ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560

ความเป็นหนุ่มเป็นสาว : กาพย์สุรางคนางค์๓๒



ความเป็นหนุ่มเป็นสาว : กาพย์สุรางคนางค์๓๒

    ร่วงหลุด บุษบา......................หลังพา ยุฝน
วสุ ธาดล.................................กล่นเกลื่อน เหมือนสักขี(วสุธาดล=แผ่นดิน)
ถึงความ ไม่เที่ยง.......................เยี่ยงนรา กายี
อ่าโอ่ โสภี...............................มิยั้ง ยืนนาน

    ธรรมชาติ ปัจจัย.....................ให้คน หนุ่ม-สาว
งามงด หมดจดราว.....................บุปผา พิษฐาน
เพื่อชัก จูงจิต............................ใคร่คิด สะกิดมาน
สร้างลูก สร้างหลาน....................สัมพันธ์ สืบพงศ์

    ความเป็น หนุ่ม-สาว.................(จึง)ชั่วคราว ชั่วขณะ
วิถี ชีวะ....................................เมื่อธุระ สมประสงค์
ธรรมชาติ ก็ให้...........................รูปไซร้ เสื่อมลง
มิอยู่ ยืนยง................................คงชรา->มลายไป

    รู้ถึง ธรรมชาติ..........................มาตรการ ชีวิต
อย่าได้ ยึดติด.............................พิศวง หลงใหล
ประพฤติ ยึดธรรม........................กุศลกรรม ประจำใจ
โลกีย์ มิเลื่อมใส..........................ให้รู้ เท่าทัน

    หลักโล กุตระ...........................ธรรมะ ช่วยให้
เข้าอก เข้าใจ..............................จนไม่ ยึดมั่น
ตัวเรา ของเรา.............................ว่างเปล่า เบาพลัน
หลุดพ้น กลกรรม์.........................ชีวัน-รูป-วัยฯ

๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐

วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2560

วางแผนชีวิต : กลอนคติชีวิต



วางแผนชีวิต : กลอนคติชีวิต

    ลมหนาว (ใน)หน้าร้อน.................พยากรณ์(อากาศ) ไม่เคย กล่าวไว้
พัด(แรง)จน ต้นไม้.........................กิ่งใบ โยกโยน โดนเขย่า
อากาศ วิกล..................................ยังผล(ให้) ตื่นนอน ตอนเช้า
(ต้อง)ปลุกแรง ใจเร้า......................ก่อนเอา ผ้าห่ม ออกไป

    มองไกล ข้างหน้า........................ประมาณว่า ห้าถึง สิบปี (5-10 ปี)
เป้าหมาย ชีวี................................จะมี จะเป็น เช่นไฉน?
ตรึกตรอง มองเฟ้น........................กิจกรรม บำเพ็ญ เช่นไร?
จึงจะ เป็น-ได้...............................ดังใฝ่ ดังฝัน พรรณนา

    (ถ้ายัง)ไม่เคย ก็(ควร)คิด...............วางแผน ชีวิต พิษฐาน
มีพัฒ นาการ.................................บันดาล บริบูรณ์ คุณค่า
แต่ต้อง อ่างอิง...............................ความจริง สิ่งสัจ อัชฌา
ไม่เกิน ปัญญา...............................ปรีชา ศักยภาพ ของตน

    ฝันก็ คือฝัน.................................จะไม่ มีวัน เป็นจริง
(หาก)เอาแต่ แน่นิ่ง.........................ทอดทิ้ง ทางสู้ และกุศล
ทำตัว เหลวไหล.............................จะไม่ สำเร็จ ดังเจตจล
เกียจคร้าน ไม่อดทน.......................ไม่ทำ ให้คน ก้าวไกล

    คุณธรรม ความดี...........................เลือกเป็น วิถี ปฏิบัติ
เกื้อหนุน กูลสวัสดิ์...........................ชีวาตม์ ชัชวาล ศานติ์ใส
เพื่อตน ก้าวหน้า.............................จงอย่า เบียดเบียน ใครๆ
บาปกรรม มิทำให้...........................ผู้ใด สุขสม รมณีย์ฯ

๓๐ มีนาคม ๒๕๖๐

วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560

ปัญหาคนรุ่นใหม่ : กาพย์ยานี๑๑



ปัญหาคนรุ่นใหม่ : กาพย์ยานี๑๑

    ข่าวฝรั่ง ยังญี่ปุ่น......................เด็กวัยรุ่น หมกมุ่นเห็น
มัวเมา เอาแต่เล่น.......................มิใช่เป็น แค่คนไทย

    ฉายแสง แห่งหายนะ.................สภาวะ คนรุ่นใหม่
ความดี มิใส่ใจ...........................ทำจัญไร ได้ทุกวัน

