ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

เปิดผลกระทบศาลรับคดี “เศรษฐา” เศรษฐกิจไทยเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ท่ามกลางเกมกา...

ชีพจรกองทุนประกันสังคม เสี่ยงล้มลายในอีก 30 ปีหรือไม่ | เศรษฐกิจติดบ้าน

ปัญหาของการ"ไม่รักดี-ไม่มีศีลธรรม" : กลอนคติเตือนใจ



ไม่นับรวมคนเล่นหวย



หมายถึง เสียภาษีรายได้น้อยกว่า 5 ล้านคน
แต่ได้รับเงินสวัสดิการคนจน 20 ล้านคน
มีเงินเล่นการพนัน 32.5 ล้านคน!





ปัญหาของการ"ไม่รักดี-ไม่มีศีลธรรม" : กลอนคติเตือนใจ


    คน(บ่น)เครียด เกลียดดู รู้ข่าวสาร.....................รำคาญ บ้านเมือง เฟื่องปัญหา

เหมือนคิด ปิดหู และปิดตา...............................เดินฝ่า ประจญ หนทางภัย


    (หาก)เยาวว์วัย ไม่ขยัน การศึกษา.....................เติบใหญ่ ไม่ปรารถนา (ทำมา)หากินใคร่

เกียจคร้าน งานประจำ (ทำ)เล่นตามใจ...............หลงใหล อบายมุข คอยคลุกคลี


    (ทำงาน)เช้าชาม เย็นชาม คือความชอบ.............ลักลอบ(ขโมย) ทุจริต(โกง) ผิดวิถี

ทำงาน คร้านตั้งใจ ทำให้ดี(ทำแค่พ้นๆไป)..........ไม่มี ความทุ่มเท(ให้ส่วนรวม)-เห็นแก่ตน


    ใช้เงิน เกินตัว ไม่กลัว(เป็น)หนี้..........................ไม่มี นิสัย ใฝ่(เก็บ)ออมผล

งมงาย ไสยศาสตร์ มัดกระมล.............................ความลำบาก ยากจน คือหนทาง(ที่ต้องเผชิญ)


    ศีลธรรม อำไพ บ่ใยดี........................................แม้มี พุทธธรรม (ส่อง)นำแสงสว่าง

(แต่)ไม่เอา ใส่ใจ (สติปัญญาย่อม)ไร้เลือนลาง.....ดวงตา ฝ้าฟาง ทาง(อนาคต)มืดมน


    แก้ปัญหา อะไร ไม่ได้ดอก.................................หาก(คนส่วนใหญ่)ยัง กลิ้งกลอก-หลอกลวง-ฉล

ชาติใด "(ความ)ใฝ่ชั่ว" พัวพันชน........................หนีไม่พ้น อนธการ พันธนา


    (เมื่อ)สมาชิก ส่วนใหญ่ "ไม่รักดี"........................สังคม ย่อมมี แต่ปัญหา

เมื่อประ ชาชน ฉลชั่วช้า......................................ประเทศชาติ (จะ)พัฒนา อย่าฝันไป


    (เมื่อ)เศรษฐกิจ-การเมือง-การศึกษาฯลฯ.............(มี)ปัญหา เยอะแยะ แก้ไม่ได้(สักที)

ต้นเหตุ ปัญหา คืออะไร?.....................................เพราะคน(ส่วนใหญ่) "เหลวไหล-ไม่รักดี"


๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗

ข่าวด่วน ไบเดนและนาโต้11ชาติไฟเขียวนำอาวุธโจมตีดินแดนรัสเซีย ต้านบุกคาร์คีฟ

"ยายฉวี" รับผิดลวงโลกหวังของบริจาค | 31 พ.ค. 67 | คุยข่าวเช้าช่อง8

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

สัญญาณอันตราย! ยอดปิดโรงงานพุ่ง หนี้เสียลามรายใหญ่ | DEEP Talk

จีนเปิดตัว 'สุนัขเครื่องจักรสังหาร' ซ้อมรบร่วมกับกัมพูชา | กรุงเทพธุรกิจ...

ตกใจแรง "คลัง-แบงก์ชาติ" เห็นตรงกัน ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ l NATION INSIGHT...

