วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ลำพองใจ : กลอนเจ็ด



ลำพองใจ : กลอนเจ็ด

    น้ำนอง ท้องนา หลังฟ้ารั่ว...................มืดมัว เมฆา สุดตาเห็น
แสงสูรย์ สลัว ทั่วป่าเป็น............................เยือกเย็น ชื้นอยู่ ชูชื่นใจ

    หลังจาก หนักหนา ปัญหาแล้ง................ทุกหน ทุกแห่ง ค่อยแจ้งไข
มรสุม รุมเร้า บ่อยเข้าไป.............................ทำให้ น้ำท่วม น่วมธานี

    เพื่อความ จำเริญ ทางวัตถุ......................กลับลุ แก่กรรม ทำบัดสี
ทำลาย ธรรมชาติ พินาศมี...........................ย่ำยี อุดม เสียสมดุล

    มิต่าง ห่างไกล (การ)ใช้ชีวิต....................ยึดติด อัตตา ตัณหาหนุน
หลงใหล ในรส นทกามคุณ..........................หมกมุ่น มนา อัชฌาใน(นท=แม่น้ำ)

    บกพร่อง คลองธรรม ความสำนึก...............ตรองตรึก แต่อยาก ตรำผลักไส
ก่อกรรม ทำเข็ญ เป็นสุขใจ...........................อย่างไม่ เกรงกลัว ชั่วบาปเวร

    ตราบที่ ผลกรรม (ยัง)มิตามสนอง..............ลำพอง อุรา มานะเล่น
โทษยัง ไม่ได้(รับ) กลับใจเย็น.......................ว่างเว้น ประจักษ์ ตระหนักใจ

    แต่เมื่อ ปัญหา เริ่มปรากฎ.........................มาบด มาบัง มล้างให้(มล้าง=ผลาญ)
สิ้นสุข ทุกข์ทรวง ถ่วงฤทัย............................จะชอก ช้ำใจ เจียนวายวาร

    ชีวิต ผิดพลาด พินาศผุด...........................เหมือนไม่ สิ้นสุด ไม่หยุดผลาญ
ทุกข์แล้ว ทุกข์เล่า เข้าโรมราญ......................ทรมาน ทารุณ อาดุรเอย ฯ

๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น