    ขาดความ รับผิดชอบ.................ความรอบคอบ เกียจเดียดฉันท์
มักง่าย ใช้ชีวัน...........................ขาดขันติ มิอดทน

    ไม่เพียร พากเขียนอ่าน...............ทำการงาน ค่อนขัดสน
แส่หา แห่สัปดน..........................จนปัญญา จะห้ามปราม

    มารยา ค่านิยม..........................มุ่งโสมม มิเกรงขาม
นับวัน จะลามปาม........................บังเกิดความ ทุกขเวทนา

    ธรรมชาติ ของชีวัน.....................ต้องประจัญ ปวงปัญหา
เกิด->ใหญ่->วัยชรา....................จวบมรณา มาเยี่ยมเยือน

    (หาก)คิดแค่ เอาแต่เล่น...............ประพฤติเช่น เด็กดูเหมือน
วุฒิภา วะรางเลือน........................จิตเลื่อนไหล ในมายา

    จะประสบ พบลำบาก...................เหน็ดเหนื่อยยาก เป็นนักหนา
วิถี ของชีวา.................................คงมุ่งหน้า สู่อบายฯ

๒๙ มีนาคม ๒๕๖๐

วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560

ความฝัน-ความสำเร็จของชีวิต : กลอนเปล่า



ความฝัน-ความสำเร็จของชีวิต : กลอนเปล่า

    เมื่อถือกำเนิดบนโลกา
ที่เต็มไปด้วยปัญหาและอุปสรรค
เราควรรักเล่น เช่นไร้ปัญหา?
หรือควรจะรู้จักคิด พิจารณา?
แสวงหาปัญญา ความรู้ และความเข้าใจ(ในโลกและชีวิต)

    วัยเรียนหากเอาแต่เล่น
วัยทำงานเช่น มิเอาใจใส่
ความสำเร็จของชีวาจะปรากฏ ณ จุดใด?
ชีวิตจะหวังความสมปรารถนาคงหาไม่
เพราะดำเนินไปอย่างไร้สาระ

    ความสำเร็จสมประสงค์
รอคอยผู้มีจิตใจมั่นคงทรงจรรยา
เข้าใจโลก ธรรมชาติ ชีวิต อย่างไม่มิจฉา
พร้อมที่จะพัฒนาและปรับปรุง(ตัวเอง)

    ทุกคนต่างล้วนมีความฝัน
ทุกชีวันมั่นหมายเอาไว้สูง
แต่การวิริยะ อุตสาหะกระทำกรรมอย่างดี
เท่านั้นที่ชักจูง
และผดุงไว้ซึ่งความเป็นคนมีวาสนา

    ผู้ที่มีฤดีเหลวไหล
คนชั่วช้าสาไถยไร้ปัญญา
คงทำได้แค่ใฝ่ฝัน และรังสรรค์วาทะ
ที่ค่อนข้างแน่นอนว่า
รอจนชาติหน้าก็ไม่มีวันเป็นจริง

    เมื่อความตายเป็นปลายทางของทุกชีวิต
ที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากคิด
และเอาใจใส่
ว่าเป็นนัยยะแห่งจุดสิ้นสุดของสรรพสิ่ง

    เพราะโลกหลังความตาย
เป็นโลกที่คนมากมาย ไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง
จึงดำเนินชีวาหาความสำราญและทอดทิ้ง
เส้นทางสู่ความฝัน ความสำเร็จ
ที่เป็นมิ่งขวัญของชีวิตในโลกหน้าฯ

๒๘ มีนาคม ๒๕๖๐

วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560

รักวัยเรียน : กลอนสอนลูกสาว(กลอนแปด)



รักวัยเรียน : กลอนสอนลูกสาว(กลอนแปด)

    โอ้เจ้ายอด เยาวมาลย์ ขวัญใจพ่อ................ปีนี้ก็ ล่วงก้าว เป็นสาวสวย
วัยดรุณ สุนทรีย์ ฤดีรวย................................เต็มเปี่ยมด้วย อำนาจ สัญชาตญาณ

    คือแรงหลัก ผลักดัน ผันชีวิต.......................ให้ครุ่นคิด มิตรใคร่ ใจผสาน
โลกผจญ คนเดียว เปลี่ยวเปล่ามาน................จึงต้องการ คนรัก ภักดิ์เคลียคลอ

    (แต่)อย่าลืมตรอง สัจจา จากสารทิศ.............ถึงธรรมชาติ ชีวิต ใกล้ชิดหนอ
ไม่มีใคร อยากเฝ้า พะเน้าพะนอ......................ตามประจบ สอพลอ(เรา) ตลอดเวลา

    แรกอยากจะ ชนะใจ ตามใจ(เรา)หมด............ทั้งโป้ปด ปิดบัง พรางปัญหา
มิให้เรา ล่วงรู้ เล่ห์มารยา...............................สร้างภาพลักษณ์ หลอกตา ว่าเลิศเลอ

    คนหาใช่ สัตว์ที่ มีรักเดียว............................มักใจคด ลดเลี้ยว เชี่ยวเสมอ
คนที่มี ศีลธรรม ลำบากเจอ.............................แม้แต่พระ ถ้าเผลอ ทำเลอะเลือน

    คนต้องกิน ต้องใช้ ใคร่ทรัพยา.......................ต้องเชี่ยวชาญ ปรีชา เหนือกว่าเพื่อน
จึงอยู่รอด ปลอดภัย ไม่กระเทือน......................ในโลกา ป่าเถื่อน เกลื่อนธานี

    เจ้าจงเร่ง ศึกษา หาความรู้............................วัยเล่าเรียน เพียรสู้ อุตส่าห์ศรี
รู้แยกแยะ ผิด-ชอบ กรอบชั่ว-ดี........................จึงจะมี ความพร้อม ป้องเภทภัย

    (ความ)รักเป็นเรื่อง ของบุญ และวาสนา...........ที่ทำมา อดีตชาติ ประสาธน์ไว้(ประสาธน์=ทำให้สำเร็จ)
ปรากฏเช่น เวรกรรม ตามติดไป........................ทุกชีวา สนองให้ ชดใช้กรรม

    มิต้องกลัว ว่าจะไร้ ใครมารัก..........................คนร่วมบุญ คุณจัก ฝักอุปถัมภ์
เจ้าจงกลัว มัวเมา เขลากระทำ..........................ตกระกำ ลำบาก ทุกข์ยากเทอญฯ

๒๗ มีนาคม ๒๕๖๐

วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2560

โลกายังจะอาศัยได้ฤา? : กลอนปัญหาขยะล้นโลก(กลอนเจ็ด)



โลกายังจะอาศัยได้ฤา? : กลอนปัญหาขยะล้นโลก(กลอนเจ็ด)

    แสงแดด แผดจ้า ฟ้าจรัส..................เมฆา สะพัด อุบัติเห็น
เกาะกลุ่ม ก้อนใหญ่ อำไพเพ็ญ..............เกิดเป็น ปิดกั้น สุริยน(เพ็ญ=เต็ม)

    อากาศ เริ่มร้อน ย้อนระอุ...................สัญญาณ ประทุ พายุฝน
รื้อหลัง คาบ้าน เรือนชานชน.................พัดจน ต้นไม้ ล้มวายปราณ

    โลกมี วิถี ปฏิบัติ..............................ฝึกหัด เรียนรู้ สู่แก่นสาร
อย่ามัว แต่เมา เขลาสำราญ..................จะพาน พบเภท เทวษภัย

    ผลกรรม ทำร้าย สิ่งแวดล้อม..............จะอ้อม ห้อมหา ย้อนมาให้
ความเห็น แก่ตน คือกลไก....................ทำให้ ลำบาก ท้นยากเย็น

    กินทิ้ง ใช้ขว้าง สร้างขยะ...................จนเกิด มลภาวะ มาให้เห็น
ดิน-น้ำ-อากาศ อุบาทว์เป็น....................ยากแค้น แสนเข็ญ เริ่มร้ายแรง

    คนโลภ ขบคุด ทุจริต........................ค้นคิด มิจฉาทำ กำแหง
รุกราน (จน)โลกเพี้ยน และเปลี่ยนแปลง...ทำลาย แหล่งหล้า ที่หากิน

    คิดแค่ ประโยชน์ เฉพาะหน้า...............เข่นคร่า อนาคต จนหมดสิ้น
แค่กู สุขี สืบชีวิน.................................แผ่นดิน พินาศ มุ่งมาดพา

    ลดกิน ลดใช้ ขอได้โปรด....................เพื่อประโยชน์ ลูกหลาน วันข้างหน้า
หรือแค่ แก่เฒ่า เราชรา.........................โลกา จะ(ยัง)อาศัย ได้ฤา?

๒๖ มีนาคม ๒๕๖๐

วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2560

ลดความเห็นแก่ตัว : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



ลดความเห็นแก่ตัว : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    .....................................หอมกลิ่น เกสร
นุ่มนวล อวลอ่อน..................ตื่นนอน อุษา(อุษา=รุ่งเช้า)
สุนทรี วิหค.........................ยกพล สนทนา
พร้อมเพรียง โสภา...............ประสาน ดนตรี

    .....................................ยืดเส้น ยืดสาย
กระตุ้น ร่างกาย....................ให้ขมัน ขมี
เตรียมพร้อม ทำงาน..............ประสบการณ์ ชีวี
ใหม่ๆ มากมี........................ทวี เข้ามา