ป.ป.ช.แจ้งข้อหา "บิ๊กต่อ-ภริยา" ซุกบ้านที่อังกฤษ | ข่าวเช้าเนชั่น | Nati...

วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ผ่าตัด "เศรษฐกิจไทย" สายเกินแก้ไหม ? หรือยังเร่งดันธุรกิจใหม่ได้ก่อนหมดท...

กู้เงินเพิ่มลุย ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ดันหนี้สาธารณะนิวไฮ คุ้มไหม? | THE STAN...

"สงคราม-โรคระบาด-อากาศเปลี่ยน" เขย่าโลกสะเทือนไทย ตั้งหลักให้ดีจะยืนจุดไ...

หายนะ "มหันตภัยโลกเดือด" เช็กแผนรับมือ ฝ่าวิกฤตอากาศสุดขั้ว | ห้องข่าว ไ...

อสส. สั่งฟ้อง "ทักษิณ" คดี 112 สะเทือน "เพื่อไทย" ? | จับตาสถานการณ์ | 2...

วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

เตือน! โอนเงินมาผิด อย่าเพิ่งรีบโอนคืน เพราะอะไร l โอนเงินผิด l มิจฉาชีพ...

พุทธศาสนาจะอยู่ที่ไหน? : กลอนคติเตือนใจ






                                                                   (ภาพจาก Google )
                                            ถ้าเอาภาพจริงมาแสดง เกรงว่าจะเข้าวัดไม่ได้(555)

พุทธศาสนาจะอยู่ที่ไหน? : กลอนคติเตือนใจ


    พระกระเทย นำพระวัด จัดดอกไม้.....................ดูคลับคล้าย งานแต่ง สำแดงผล

ซุ้มประตู ดอกกุหลาบ ประดับยล.......................ดอกไม้ดื่น อื่นท้น วน(รอบ)เวที


    พื้นพิลาส พาดพรม ผสมผสาน(ลวดลาย)..........อลังการ เก้าอี้หลุยส์ ฉุยฉายสี

ผ้าแพรมัด จัดโยง บรรจงดี...............................เสมือนมี งานวิวา หะมงคล


    เต้นท์(น้ำ)ปานะ ขนาบ (เต้นท์)รับบริจาค............เต้นท์หลายหลาก ตั้งชิด ปิดถนน(ในวัด)

พระ-เณรหลาม คล่ำคลา(คลาคล่ำ) ประชาชน.....ชวนฉงน สนเท่ห์ เหตุใด?

(เหตุ อ่าน เห-ตุ มุขขำๆที่เด็กชอบพูดเล่น)


    (เดินดู)จึงเห็นป้าย ประกาศ งาน(ฉลอง)พัดยศ.........(รู้สึก)อัปยศ อดสู พระผู้ใหญ่

แนวประพฤติ ปฏิบัติ ถนัดใจ...................................เผยหลงใหล โลกีย์ อวิชา(อวิชชา)


    ลาภ-ยศ-สรร เสริญ-สุข คือทุกสิ่ง............................มัดใจยิ่ง มิ่งมาด ปรารถนา

เปรียญธรรม มิทำให้ ได้(สติ)ปัญญา........................รักวิถี ชีวา (สุขสบายแบบ)คหบดี


    (ใช้)ของแพงโปรด รถหรู กุฏิใหญ่ฯลฯ.....................ล้วนทำให้ ไกลห่าง กลางวิถี(ทางสายกลาง)

(การ)ปฏิบัติตาม ธรรมวินัย ไร้ฤดี(ไม่มีใจ).................ทำทุกอย่าง อ้างประเพณี วิถีไทย(ไม่ใช่ธรรมวินัย)


    พระทำ(ตัว)ราว ชาวบ้าน รกตัณหา..........................แล้วพุทธ(ะ) ศาสนา จะอยู่(ที่)ไหน?

วัดตั้งหน้า(ตั้งตา) หาเงิน เพลิดเพลินใจ...................เป็นธุรกิจ ผิดวิสัย(พุทธ)....(จึง)ไม่ศรัทธา


    พระไตรปิฎก ยกยอ พิเคราะห์อ่าน..........................ประดิษฐาน วิสุทธิ์ พุทธศาสนา

ณ กลางดวง หฤทัย ให้วัฒนา..................................ด้วยปฏิบัติ บูชา สาธุเอยฯ


๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค

ชันตุสูตรที่ ๕
[๒๙๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้- สมัยหนึ่ง ภิกษุเป็นจำนวนมากอยู่ในกุฎีอันตั้งอยู่ในป่าข้างเขาหิมวันต์ แคว้นโกศล เป็นผู้ฟุ้งซ่าน เย่อหยิ่ง โอนเอน ปากกล้า วาจาสามหาว มีสติ ฟั่นเฟือน ขาดสัมปชัญญะ ไม่มั่นคง มีจิตคิดนอกทาง ประพฤติเยี่ยงคฤหัสถ์ ฯ [๒๙๔] วันหนึ่งเป็นวันอุโบสก ๑๕ ค่ำ ชันตุเทพบุตรเข้าไปหาพวกภิกษุ เหล่านั้นถึงที่อยู่ ครั้นแล้วจึงได้กล่าวกะภิกษุเหล่านั้นด้วยคาถาทั้งหลายว่า ครั้งก่อน พวกภิกษุผู้เป็นสาวกพระโคดม เป็นอยู่ง่าย (เลี้ยง ง่าย) ไม่เป็นผู้มักได้แสวงหาบิณฑบาต ไม่มักได้ที่นอน ที่นั่ง ฯ ท่านรู้ว่าสิ่งทั้งปวงในโลกเป็นของไม่เที่ยง กระทำที่สุดแห่ง ทุกข์ได้ ฯ ส่วนท่านเหล่านี้ ทำตนให้เป็นคนเลี้ยงยากเหมือนชาวบ้านที่ โกงเขากิน กินๆ แล้วก็นอน เที่ยวประจบไปในเรือนของ คนอื่น ฯ ข้าพเจ้าขอทำอัญชลีต่อท่าน ขอพูดกะท่านบางพวกในที่นี้ว่า พวกท่านถูกเขาทอดทิ้ง หมดที่พึ่ง เป็นเหมือนเปรต ฯ ที่ข้าพเจ้ากล่าวนี้หมายเอาบุคคลจำพวกที่ประมาทอยู่ ส่วน ท่านพวกใดไม่ประมาทอยู่ ข้าพเจ้าขอนมัสการท่านพวกนั้น ฯ

ตัดวงจรคอลเซนเตอร์ ต้องเริ่มที่ไหน ? | จับตาสถานการณ์ | 28 พ.ค. 67

สภาพัฒน์ เตือนสัญญาณอันตราย หนี้บ้านต่ำ 3 ล้าน-หนี้บัตรเครดิตพุ่ง

วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ที่นี่ประเทศไทย! ยังมีใครสงสัยไหมว่าใครคือนายกฯ 'ตัวจริง'? Suthichai liv...

อานันท์: ทำอย่างไร ไม่ให้คนรุ่นใหม่คิดย้ายประเทศ?: Suthichai Live 25-5-2567

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ ‘สังคมคนโสด’ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen Z



‘สภาพัฒน์’ เผยคนไทยวัยเจริญพันธุ์ (15-49 ปี) ‘เป็นโสด’ พุ่งแตะ 40.5%

แอดมิน : อย่าดูแต่ตัวเลขของทางการ จนลืมดูความเป็นจริงของสังคม 
เพราะคนไทยทุกวันนี้ มีมากมายที่อยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนสมรส (เป็นโสดแต่ไม่โสด)
ทำแบบนี้ตั้งแต่ยังเรียนหนังสือไม่จบด้วยซ้ำ
แอดมินรู้จักแม่เลี้ยงเดี่ยวหลายคนมีลูก 3-4 คน ที่เกิดกับสามี 3-4 คน 
แน่นอนว่าแม่เลี้ยงเดี่ยวทุกคนจะแสดงสถานะ "โสด" 
ผู้ชายที่ทิ้งลูกเมียไป ยิ่งยืนยันว่าตัวเอง"เป็นโสด"
เคยมีงานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า ในช่วงชีวิตของคนไทย 1 คน จะมีคู่โดยเฉลี่ย 8 คน
แสดงถึงข้อเท็จจริงว่า 
ทุกวันนี้ คนไทยอยากจะผสมพันธุ์ แต่ไม่อยากมีครอบครัว.

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

กรงขังแห่งสังสาร : กาพย์ยานี๑๑


กรงขังแห่งสังสาร : กาพย์ยานี๑๑


    วัยเยาว์* เคยเฝ้าเมียง..................................นกถูกเลี้ยง ในกรงขัง

ดูมี (ความ)สุขดีจัง....................................เป็นเหมือนดั่ง มิรู้ตัว


    (ว่า)อิสระ เสรีไร้.........................................ถึงภายใน กรงพร้อมทั่ว(อาหาร,ที่นอนฯลฯ)

เภทภัย ไม่พันพัว......................................บินเล่นหัว ครอบครัวเคียง


    คิดเทียบ เปรียบกับคน................................แม้อยู่บน โลกใหญ่เยี่ยง

(ท่างกลาง)จักรวาล อันกว้าง(ไกล)เพี้ยง......คนเคียงคล้าย นกในกรง(แคบๆ)


    เติบใหญ่** ได้ศึกษา...................................พุทธศาสนา ลดละหลง(อวิชชา)

จึงได้ เข้าใจตรง........................................การเวียนว่าย ตาย-เกิดมี


    เปรียบไป ไม่ต่างกรง...................................ขังเราคง (อยู่กับ)สงสาร(วัฏ)วิถี

ทุกข์โศก โรค-ไพรีฯลฯ...............................ไร้สิ้นสุด ดุจนิรันดร์


    คนหนอ บ่ต่างนก(ในกรง).............................ไป่ตระหนก ตระหนักหัน

(ไม่)เห็นภัย ในวัฏฏ์อัน................................ขวางกั้นอิส (สะ)ระเสรี


    นกอยาก อยู่ในกรง.......................................เหมือนคนหลง ไหลโลกนี้

อยากกลับ มาเกิดมี.....................................ชีวิตต่อ บ่อยากตาย


    คำสอน พุทธศาสนา.....................................(วัฏ)สังสารา คะนึงหมาย

หลุดพ้น (การ)วนเวียนว่าย............................(การเกิด)แก่-เจ็บ-ตาย ให้สิ้น(สุด)เอยฯ


๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๗


*ผู้เขียนคิดเรื่องนกในกรง ตอนมีอายุ 13 ปี

**ผู้เขียนเริ่มอ่านพระไตรปิฎก ตอนอายุ 19 ปี

1 ล้านบัญชีม้ายังอาละวาด กสทช.เข้มโมบายแบงกิ้ง "ชื่อไม่ตรงซิม" | โชว์ข่า...

วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

เตือนพายุลูกใหม่ก่อตัว "ลานีญา"เริ่ม ส.ค.ฝนหนัก-น้ำมาก | TNN ข่าวค่ำ | 25...

เลือกคู่=เลือกชีวิต : กลอนคติเตือนใจ













เลือกคู่=เลือกชีวิต : กลอนคติเตือนใจ


    (ก่อน)เลือกคู่ ดูให้ดี...................................คนอัปรีย์ มิคบหา

เมินเมียง เพียงหน้าตา..............................(สมบัติ)ทรัพยา ยศใหญโตฯลฯ


    (เพราะ)ไม่เพียง นอนเคียงข้าง....................กิจกรรม(ร่วม)สร้าง อย่างอักโข

ร่วม(รับ)ผล ล้นเดโช................................ดี-ชั่วโผ ผันชีวี


    ลูกไม้ (ย่อมหล่น)มิไกลต้น..........................ลูกหลานยล(เอาเยี่ยงอย่าง) ดลวิถี

