เลียบเลาะโลกุตตระ : กลอนจรรโลงใจ
๏ บรรยากาศ เย็นชื้น
คืนฟ้าหม่น........................หลังหลากฝน หล่นริน จนสิ้นสาย
ความวิเวก
เสกสรรค์ พรรณราย..........................ณ ภายใต้ ราษตรี ที่เอกา(ราษตรี=ราตรี)
๏ เมื่อชีวิน ไม่ดิ้นรน
จนเกินเหตุ..........................กองกิเลส เบาบาง รางตัณหา
ไม่หลงตัว
หลงตน ล้นอัตตา..............................ไม่ถือมั่น บรรดา โลกียธรรม
๏ ความสงบ สบสันติ์
รางวัลสฤษฏ์.......................ดุจรัถยา อมฤต พิสิฐล้ำ(รัถยา=ทางเดิน,พิสิฐ=วิเศษ)
ขณะซึ่่ง
คะนึงไคล ไร้ถ้อยคำ.............................เสียงสัทธรรม กำธร สะท้อนฤดี
๏ ความเย็นรื่น ชื่นไล้
ใจกายสงบ........................ความคิดขบ พบพาน สราญวิถี
ความครื้นเครง
ทั้งหลาย เมื่อไม่มี.......................จิตมั่นคง ทรงศรี วิภัสสรา
๏ โลกุตตระ จะไสว
ในเฉพาะ.............................ผู้ไม่เกาะ กิเลส เฉทตัณหา
ใจซื่อตรง
คงสัตย์ สุทัศนา................................ไม่กลิ้งกลอก หลอกกล้า วาทะลวง
๏ ยัง(อยาก)กินหรู อยู่ดี
(มั่ง)มีฐานะ....................ตะกลามตะกละ ทรัพย์ใคร่ ใฝ่แหนหวง
ยังเบียดเบียน
ผู้อื่น ระรื่นทรวง...........................ยังห่างห้วง โลกุตตระ พยายาม
๏ เพียรสวดมนต์ บ่นว่า คาถา
มคธ......................แต่หฤทัย ไม่ลด คดคิดข้าม
เอาหลักธรรม
คำอ้าง มาสร้างความ....................น่าเลื่อมใส แต่ใจทราม ก็ตามที
๏ หาเฉียดก้าว เข้าไป
ใกล้ภาวะ.........................โลกุตตระ ทัศไนย ไทวิถี
(ยัง)อยู่ท่ามกลาง
ระหว่างสัตว์ กาจราคี...............โลกโลกีย์ พิลาป อาบเอื้อนเอยฯ(พิลาป=ร่ำไรรำพัน)
๓๐ เมษายน
๒๕๖๑