พุทธศาสนาจะอยู่ที่ไหน? : กลอนคติเตือนใจ
๏ พระกระเทย นำพระวัด จัดดอกไม้.....................ดูคลับคล้าย งานแต่ง สำแดงผล
ซุ้มประตู ดอกกุหลาบ ประดับยล.......................ดอกไม้ดื่น อื่นท้น วน(รอบ)เวที
๏ พื้นพิลาส พาดพรม ผสมผสาน(ลวดลาย)..........อลังการ เก้าอี้หลุยส์ ฉุยฉายสี
ผ้าแพรมัด จัดโยง บรรจงดี...............................เสมือนมี งานวิวา หะมงคล
๏ เต้นท์(น้ำ)ปานะ ขนาบ (เต้นท์)รับบริจาค............เต้นท์หลายหลาก ตั้งชิด ปิดถนน(ในวัด)
พระ-เณรหลาม คล่ำคลา(คลาคล่ำ) ประชาชน.....ชวนฉงน สนเท่ห์ เหตุใด?
(เหตุ อ่าน เห-ตุ มุขขำๆที่เด็กชอบพูดเล่น)
๏ (เดินดู)จึงเห็นป้าย ประกาศ งาน(ฉลอง)พัดยศ.........(รู้สึก)อัปยศ อดสู พระผู้ใหญ่
แนวประพฤติ ปฏิบัติ ถนัดใจ...................................เผยหลงใหล โลกีย์ อวิชา(อวิชชา)
๏ ลาภ-ยศ-สรร เสริญ-สุข คือทุกสิ่ง............................มัดใจยิ่ง มิ่งมาด ปรารถนา
เปรียญธรรม มิทำให้ ได้(สติ)ปัญญา........................รักวิถี ชีวา (สุขสบายแบบ)คหบดี
๏ (ใช้)ของแพงโปรด รถหรู กุฏิใหญ่ฯลฯ.....................ล้วนทำให้ ไกลห่าง กลางวิถี(ทางสายกลาง)
(การ)ปฏิบัติตาม ธรรมวินัย ไร้ฤดี(ไม่มีใจ).................ทำทุกอย่าง อ้างประเพณี วิถีไทย(ไม่ใช่ธรรมวินัย)
๏ พระทำ(ตัว)ราว ชาวบ้าน รกตัณหา..........................แล้วพุทธ(ะ) ศาสนา จะอยู่(ที่)ไหน?
วัดตั้งหน้า(ตั้งตา) หาเงิน เพลิดเพลินใจ...................เป็นธุรกิจ ผิดวิสัย(พุทธ)....(จึง)ไม่ศรัทธา
๏ พระไตรปิฎก ยกยอ พิเคราะห์อ่าน..........................ประดิษฐาน วิสุทธิ์ พุทธศาสนา
ณ กลางดวง หฤทัย ให้วัฒนา..................................ด้วยปฏิบัติ บูชา สาธุเอยฯ
๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
ชันตุสูตรที่ ๕ [๒๙๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้- สมัยหนึ่ง ภิกษุเป็นจำนวนมากอยู่ในกุฎีอันตั้งอยู่ในป่าข้างเขาหิมวันต์ แคว้นโกศล เป็นผู้ฟุ้งซ่าน เย่อหยิ่ง โอนเอน ปากกล้า วาจาสามหาว มีสติ ฟั่นเฟือน ขาดสัมปชัญญะ ไม่มั่นคง มีจิตคิดนอกทาง ประพฤติเยี่ยงคฤหัสถ์ ฯ [๒๙๔] วันหนึ่งเป็นวันอุโบสก ๑๕ ค่ำ ชันตุเทพบุตรเข้าไปหาพวกภิกษุ เหล่านั้นถึงที่อยู่ ครั้นแล้วจึงได้กล่าวกะภิกษุเหล่านั้นด้วยคาถาทั้งหลายว่า ครั้งก่อน พวกภิกษุผู้เป็นสาวกพระโคดม เป็นอยู่ง่าย (เลี้ยง ง่าย) ไม่เป็นผู้มักได้แสวงหาบิณฑบาต ไม่มักได้ที่นอน ที่นั่ง ฯ ท่านรู้ว่าสิ่งทั้งปวงในโลกเป็นของไม่เที่ยง กระทำที่สุดแห่ง ทุกข์ได้ ฯ ส่วนท่านเหล่านี้ ทำตนให้เป็นคนเลี้ยงยากเหมือนชาวบ้านที่ โกงเขากิน กินๆ แล้วก็นอน เที่ยวประจบไปในเรือนของ คนอื่น ฯ ข้าพเจ้าขอทำอัญชลีต่อท่าน ขอพูดกะท่านบางพวกในที่นี้ว่า พวกท่านถูกเขาทอดทิ้ง หมดที่พึ่ง เป็นเหมือนเปรต ฯ ที่ข้าพเจ้ากล่าวนี้หมายเอาบุคคลจำพวกที่ประมาทอยู่ ส่วน ท่านพวกใดไม่ประมาทอยู่ ข้าพเจ้าขอนมัสการท่านพวกนั้น ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น