

    (เห็น)สายตา พระ(เณร)ส่อ ก่อกิเลส(ตัณหา)................สาเหตุ เจตให้ ในวันนี้(เจต=สิ่งที่คิด,ใจ)
ไม่อยาก ไหว้พระ(คน) อลัชชี......................................(ผู้)ไม่มี ศีลธรรม นำหทัย

    เสียเงิน เลี้ยงสัตว์ จรจัดพร้อม....................................แต่จะ ไม่ยอม น้อมเสีย(เงิน)ให้ 
พระ-วัด บัดสี (ละเมิด)ธรรมวินัย...................................ขาดความ เลื่อมใส ในศาสดา
                                                                     (ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า)

    บริจาค เงินซื้อ เครื่องมือ(แพทย์)หมอ..........................ไม่รอ บริจาค(ให้) ซากศาสนา
(ที่)ไร้จิต วิญญาณ อันสุทธา........................................บวชมา หากิน หมิ่นศาสน์เอยฯ
     (สุทธา=ผู้บริสุทธิ์)

๔ ตุลาคม ๒๕๖๗

วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2567

(HAVAL H6) EP73 การปลดล็อคฝากระโปรงท้ายในกรณีฉุกเฉิน

วิธีการใช้งานชุดตัดสายเข็มขัดนิรภัยและการทุบกระจก

การทุบกระจกไม่ได้ง่ายหากไม่รู้วิธีการทุบ

วิเคราะห์โศกนาฏกรรม ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา