วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557

ฝันกลางวัน : กลอนเจ็ด



ฝันกลางวัน : กลอนเจ็ด

    ร้องเพลง รัก(เสียง)ดัง ตั้งแต่เช้า............เพลงแล้ว เพลงเล่า เฝ้าขับขาน
บ่สน คนส่ำ คิดรำคาญ..............................ชื่นบาน มานเบิก เหมือนฤกษ์ดี

    ดูละ ครรัก มิพัก ลุ้น..............................พระ-นาง ชุลมุน สุนทรศรี
ดั่งตัว เองต้อง ข้องกรณี............................เป็นชี วีตน วนเวียนไตร(ไตร=ไกร)

    เพลงจร ละครจบ พบสัจจะ.....................ชีวะ(ตน) หามี ที่เคียงใกล้
ขาดคู่ สู่รัก พิทักษ์ใจ................................วันวาร ผ่านไว เดียวดายเวร(กรรม)

    หน้าตา อย่าจ้อง มิต้องจิต......................ชีวิต อิดหนา ระอาเห็น
ฐานะ อนาถ ขาดแคลน;เป็น........................อยู่คู่ ความเข็ญ มิเว้นคืน

    บรรเลง เพลงเจือ เพื่อปลอบจิต...............ละคร ชีวิต ติดใจชื่น
เป็นสิ่ง ประโลม ใจกลมกลืน.......................ถึงไม่ ยั่งยืน มื่นนิรันดร์

    ลางคน ยลด้วย (เพลง,ละคร)ช่วยอยู่ได้.....ต่อสู่ ต่อไป ไม่โศกศัลย์
แม้เพียง เมียงพราง ฝันกลางวัน.................(ก็)ดีกว่า ไร้ฝัน ลานฤดี

    (เพลง-ละคร)คือสิ่ง บันเทิง เริงหทัย..........ช่วยให้ คลายผ่อน ทอนเศร้าศรี
ลืมเลือน ปัญหา ประดามี.............................ชีวี พีพรั่ง พลังใจ

    เมื่อรัก มักฝัน มิหยันดอก.........................(แค่)อย่าหลอก ตัวตน จนหลงใหล
ลืมความ เป็นจริง สิ่งจังไร............................(ยัง)เคียงกาย ไขก้อง ต้องประจญ

    ฝันเพลิน เกินไป ไร้ประโยชน์...................(ยัง)ก่อโทษ แก่ตัว มัวเมาหน
ทอดทิ้ง จริงเกณฑ์ เยี่ยงเล่นกล....................หลอกตน (แค่)คนเดียว คดเคี้ยวเอย ฯ


๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น