![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEigNew9_LjnTnPars4p8CtcXjRONeF1U49ukVGklKFt3SsV7OEwCOei1K6iz8RMvQKXan-bfZM_q9T8jr0L99x0pzV5bU_INzgctHeneOjggbvFs9rlOLIwf8uXbcXs8B3TDKwnK0FsAFw/s280/398381_254383474635562_100001917347566_619252_1812213593_n.jpg)
กาม : กลอนธรรมะ
๏ แสงทอง ไม่ส่องมา.................แสงสีฟ้า
เพิ่งปรากฏ
ราตรี
คลี่คล้อยบท-........................(ทะ)จรลา ทิวาเยือน
๏ พิจา
รณาธรรม........................อันลุ่มล้ำ อำมฤตเหมือน
สัจจา
ชีวาเตือน.............................ตระหนักจิต ชีวิตจล
๏ กามหรือ คือความใคร่...............พึงพอใจ
ในอกุศล
๑.กิเลสกาม
ตามกมล.....................๒.วัตถุกาม ตามติดใจ
๏ กามเป็น
เช่นเครื่องกั้น..............มิให้บรร ลุไสว
ฉุดรั้ง
ภวังค์ไร้...............................กุศลสิ้น จากจินดา
๏ กามปิด
ใจมิดเห็น....................สัจจะเป็น เช่นปริศนา
หลงใหล
ในมายา..........................กามภพ ตลบตะแลง
๏ ฤทธิ์ลาม กามตัณหา................รึ้งมนา
บาปแสวง
ก่อเวร
เค้นสำแดง..........................สำคัญหมาย ใคร่เสพมี
๏ กระทำ
บาปกรรมชั่ว..................เห็นแก่ตัว มั่วบัดสี
เล่อเลิน
เมินความดี.........................ขาดสติ สัมปชัญญา
๏ กามแท้
แค่หลอกลวง................เป็นดั่งห้วง อนิจจา
เกิด-วาย
คล้ายตัณหา......................และความฝัน เท่านั้นเอย ฯ
๑๖ มกราคม ๒๕๕๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น