อัชฌาสัย ได้ชั่ว-ดี....................................มีแม่-พ่อ ก่อสันดาน


    (หวัง)อยากพึ่ง ยามเฒ่าแก่.........................ผู้(เป็น)พ่อแม่ แลลูกหลาน

ต้องมี ธรรมาภิบาล...................................เป็นแก่นสาร มาน-หทัย


    สำนึก (ผิด)ชอบ-ชั่ว-ดี................................มุ่งมั่นมี สืบนิสัย

ศีลธรรม จำใส่ใจ......................................ประพฤติง่าย ไม่คลอนแคลน


    คุณธรรม ความสุจริต..................................คู่ความคิด นิมิตแม้น

พิทักษ์ ให้หนักแน่น..................................เสมือนแก่นสาร ชวาลชนม์

(ชวาล=ความรุ่งเรือง,ความสว่าง)


    (พ่อแม่)ไม่สอน เหมือนสอนให้....................ลูก(หลาน)จัญไร ใจโฉดฉล

(เพราะ)ธรรมชาติ สัตว์กระมล.....................ล้วนเหลือล้น สัญชาตญาณ(สัตว์ดิบเถื่อน)


    สังคม สิ่งแวดล้อม.....................................อบาย(มุข)ห้อม ล้อมลูกหลาน

ปกป้อง ต้อง(เริ่ม)ที่บ้าน ............................พระ-(ครู)อาจารย์ พึ่งไม่ได้เลยฯ

(อย่าหวังพึ่งพระ-ครู เพราะการอบรมสั่งสอนลูกหลานเป็นหน้าที่ของพ่อแม่)


๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๗

วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

การเมือง ‘ทุบ’ เศรษฐกิจไทย! l ดร.นณริฏ พิศลยบุตร l BIZ INSIGHT l 24 พ.ค.67

ทางโลก ≠ ทางธรรม : กลอนคติเตือนใจ


                       








ทางโลก ≠ ทางธรรม : กลอนคติเตือนใจ


    นี่คือผล (การ)มิสนใจ พระไตรปิฎก..................เทศนา ตลกๆ ฮายกใหญ่

สนุกสนาน หรรษา หฤทัย-............................ชาวบ้านผูก ถูกใจ ใคร่ศรัทธา


    ละเลยธรรม (มะ)วินัย (ทำ)ตามใจชอบ.............ปราศจากกรอบ ครอบกาย-(วาจา)-ใจ ไตรสิกขา

อวดอ้างตน ล้นเด่น เป็น(พระ)พัฒนา..............อนิจจา การประพฤติ ยึดโลกีย์*


    สมณะ วิสัย** ไม่รู้จัก......................................ผูกพัน-รัก โลกวิสัย ใคร่สุขี

ยังหลงตน ล้นอัตตา (กู)เป็นพระดี..................(ทั้งๆที่)ไม่ประสี ประสา มิละอาย


    ปากนักบวช อวดตน (เป็น)คนสมถะ..................(แต่)ไม่ลดละ รับเงิน เชิญถวาย(ให้กูมากๆ)

กูจะได้ ใช้-ทำ-สร้างฯลฯ อย่างมากมาย...........ดูเป้าหมาย คล้ายเลิกรา พระนิพพาน


    ทางสายกลาง ห่างเหิน (ชอบ)เดินสายเทศน์......ทั้งๆที่ ล้นกิเลส เหตุสังสาร(วัฏ)

คนไม่รู้ บูชา เรียก"อาจารย์"............................ถวายยาน พาหนะ ราคาแพง(กูต้องฝืนนั่ง)


    ของไม่ดี(ไม่แพง) มิควรใคร่ ถวายพระ...............ฟังพูดจา ฉะฉาน หาญกำแหง

ต้องถวาย ของดี(มีราคา) วจีแจง.....................เพื่อแสดง ศรัทธา ว่าตามกัน


    บริขาร๘ สำมะหา ล้าสมัย................................พระเดี๋ยวนี้ นิยมใช้(สิ่งของ) ตามใจฉัน

ของแบรนด์เนม ไขว่คว้า มาประชัญ.................ยุญาติโยม โหมหรรษ์ แบ่งปันทุน(ร่วมบริจาคเงิน)


    ไม่เคยพบ(เห็น) พระดี เพราะกิเลส...................พบ(เห็น)แต่เปรต เวทนา พาลสถุล

เรื่องเงินทอง ของแพง แฝงทำบุญ..................ไม่เกิ้อหนุน (พุทธ)ศาสนา เจริญรุ่งเรืองฯ(อย่าถวายพระ-วัด)


๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๗


*โลกีย์=เกี่ยวกับโลก, ทางโลก, ธรรมดาโลก, ตรงข้ามกับโลกุตระ, เช่นโลกิยธรรม


**สมณวิสัย มีความหมาย 2 นัย คือ 

(1) โลกของสมณะ คือการครองชีวิตตามแบบของนักบวช หรือกรอบขอบเขตที่นักบวชจะพึงประพฤติปฏิบัติหรือไม่ควรประพฤติปฏิบัติ ทั้งนี้เป็นไปตามกฎหรือหลักการที่ศาสนานั้นๆ กำหนดไว้ ถ้าปฏิบัติตามกรอบก็เรียกว่า อยู่ในสมณวิสัย ถ้าออกนอกกรอบ คือทำสิ่งที่สมณะไม่พึงทำ ก็เรียกว่า ผิดสมณวิสัย            (2) ความสำนึกว่าเป็นสมณะ คือความรู้สึกตัวได้ด้วยตนเองว่า บัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกิริยาใดๆ ของสมณะ เราต้องทำอาการกิริยานั้นๆ ถ้ามีความรู้สึกตัวดังนี้ก็เรียกว่า มีสมณวิสัย(https://dhamtara.com/?p=4615)

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๖ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต

๓. ตติยปัณณาสก์
๑. สมณสัญญาวรรค
หมวดว่าด้วยสมณสัญญา๑-
๑. สมณสัญญาสูตร
ว่าด้วยสมณสัญญา
[๑๐๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย สมณสัญญา ๓ ประการนี้ ที่ภิกษุเจริญทำให้มากแล้วย่อมให้ธรรม ๗ ประการบริบูรณ์ สมณสัญญา ๓ ประการ อะไรบ้าง คือ สมณสัญญาว่า ๑. เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์ ๒. ชีวิตของเราเนื่องด้วยผู้อื่น ๓. มารยาทอย่างอื่นที่เราควรทำมีอยู่

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๑

สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
ธัมมจักกัปปวัตตนวรรคที่ ๒
ตถาคตสูตรที่ ๑
ทรงแสดงพระธรรมจักร
[๑๖๖๔] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :- สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้พระนครพาราณสี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุปัญจวัคคีย์มาแล้วตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนสุด ๒ อย่างนี้ อันบรรพชิตไม่ควรเสพ ส่วนสุด ๒ อย่างนั้นเป็นไฉน? คือ การประกอบตนให้ พัวพันด้วยกามสุขในกามทั้งหลาย เป็นของเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ๑ การประกอบความลำบากแก่ตน เป็นทุกข์ ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบ ด้วยประโยชน์ ๑ ข้อปฏิบัติอันเป็นสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ส่วนสุด ๒ อย่างเหล่านี้ อันตถาคต ได้ตรัสรู้แล้ว กระทำจักษุ กระทำญาณ ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความ ตรัสรู้ เพื่อนิพพาน ก็ข้อปฏิบัติอันเป็นสายกลางนั้น ... เป็นไฉน? คือ อริยมรรคอันประกอบ ด้วยองค์ ๘ นี้แหละ ซึ่งได้แก่ ความเห็นชอบ ความดำริชอบ วาจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีพ ชอบ เพียรชอบ ระลึกชอบ ตั้งใจมั่นชอบ ข้อปฏิบัติอันเป็นสายกลางนี้แล อันตถาคตได้ตรัสรู้ แล้ว กระทำจักษุ กระทำญาณ ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อ นิพพาน.

