วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

อุเบกขภาวะ : กลอนเปล่า



อุเบกขภาวะ : กลอนเปล่า

    ยามทุกข์ใจ ก็ไม่สงบ
ยามสุขไซร้ ก็ไร้ความสงัด
อารมณ์ลุกฮือกระพือพัด
หัวใจไหวหวัดสาดส่ายคลอน
บั่นทอนสันตินิรมล

    ใจนิ่งครัน เกิดสันติ
ไม่มีปฏิกิริยากระเพื่อม
อารมณ์ไม่เลื่อนขึ้น-ลง
อุเบกขภาวะ อานิสงส์
เสริมส่งเราก้าวไป
ในห้วงแห่งวิเวกา

    ความว่างเปล่าของวิญญาณ(วิญญาณ=ความรับรู้)
อุดมพลังต้านทานตัณหา
ตัดกิเลสแลเวทนา
ปราศจากมายาคติปริยาย

    การจะรู้แจ้งเห็นความจริง
เข้าถึงสิ่งที่ถูกต้องทั้งหลาย
หากสามารถร้างราอารมณ์วิกรมกราย
สิประสบผลสำเร็จง่าย
เบ็ดเสร็จสู่จุดหมายได้ดั่งใจปอง

    หลงเชื่อความรู้สึกส่วนตน
เป็นวังวนนำชนทั้งผอง
คลาดคลาวิถีทางที่ถูกต้อง
จิตสำนึกบกพร่อง
ขัดข้อง-บิดเบือน
เคลื่อนไคลไปจากความจริง

    มากมีผู้ไม่ปฏิบัติขัดเกลากมล
มัวสาละวนค้นคิดถ้อยคำล้ำเลอยิ่ง
ประดิษฐ์สิทธธรรม์ครรลอง(สิทธ-=ผู้สำเร็จ)
ทั้งๆที่มิเคยแตะต้องถ่องแจ้งเห็นจริง
ไม่พัฒนา แต่กล้าจะยกตน
หลุดพ้นปุถุชนคนธรรมดา

    ตั้งตนเป็นเจ้าสำนัก
ประกาศหลักโลกุตตระ
สมัครสานุศิษย์พินิจหา
ลาภ-สักการะ-โลกยสุข(โลกยะ=ของโลก)
สนุกหลงใหลว่า มากบารมี

    เหล่าลูกศิษย์เขลาโง่
อวดโอ้ว่าข้าได้อาจารย์ดี
เป็นอริยบุคคล หลุดพ้นสามัญวิถี
ยอดเนื้อนาบุญ หมกมุ่นฤดี
ทั้งๆที่มิเคยเข้าใจว่า
ที่เขาทำ ที่เขาสอน
ถูก/ผิด อย่างไร

    ทุ่มเททรัพยามากมาย
รับใช้นักแสดงมารยาไปวันๆ
เพ้อฝันถึงพิมานอันเลิศลอย
คงไว้ซึ่งพฤติกรรมด่างพร้อย 
ร้อยล้นมลทินจินดาฯ

๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น