    ......................................ให้ครุ่น ให้คิด
สัจจะ ชีวิต...........................อุกฤษฏ์ แสวงหา(อุกฤษฏ์=สูงสุด)
ทำความ เข้าใจ.....................ใส่ใจ พิจารณา
จึงได้ วิชชา..........................ปัญญา อากร(อากร=บ่อเกิด)

    .......................................พิจิตร อิฏฐผล(อิฏฐผล=ผลที่น่าปรารถนา)
แคลนขาด ขัดสน...................บนโลก สะท้อน
สัตว์จึง แก่งแย่ง.....................แข่งขัน ราญรอน
หวงทรัพ (พะ)ยากร................ไว้กับ ตัวเอง

    ........................................ยิ่งเห็น แก่ตัว
ยิ่งเขลา เมามัว.......................ชั่วโหม ข่มเหง
เบียดเบียน เพียรทัณฑ์.............ฆ่าฟัน กันเอง
บาปธรรม์ บรรเลง....................เร่งโลก โศกตรม

    .........................................ลดเห็น แก่ตัว
หยุดทำ ความชั่ว......................เมามัว สะสม
ก่อนสาย โลกสิ้น......................ชีวิน เสื่อมซม
ทุกขา ระทม............................ถมท่วม ปัถพินฯ

๒๕ มีนาคม ๒๕๖๐

วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2560

ไดโนเสาร์เต่าล้านปี : กลอนคติสอนใจ



ไดโนเสาร์เต่าล้านปี : กลอนคติสอนใจ

    หลังสมัย ไดโนเสาร์ โลกเรานี้.................สัตว์ไพรเมต(Primate) เริ่มมี วิวัฒนาการ
เป็นสารพัด สัตว์-คน บนพื้นฐาน.................เปลี่ยนรูปร่าง สังขาร ตามกาลเวลา

    แต่ความคิด จิตใจ แทบไม่เปลี่ยน.............ยังวนเวียน กระสัน แกร่งตัณหา
ใช้วิถี ชีวิต อนิจจา..................................ขาดปัญญา ความรู้ คู่ดวงแด

    เสพรูป-รส-กลิ่น-เสียง เคียงสัมผัส............หลงกำหนัด-อัตตา ตามกระแส
สัญชาตญาณ ดันผลัก มิพักแปร.................ติดนิสัย ใจแส่ เห็นแก่ตน

    ผู้ฉลาด ปราชญา ปัญญาเปิด...................เห็นศีลธรรม ล้ำเลิศ เทิดกุศล
เพียรพฤติกรรม สัมมา สาธุชน....................สำนึกความ เป็นคน พ้นสัตว์ปวง

    มุ่งประโยชน์ ประสิทธิ์ ชีวิตสร้าง...............ลด-ละ-ล้าง อกุศล หวังผลสรวง
มิเบียดเบียน ผู้ใด ให้ขื่นทรวง....................หยุดหลอกลวง ทำร้าย ไคลราคี

    ฝืนสัญชาต (ตะ)ญาณ สันดานสัตว์............หยุดกำหนัด อัตตา จรรยาศรี
สำนึกคิด ผิด-ชอบ กรอบชั่ว-ดี....................มโนธรรม งามมี มิมัวเมา

    (แต่)คนทุจริต จิตโฉด กลับคดคิด.............คำประดิษฐ์ มิจฉา (หา)ว่าไดโนเสาร์
เชิดชูสัญ ชาตญาณ สะคราญเพรา...............กิเลสเร้า ร้อนรน ยลเยี่ยมมี

    ทำตามใจ ของตน เป็นที่ตั้ง.....................แทบคลุ้มคลั่ง กำหนัด เกินบัดสี
พิสูจน์ใคร (คือ)ไดโนเสาร์ เต่าล้านปี............ด้วยวิถี ชีวิต ผิด-ถูกเทอญฯ

๒๔ มีนาคม ๒๕๖๐

วันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2560

ความรู้และความดี : กาพย์ยานี๑๑



ความรู้และความดี : กาพย์ยานี๑๑

    ค่ำมา ฟ้าใสมาก.......................เมฆาพราก เพราะลมหนาว
พร่างพราย ประกายดาว.................เด่นสกาว พราวพิมล

    สรรพสิ่ง ที่เป็นไป.....................ย่อมมิไร้ ซึ่งเหตุผล
วิถี ชีวิตคน.................................ก็อยู่บน กลไกเดียว(กัน)

    สุข-โศก โชคชะตา....................คล้องกรรมา อย่างแน่นเหนียว
ความผิด เพียงนิดเดียว..................ส่งผลเทียว (จง)เฉลียวใจ

    ทำดี ทีละน้อย..........................ทำบ่อยๆ พลอยหลั่งไหล
ท่วมท้น ล้นหลาก;ใน....................ภายภาคหน้า สนองมี
 