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
๑๐. อนุรุทธสูตร
...........ดูกรอนุรุทธะ ในกาลใดแล เธอจักตรึกมหาปุริสวิตก ๘ ประการนี้
ในกาลนั้น เธอจักหวังได้ทีเดียวว่า จักสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุ
ปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ ในกาลใดแล เธอจักตรึก
มหาปุริสวิตก ๘ ประการนี้ ในกาลนั้น เธอจักหวังได้ทีเดียวว่า จักบรรลุทุติยฌาน
มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตกวิจาร เพราะวิตก
วิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ ในกาลใดแล เธอจักตรึกมหาปุริสวิตก
๘ ประการนี้ ในการนั้น เธอจักหวังได้ทีเดียวว่า จักมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ
เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย
สรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข ในกาลใดแล เธอ
จักตรึกมหาปุริสวิตก ๘ ประการนี้ ในกาลนั้น เธอจักหวังได้ทีเดียวว่า จักบรรลุ
จตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ
ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ในกาลใดแล เธอจักตรึกมหาปุริสวิตก
๘ ประการนี้ และจักเป็นผู้มีปรกติได้ตามปรารถนา ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ซึ่ง
ฌาน ๔ นี้อันมีในจิตยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน ในกาลนั้น ผ้าบังสุกุล
จีวรจักปรากฏแก่เธอ ผู้สันโดษ อยู่ด้วยความยินดี ด้วยความไม่หวาดเสียว ด้วย
ความอยู่เป็นสุข ด้วยการก้าวลงสู่นิพพาน เปรียบเหมือนหีบใส่ผ้าของคฤหบดี
หรือบุตรแห่งคฤหบดี อันเต็มไปด้วยผ้าสีต่างๆ ฉะนั้น ดูกรอนุรุทธะ ในกาลใด
แล เธอจักตรึกมหาปุริสวิตก ๘ ประการนี้ และจักเป็นผู้ได้ตามความปรารถนา
ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔ นี้อันมีในจิตยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขใน
ปัจจุบัน ในกาลนั้น โภชนะ คือ คำข้าวที่ได้มาด้วยปลีแข้ง จักปรากฏแก่เธอผู้
สันโดษ ... ด้วยการก้าวลงสู่นิพพาน เปรียบเหมือนข้าวสุก (หุงจาก) ข้าวสาลี
คัดเอาดำออกแล้ว มีแกงและกับหลายอย่าง ของคฤหบดีและบุตรแห่งคฤหบดี
ฉะนั้น ดูกรอนุรุทธะ ในกาลใดแล เธอจักตรึกมหาปุริสวิตก ๘ ประการนี้ และ
จักเป็นผู้ได้ตามความปรารถนา ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔ นี้อันมีในจิต
ยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน ในกาลนั้น เสนาสนะ คือ โคนไม้ จัก
ปรากฏแก่เธอผู้สันโดษ ... ด้วยการก้าวลงสู่นิพพาน เปรียบเหมือนเรือนยอด
ของคฤหบดีหรือบุตรของคฤหบดี ฉาบทาไว้ดีแล้ว ปราศจากลม ลงลิ่มสลักมิด
ชิด ปิดหน้าต่างสนิท ฉะนั้น ดูกรอนุรุทธะ ในกาลใดแล เธอจักตรึกมหาปุริส-
*วิตก ๘ ประการนี้ และจักเป็นผู้ได้ตามความปรารถนา ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก
ซึ่งฌาน ๔ นี้อันมีในจิตยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน ในกาลนั้น ที่นอน
ที่นั่งอันลาดด้วยหญ้า จักปรากฏแก่เธอผู้สันโดษ ... ด้วยการก้าวลงสู่นิพพาน
เปรียบเหมือนบัลลังก์ของคฤหบดีหรือบุตรของคฤหบดี อันลาดด้วยผ้าโกเชาว์ขน
ยาว ลาดด้วยขนแกะสีขาว ลาดด้วยผ้าสัณฐานเป็นช่อดอกไม้ มีเครื่องลาดอย่างดี
ทำด้วยหนังชะมด มีเครื่องลาดเพดานแดง มีหมอนข้างแดงสองข้าง ฉะนั้น ดูกร
อนุรุทธะ ในกาลใดแล เธอจักตรึกมหาปุริสวิตก ๘ ประการนี้ และจักเป็นผู้ได้
ตามความปรารถนา ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔ นี้อันมีในจิตยิ่ง
เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน ในกาลนั้น ยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า จักปรากฏ
แก่เธอผู้สันโดษ ... ด้วยการก้าวลงสู่นิพพาน เปรียบเหมือนเภสัชต่างๆ คือ
เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ของคฤหบดีหรือบุตรของคฤหบดี
ฉะนั้น ฯ......