ทำดีเท่าที่ทำได้ : กลอนคติเตือนใจ
๏ อุณหภูมิ ร้อนรุมเร่า.................................ตั้งแต่เช้า จวบค่ำเข็ญ
ปลูกต้นไม้ หวังได้เย็น............................บางคนเห็น เป็น(สิ่ง)ขวาง(หูขวาง)ตา
๏ ผลประโยชน์ ฉลโฉดใคร่.........................ตัดต้นไม้ (เผา-บุกรุก)ทำลายป่า
เข้าจับจอง เป็นของข้า............................มิสนว่า โลกจะมลาย
๏ คน(อื่น)ทำดี มิเสริมส่ง.............................ยังคิดโกง ประสงค์ร้าย
ช่างทิ้งทอด ชาติ(จะ)วอดวาย..................ปราศละอาย ในกระมล
๏ การทำดี มีอุปสรรค..................................เพราะพวกรัก มักชั่วฉล
เรื่องธรรมดา ทั่วสากล.............................ที่มีคน ฉลชั่วนอง
๏ เป็นคนดี เพราะความดี(คิดพูดทำดี)...........หาได้มี เชื้อชาติ(กำเนิด)ข้อง
แม้มีทรัพย์ สินเงินทอง(ยศศักดิ์ฯลฯ).........มิใช่ช่อง มอง(ว่าเป็น)"ผู้ดี"
๏ คนดีทำ ความดีง่าย..................................คนชั่วร้าย ง่ายบัดสี
ความกตัญญู กตเวที................................คือวิถี แห่งธีรชน
๏ แม้(ตั้งใจ)ทำดี มิควร(ยึดมั่น)ถือ(มั่น)..........เพราะว่าคือ เหตุอกุศล
(การ)ยึดมั่นตัว ตน-ของตน.......................หาใช่หน ทางยั่งยืน(อริยมรรค)
๏ ทำความดี (เท่า)ที่ทำได้...........................(หาก)ทำไม่ได้ อย่าไปฝืน
ปล่อยวางเป็น เร้นกล้ำกลืน......................สิ้น(ทุกข์)ขมขื่น สะอื้นเอยฯ
๗ มีนาคม ๒๕๖๗
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
๘. อานันทสูตร
[๑๒๔] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กลันทก- *นิวาปสถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ก็สมัยนั้นแล ในวันอุโบสถเวลาเช้า ท่าน- *พระอานนท์นุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวร เข้าไปบิณฑบาตยังพระนครราชคฤห์ พระ- *เทวทัตต์ได้เห็นท่านพระอานนท์กำลังเที่ยวบิณฑบาตอยู่ในพระนครราชคฤห์ จึงเข้า ไปหาท่านพระอานนท์ แล้วได้กล่าวกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอาวุโสอานนท์ บัดนี้ ผมจักกระทำอุโบสถและสังฆกรรมแยกจากพระผู้มีพระภาค แยกจากภิกษุ- *สงฆ์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์เที่ยวบิณฑบาตใน พระนครราชคฤห์ กลับจากบิณฑบาตในภายหลังภัตแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มี พระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบ ทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส เวลาเช้า ข้าพระองค์นุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปบิณฑบาตยังพระนครราชคฤห์ พระ- *เทวทัตต์ได้เห็นข้าพระองค์กำลังเที่ยวบิณฑบาตอยู่ในพระนครราชคฤห์ จึงเข้าไปหา ข้าพระองค์ ครั้นแล้วได้กล่าวกะข้าพระองค์ว่า ดูกรอาวุโสอานนท์ บัดนี้ ผม จักกระทำอุโบสถและสังฆกรรมแยกจากพระผู้มีพระภาค แยกจากภิกษุสงฆ์ ตั้ง แต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วันนี้ พระเทวทัตต์จักทำลายสงฆ์ จัก กระทำอุโบสถและสังฆกรรม ฯ ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่ง อุทานนี้ในเวลานั้นว่า ความดีคนดีทำได้ง่าย ความดีคนชั่วทำได้ยาก ความชั่ว คนชั่วทำได้ง่าย ความชั่วพระอริยเจ้าทั้งหลายทำได้ยาก ฯ
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๒
อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
[๒๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงภูมิอสัตบุรุษและสัตบุรุษแก่ เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุทั้งหลายนั้น ทูลรับพระดำรัสพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภูมิอสัตบุรุษเป็นไฉน อสัตบุรุษย่อมเป็นคนอกตัญญูอกตเวที ก็ความเป็นคน อกตัญญูอกตเวทีนี้ อสัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเป็นคน อกตัญญูอกตเวทีนี้ เป็นภูมิอสัตบุรุษทั้งสิ้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนสัตบุรุษ ย่อมเป็นคนกตัญญูกตเวที ก็ความเป็นคนกตัญญูกตเวทีนี้ สัตบุรุษทั้งหลาย สรรเสริญ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเป็นคนกตัญญูกตเวทีทั้งหมดนี้เป็นภูมิ สัตบุรุษ ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น