นับถือพุทธศาสนาหรืออะไร? : กลอนคติเตือนใจ
๏ (หลัง)ออกพรรษา อากาศ อาจสับสน.......................ร้อน-หนาว-ฝน ผลพาน ผสานผสม
มิใช่การ โกหก ลวงพกลม(ของธรรมชาติ).............เยี่ยงชนสะพรั่ง สังคม ชมชาชิน
๏ แพร่เสียงเพลง อึกทึก ดังครึกครื้น...........................งานเริงรื่น เตรียมสรรพ รับกฐิน
หลากสำรับ อาหาร การดื่มกิน..............................ทั้งหมดทั้งสิ้น ครบถ้วน ล้วนจ่ายเงิน(หักจากเงินกฐิน)
๏ ปฏิบัติ จัดการ งานโดยพระ.....................................ผู้ปราศจาก สมณะ(ธรรม)* ความเก้อเขิน
รักวิถี โลกียธรรม เสพดำเนิน................................แล้วเชื้อเชิญ ชาวบ้าน สักการตน
๏ ถวายลาภ ยศถา บรรดาศักดิ์...................................สวามิภักดิ์ ปักใจ ไร้เหตุผล
(กับผู้ที่)แค่ผ้าเหลือง เฟื่องห่ม ก็สมกระมล............(ส่วน)จริยวัตร ขัดสน ไม่ยลมอง
๏ หลักศีลธรรม ความดี มิยึดถือ..................................ความสัตย์ซื่อ สุจริต คิดขัดข้อง
อกุศล มลทิน จินดานอง.......................................ส่วนกิเลส ตัณหาผอง ไป่ป้องปราม
๏ ใช้ชีวิต คิดแคบ (เลียน)แบบชาวบ้าน.......................โลกียธรรม สำราญ ฟุ้งซ่านหลาม
เป็นบรรพชิต พิศเคียง แค่เพียงนาม.......................ขาดสมณะ(ธรรม) ตะกละตะกลาม คือความ(เป็น)จริง
๏ สืบสานพุทธ (ธะ)ศาสนา ป่าวประกาศ......................แต่หลงใหล ไสยศาสตร์ มุ่งมาดยิ่ง
โลกุตระ มิกระจ่าง และชังชิง.................................กระหายยิ่ง ในกาม ความสัปดน
๏ นับถือพุทธ (ธะ)ศาสนา หรืออะไร?..........................ควรเจาะจง ถามใจ ไม่สับสน
มุ่งกำจัด วัฏสงสาร มารผจญ?...............................หรือแค่คน บวชพระ เพื่อ(ทำมา)หากิน?
๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
*พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๖ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต๓. ตติยปัณณาสก์ ๑. สมณสัญญาวรรค หมวดว่าด้วยสมณสัญญา๑- ๑. สมณสัญญาสูตร ว่าด้วยสมณสัญญา [๑๐๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย สมณสัญญา ๓ ประการนี้ ที่ภิกษุเจริญทำให้มากแล้วย่อมให้ธรรม ๗ ประการบริบูรณ์ สมณสัญญา ๓ ประการ อะไรบ้าง คือ สมณสัญญาว่า ๑. เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์ ๒. ชีวิตของเราเนื่องด้วยผู้อื่น ๓. มารยาทอย่างอื่นที่เราควรทำมีอยู่ สมณสัญญา ๓ ประการนี้แล ที่ภิกษุเจริญทำให้มากแล้ว ย่อมให้ธรรม ๗ ประการบริบูรณ์ ธรรม ๗ ประการ อะไรบ้าง คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ๑. เป็นผู้มีปกติทำต่อเนื่อง ประพฤติต่อเนื่องเป็นนิตย์ในศีลทั้งหลาย ๒. เป็นผู้ไม่มีอภิชฌา (ความเพ่งเล็งอยากได้ของเขา) ๓. เป็นผู้ไม่มีพยาบาท (ความคิดร้าย) ๔. เป็นผู้ไม่มีมานะ (ความถือตัว) ๕. เป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา๖. เป็นผู้มีการพิจารณาปัจจัยทั้งหลายอันเป็นบริขารแห่งชีวิตว่า ‘ปัจจัยเหล่านี้มีประโยชน์เช่นนี้’ แล้วจึงบริโภค ๗. เป็นผู้ปรารภความเพียร ภิกษุทั้งหลาย สมณสัญญา ๓ ประการนี้แล ที่ภิกษุเจริญทำให้มากแล้ว ย่อม ให้ธรรม ๗ ประการนี้บริบูรณ์.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น