    ศรัทธา ต่อสัจจะ........................อุตสาหะ ประเสริฐศรี
ศีลธรรม คุณความดี.......................คือที่มา (ของ)สุขารมณ์

    ความรู้ ต้องไขว่คว้า....................มีปัญญา ถ้าเพียรบ่ม
สัมมา ค่านิยม...............................เป็นร่มไทร ไปพัฒนา

    อยากประสบ ความสำเร็จ.............ต้องตั้งเจต แสวงหา
อยากมี สุขชีวา..............................ต้องเลิกรา เหล่าอบาย(มุข)

    ความรู้ คือลู่ทาง.........................ก้าวหน้าสร้าง สล้างสยาย
อยู่เย็น เว้นวางวาย.........................ล้วนอาศัย ใฝ่รู้เอยฯ

๒๓ มีนาคม ๒๕๖๐

วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560

ต้องฟื้นผืนป่า : กาพย์สุรางคนางค์๓๒



ต้องฟื้นผืนป่า : กาพย์สุรางคนางค์๓๒

    บุษบา ส่วนใหญ่.......................บานได้ วันเดียว
ก็แห้ง ก็เหี่ยว..............................ร่วงโรย หลุดหาย
รอดอก ใหม่มี..............................แทนที่ ผลิพราย
สวยสี สยาย................................มากมาย ก่ายกอง

    บุปผา มักออก...........................ดกดอก ตามฤดู
บานแล้ว ล่วงสู่.............................ผลิตผล ดลสนอง
เพื่อแพร่ เมล็ดพันธุ์.......................พงศ์สัณฑ์ ครรลอง
ไพรปก โลกป้อง...........................อุดม สมบูรณ์

    แต่ว่า ป่าไม้...............................ก็ไม่ สามารถ
ต้านทาน การพิฆาต.......................ตัดถาง มล้างสูญ
ความโลภ ของคน.........................อกุศล พ้นพูน
เหยียบย่ำ จำรูญ...........................มูลเหตุ เภทภัย

    ปราศป่า ซับน้ำ..........................ฝนซ้ำ หน้าฝน
ก็ท่วม ก็ท้น..................................จนน้ำ เนตรไหล
หน้าร้อน ก็แล้ง.............................น้ำแห้ง เหือดไคล
ไม่มีกิน มีใช้.................................คล้ายนรก โลกันตร์

    สร้างเขื่อน เกลื่อนกลาด...............แต่ขาด ป่าไม้
บ่มี น้ำไว้.....................................ให้เก็บ กักผัน
ปีไหน น้ำมาก...............................ก็หลาก ท่วมพลัน
ระบาย ไม่ทัน................................บันดาล ทุกข์ทน

    ระบบ นิเวศน์..............................ปฏิเสธ ไม่ได้
ต้องมี ป่าไม้..................................ไพรสัณฑ์ พันธุ์สณฑ์
หยุดคิด โลภมาก............................อยากแต่ ประโยชน์ตน
โลกจะร้อน เร่ารน............................จนคน ล้มตายฯ

๒๒ มีนาคม ๒๕๖๐

วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560

อุตส่าห์ทำดี : กาพย์ฉบัง๑๖



อุตส่าห์ทำดี : กาพย์ฉบัง๑๖

    ทำดีกับใครบางคน...................เหมือนไม่มีผล
เพราะ(ทำกับ)คนนั้นขาดสัตย์ศีล์

    แต่ผลของการทำดี................ไม่ใช่ไม่มี
ด้วยเป็นวิถีธรรมดา

    ทำดีมีบุญวาสนา.................ตอบสนองคืนมา
แด่สาธุชนคนชาญ

    ทำดีกับคนกมลพาล.................อย่าได้รำคาญ
ถือเป็นเช่นทานเถิดหนอ

    คนพาลสันดานซ่านก่อ................โฉดฉลล้นออ
จดจ่อแต่เห็นแก่ตน

    ตั้งค่าตัวเองสูงล้น................เหนือดื่นอื่นชน
สนใจเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว

    แคบทรวงหวงแหนแน่นเหนียว..................ยากเสียสละเทียว
ไม่เหลียวแลใครอื่นเขา

    กับคนคิดแต่แค่จะเอา...................ส่วนตัวมัวเมา
อย่าเฝ้ารอผลตอบแทน

    (คน)ทำดีมิควรเครียดแค้น.................ป่าเถื่อนเหมือนแม้น
สิแร้นแค้นบุญกุศล

    อุตส่าห์ชำระดวงกมล.................ให้เกินกว่าคน
จนมีวิเศษกิเลสผลาญ

    เป็นคนมีค่าอัประมาณ................เผื่อแผ่สาธารณ์
สร้างสานสวรรค์พันธาฯ(พันธา=พันธะ)

๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐

วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560

ลักษณะของคน : กลอนคติชีวิต



ลักษณะของคน : กลอนคติชีวิต

    หลักสัจธรรม สำคัญ พันธ์โลกนี้.......................แมว-หมามี เขี้ยวแหลม แย้มนิสัย
(เป็น)สัตว์กินเนื้อ เหยื่อล่า หาใส่ใจ.....................จะทำให้ ใครตาย วายชีวัน

    วัว-ควายไม่ มีเขี้ยว เพราะเคี้ยวหญ้า.................บ่เข่นฆ่า ผู้ใด ให้อาสัญ
เขาคู่โง้ง คงไว้ ใช้สู้กัน.....................................และฟาดฟัน ศัตรู ผู้คุกคาม

    อาจจำแนก แจกแจง แบ่งคนได้.......................ด้วยจริต นิสัย ไขหลากหลาม
เอาลักษณะ โดดเด่น เป็นนิยาม..........................ใช้ติดตาม วิเคราะห์ เฉพาะคน

    เทียบการทำ (กับ)คำพูดจา ก็สามารถ................รู้จิตใจ ใครสะอาด/ชาติฉ้อฉล
ดูสีหน้า ท่าทาง ของบางตน...............................ก็ล่วงรู้ ทุรชน หรือคนดี

    ใครโลภมาก ลักษณา จะปรากฏ.......................บ่อาจปด บดบัง ดั่งแสงสี
ความโลภมาก จักกระจาย ผายท่าที.....................ว่าฤดี นี้โลภ ประสบรอย

    ใครราคะ จริต ปิดไม่ได้...................................ราคะคล้าย ไฟแผลง แฝงพลุ่งพร้อย
แรงตัณหา ลามก สกปรกคอย-............................ท่าทยอย ปล่อยปลด มิลดรา

    ใครโทสะ จริต จิตใจหยาบ...............................เสมือนอาบ ด้วยพิษ พาลมิจฉา
ความโหดร้าย ทารุณ หนุนมนา............................ให้เดือดดาล ปานว่า ไฟป่าเป็น

    ส่วนโมหะ จริต จิตหลงใหล..............................ด้วยอุดม งมงาย ในโลกเห็น
ขาดซี่งเหตุ และผล กระมลเจน............................ความรู้หา ละเว้น เร้นวิชชา

    คนที่มี ดีงาม ตามสดับ....................................ย่อมพบกับ ความดี มากมีค่า
ทรงคุณธรรม งามยล ล้นปัญญา...........................ผ่านหน้าตา ท่าทาง กระจ่างเอยฯ

๒๐ มีนาคม ๒๕๖๐

วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560

เจอเรื่องแย่ๆ : กลอนหก




เจอเรื่องแย่ๆ : กลอนหก

    หน้าร้อน ถ้าไม่ มีลม..........................ระบม อบอ้าว=ป่าวขาน
ระวัง พายุ ลุลาญ.................................ล้างผลาญ บ้านช่อง เรือนชน

    เปิดประตู สู่ ฤดูร้อน...........................ซับซ้อน ด้วยลม และฝน
สิ่งส่ำ ธรรมดา ประจญ...........................สร้างผล กระทบ ครบครัน

    (คนที่)พบเจอ กับเรื่อง แย่ๆ.................ไมใช่ (มี)แค่เรา เท่านั้น
คนอื่น ดื่นเป็น เช่นกัน............................(เพราะเป็น)วิถี ชีวัน ครรลอง

    (คิดเสียว่า)สัตว์บน โลกกว้าง ทั้งหมด.....มีกฎ แห่งกรรม ตามสนอง
เรื่อง(ยุ่ง)ยาก มากมาย ก่ายกอง................ตรึกตรอง (อาจเป็น)อดีตกรรม ตามเรา

    พลัดเผลอ เจอคน แย่ๆ........................ลองแล แค่คน ล้นเขลา
ละเว้น เร้นชั่ว มัวเมา..............................เป็นธรรม์ บรรเทา โศกา

    ประคอง จิตใจ ให้สงบ.........................สยบ ประสบพันธ์ ปัญหา
ปัญหา แก้ด้วย ปัญญา............................มิใช่ วุ่นว้า อาวรณ์

    เรื่องแย่ แค่ไหน ให้สุจริต......................ครุ่นคิด ทางออก ยอกย้อน
ใจหนัก แน่น=แก่น อากร.........................ราญรอน เทวษ เภทพล

    เรียนรู้ ไม่อยู่ อย่างประมาท....................ธรรมชาติ มีเหตุ มีผล
มักไม่ เหมือนใจ ของคน..........................ที่ท้น โลภ-อยาก มากมาย

