วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ศรัทธาชีวิต : กลอนเปล่า



ศรัทธาชีวิต : กลอนเปล่า

ฝนฟ้า...เริ่มจะมาตกหนักเอา
ณ ตอนรุ่งเช้าของวันเข้าพรรษา
โดยไม่ปรารมภ์ ต่อเสียงโอ้โลมของสกุณา
สุริยาหายหน้าเห็น เร้นไร้ไม่สาทร(สาทร=เอื้อเฟื้อ)

ปโยชนม์ล้นฟ้า...จรดขอบฟ้า
สุดสายตา...ปรากฏเป็นเมฆาสีเทา ดูเศร้าซ่อน
หยาดฝนหล่นริน จนกลบสิ้นดินดอน
เป็นประหนึ่งธาราสาคร สรสาคเรศ(สาคเรศ=แม่น้ำ)

๏ เมื่อสายฝนหนักเข้า
สกุณาเล่า ต่างพากันสงบเสียง
เหลือเพียงเรียงพิรุณ สุนทรียเดช
ขับกล่อมบรรเลง บทเพลงแห่งปรเมษฐ์(ปรเมษฐ์=พระพรหม)
ที่สร้างและหล่อเลี้ยงชีวี ในโลกีย์นิเวศน์
ทั้งมวล...

ไพบูลย์พิสุทธิ์อุตส่าห์
แม้ล่วงสู่เพลาสาย มิหายหวน
ฝนยังคงร่ำ ฟ้ายังคงคร่ำครวญ
ลมยังคงผวน รัญจวนพิรี้พิไร

โดยไม่ใส่ใจ ในอุปสรรค
กรรมาชนคงอดทนทำงานหนักกันขวักไขว่
เพื่อเลี้ยงชีพของตน ด้วยผลต่างของการย์ไกร
เหน็ดเหนื่อยลำบากยากแค่ไหน ยังสู้ทน

หากไร้ซึ่งศรัทธา ต่อชีวานฤมิต(นฤมิต=สร้าง,ทำ)
คงไร้คนผู้สู้อุทิศจิตใจ ในท่ามกลางความขัดสน
อันไร้เมตตาของโลกาสัจสากล
เพื่อสรรสร้างผลิตผล ให้ผู้คนบนโลกได้ใช้-กิน

  ผองชีวี จงมีศรัทธาเถิด
เมื่อเราได้เกิด ย่อมประเสริฐเสมอกันไปไม่รู้สิ้น
ไม่มีใครสูงค่าเคียงฟ้า ไม่มีใครต่ำค่าเพียงดิน
ก็เมื่อทั้งดิน ฟ้าและชีวิน
ล้วนเป็นส่วนประกอบหนึ่ง 
ของธรรมชาติเดียวกัน ฯ


๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น