วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2562

ผู้มีปัญญาย่อมตามรักษาจิต : กาพย์ฉบัง๑๖











ผู้มีปัญญาย่อมตามรักษาจิต : กาพย์ฉบัง๑๖

    ไพรพนัสหากปราศลม-ฝน.......................ย่อมมิอาจดล
เสียงเพลงพิมลระคนครวญ

    ราษตรีมีพายุผวน......................พฤกษาคณาชวน-
กันสรวลเสเห่ร้องรับ

    ฟ้าคะนองก้องกังวาลสรรพ......................ส่งเสียงเคียงขยับ
จับจิตจับใจรับสายฝน

    ผู้มีปกติฤดีดล.....................จินดาอกุศล
(คือจุด)เริ่มต้นมลทินอาจิณหมาย

    ก่อกรรมทำบาปมิอับอาย.....................เมามัว(ความ)ชั่วร้าย
มืดมนมองเห็นเร้นไร้ผล(ชั่ว)

    ส่วนผู้มีฤดีพิมล....................พรั่งพรูกุศล
ย่อมยลยึด(ความ)ดีพิสุทธิ์กรรม

    จงดูแลใจให้เลิศล้ำ.....................เมินชั่วมั่วระยำ
คำนึงถึงวิถีอดิศัย(อดิศัย=เลิศ,ประเสริฐ)

    นักปราชญ์ย่อมตามรักษาใจ.....................มิยอมปล่อยให้
เถลไถลนอกลู่นอกทาง

    (เมื่อ)คิดดีย่อมมี(เหมือน)แสงสว่าง.....................ส่องธรรมนำทาง
ขจ่างแจ่มใสในเหตุ-ผล

    หลีกเลี่ยงเสี่ยงภัยในบาป รน......................สละอกุศล
หวังพ้นราคีถึงที่สุด

    (หลัง)สิ้นอายุขัยในมนุษย์.......................ประเสริฐเกิดผุด
สวรรค์-วิมุตติฯลฯอุตส่าห์เทอญฯ

๑๑ กันยายน ๒๕๖๒

*...การฝึกฝนจิตที่ข่มได้ยาก อันเร็ว มีปรกติตกไปในอารมณ์ อันบุคคลพึงใคร่อย่างไร เป็นความดี
เพราะว่าจิตที่บุคคลฝึกดีแล้วนำสุขมาให้
นักปราชญ์พึงรักษาจิตที่เห็นได้แสนยาก ละเอียดอ่อนมีปกติตกไปตามความใคร่
เพราะว่าจิตที่บุคคลคุ้มครองแล้วนำสุขมาให้
ชนเหล่าใดจักสำรวมจิตอันไปในที่ไกล ดวงเดียวเที่ยวไป หาสรีระมิได้ มีถ้ำเป็นที่อยู่อาศัย
ชนเหล่านั้นจะพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร
ปัญญาย่อมไม่บริบูรณ์แก่บุคคลผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น ไม่รู้แจ่มแจ้งซึ่งพระสัทธรรม มีความเลื่อมใสอันเลื่อนลอย...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น