    ไม่แย่ แค่เพียร เปลี่ยนปรับ.....................ยอมรับ กับความ เสียหาย(ถ้ามี)
อดทน จนกว่า จะกราย.............................ดั่งสาย ลมพัด ปัถพินฯ

๑๙ มีนาคม ๒๕๖๐

วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560

ความดี-คนดี เพิ่มทวีได้ยาก : โคลงสี่สุภาพ



ความดี-คนดี เพิ่มทวีได้ยาก : โคลงสี่สุภาพ


๑. มีแต่คนบ่นร้อน.............................ลำเค็ญ
โลกนับวันเปลี่ยนเป็น......................นรกใกล้
ลำคลองระแหงเห็น.........................หินกรวด
งวดลงจนจะไร้...............................แหล่งน้ำใช้สอยฯ

๒. ยังมีคนคอยเฝ้า.............................เผาพนา
บุกรุกตัดคณนา..............................(ป่า)ต้นน้ำ
คนหรือมีปัญญา.............................เยี่ยงอวด?
ยิ่งยวดเลวทรามไซร้.......................ส่วนน้อยสำนึกฯ

๓. คนส่วนใหญ่ต่างล้วน.......................(ได้)รับการ
พ่อแม่ครูอาจารย์............................สอนรู้
อย่าก่อกรรมสามานย์.......................ชั่วบาป
สดับหมั้นเพียรสู้.............................สืบสร้างความดีฯ

. แต่ตัวอย่างที่ให้.............................พบเห็น
คนอสัตย์จัดเจน.............................คู่หล้า
สังคมโสมมเป็น.............................ปกติ
มีแต่คนแกร่งกล้า...........................ต่ำช้าสามานย์ฯ

. สันดานของสัตว์ร้าย........................เมามัว
ต่างคนเห็นแก่ตัว............................แน่นแฟ้น
แทบไม่คิดเกรงกลัว........................กรรมกฎ
ศีลธรรมรันทดแม้น.........................เรื่องไร้สาระฯ

๖. เพียงวาทะอยากได้.........................คนดี
การส่งเสริมไม่มี..............................แต่น้อย
ความเลวสรรพอัปรีย์........................ยิ่งใหญ่
พวกจัญไรไพร่พร้อย........................ปกบ้านครองเมืองฯ

. จึงเป็นเรื่องยากแค้น........................แสนเข็ญ
โอกาสที่จะเห็น...............................โลกหล้า
ความดี-คนดีเป็น..............................สิ่งวิเศษ
คนมีเจตนากล้า...............................อยากสร้างสานดีฯ

๑๘ มีนาคม ๒๕๖๐

วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560

ความดีแสนวิเศษ : กลอนหก



ความดีแสนวิเศษ : กลอนหก

    ฝนตก เมื่อคืน วานนี้......................โชคดี มิใช่ พายุฝน
สัมผัส พสุ ธาดล..............................เสียงฝน ยลเพี้ยง เสียงดนตรี(พสุธาดล=แผ่นดิน)

    สดใส ไอชื้น รื้นจิต.........................นิรมิต วิเศษ เวทศรี(เวท=ความรู้)
น้ำฝน ดลพัฒน์ ปัถพี.........................ให้มี ชีวัน ยรรยง(ยรรยง=งามสง่า)

    เฉกเช่น ความดี วิเศษ.....................คือเหตุ อนรรฆ อานิสงส์(อนรรฆ=หาค่ามิได้)
จิตอ่อน น้อมนำ จำนง........................เสริมส่ง ประเสริฐ เลิศคุณ

    บรรดา นานา ทรชน........................กมล บูชา กรรม์สถุล
ว่าเป็น วิถี วิบุล.................................เอื้อความ จำรูญ สุนทร(วิบุล=กว้างขวาง)

    จึงพบ เห็นการ ทุจริต......................สถิต สร้างความ ซับซ้อน
ให้แก่ โลกา อากร.............................บั่นทอน ศานติ ภิรมย์

    ความโลภ-ความเห็น แก่ตัว...............ความชั่ว โมหะ สะสม
(คือ)สิ่งทราม ทำให้ สังคม..................โสมม โทรมเสื่อม เอือมระอา

    (ทั้งๆที่)ไม่จำ เป็นต้อง ทุจริต............ชีวิต ก็สม ปรารถนา
ไม่ต้อง ทำบาป หยาบช้า....................ก็มี ฐานะ มั่นคง

    ลาภจาก การทำ ความชั่ว..................อย่ามัว เมาใฝ่ ใหลหลง
มิก่อ สุขสันติ์ ยรรยง...........................มีแค่ บาปคง คืนนาน

    ลาภจาก การทำ ความดี....................แม้(ยัง)มี ผลน้อย ค่อยขาน
ความดี ทวีบุญ จุนจาน........................ให้สุข เกษมศานติ์ ดาลเอยฯ

๑๗ มีนาคม ๒๕๖๐

วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2560

ผักชีโรยหน้า : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



ผักชีโรยหน้า : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    .......................................คนปรุง อาหาร
ไม่น่า รับประทาน....................ต้องการ ปกปิด
ผักชี โรยหน้า.........................นำมา บังมิด
ไม่ให้ เห็น(ความ)ผิด...............ทุจริต มารยา

    ........................................อุปมา อุปไมย
คนทำ อะไร............................มักง่าย เข้าว่า
แค่พอ ให้เสร็จ........................มดเท็จ เจตนา
เอาสิ่ง ดีกว่า...........................มา(พราง)ให้ เห็นงาม

    .........................................พบเป็น ประจักษ์
ข้าราช (ชะ)การมัก...................สักแต่ พูดพล่าม
โอ้อวด ผลงาน........................งบประมาณ ผลาญลาม
โกรธถ้า ถูกถาม.......................ถึงความ คุ้มทุน

    .........................................แลนัก การเมือง
คุยคุ้ง ฟุ้งเฟื่อง.........................เรื่องใหญ่ ใคร่หนุน
เพื่อชาติ พัฒนา........................ประชา พิบุล
แต่กลับ ทำสถุล........................หมกมุ่น โกงกิน

    ..........................................พ่อค้า แม่ขาย
กำไร มุ่งหมาย..........................มิวาย ถวิล
คิดสรร โฆษณา........................มุสา อาจิณ
เล่ห์กล มลทิน..........................สิ้นทั้ง โลกา

    ..........................................เหตุผล ก็คือ
จิตใจ ไม่ซื่อ.............................สัตย์รื้อ ถือสา
เป็นสิ่ง อุปสรรค........................ตระหนัก พัฒนา
ผักชี โรยหน้า...........................เลิกรา เถิดชนฯ

๑๖ มีนาคม ๒๕๖๐

วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560

ดอกต้อยติ่ง : กาพย์ยานี๑๑



ดอกต้อยติ่ง : กาพย์ยานี๑๑

    ต้อยติ่ง บานตอนเช้า..........................แล้วเหี่ยวเฉา ร่วงยามเย็น
แปรเปลี่ยน วนเวียน;เป็น........................ไม้ประดับ สรรพสถาน

    สีม่วง สะดุดตา..................................กลีบโสภา สวยสะคราญ
(แต่)อยู่ได้ ไม่ยืนนาน............................ก็อันตรธาน จากโลกไป

    ชีวิต ของคนเรา.................................เหมือนนานเนา จนเราไม่
คิดว่า อายุขัย.......................................สิ้นสุดไว ใจประสงค์

    หาความ สุขใส่ตัว...............................อย่างเมามัว มิพะวง
วันคืน ไม่ยืนยง.....................................ชีวิตคง ต้องดับสูญ

    พากเพียร พยายาม.............................เสริมความงาม ส่งจำรูญ
มั่งมี ทวีคูณ.........................................พูนสวัสดิ์ นิรัติศัย(นิรัติศัย=ประเสริฐยิ่ง)

    ความดี มิ(ให้ความ)สำคัญ....................กระทำกรรม์ แค่จัญไร
เห็นแต่ แก่ตัวไป...................................มิเห็นใจ ใครอื่นผอง

    ยิ่งอยู่ วัยหนุ่มสาว...............................ยิ่งสามหาว คึกคะนอง
ประมาท ชีวาตม์ครอง.............................อาจต้องตาย ก่อนวัย(อัน)ควร

    ชีวิต อนิจจา......................................จำจากลา อย่าเล่นสรวล
ก่อกิจ คิดทบทวน..................................ดีงามขวน ถี่ถ้วนเทอญฯ

๑๕ มีนาคม ๒๕๖๐

วันอังคารที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2560

ใครคือสงฆ์? : กาพย์ฉบัง๑๖



ใครคือสงฆ์? : กาพย์ฉบัง๑๖

    พระสงฆ์ในพุทธศาสนา................ตามธรรม์บัญชา
ถือว่ามี ๒ ประเภท

    หนึ่ง (คือ)พวกเพียรละกิเลส.................โลกีย์ปฏิเสธ
เห็นเหตุเภทภัยในอกุศล

    เรียกว่า อริยบุคคล..................มีอรหันต์เป็นต้น
เลิศล้นยอดเนื้อนาบุญ

    ธรรมวินัยประเทืองเนื่องหนุน..................อุดมสมดุล
เกื้อกูลคุณธรรมความดี

    โลกุตรธรรมวิถี..................ดำรงชีวี
ทรงศีลสมาธิปัญญา

    สอง พวกมากกิเลสตัณหา.................สันดานมารยา
บวชหาลาภยศสรรเสริญ

    ใฝ่ความสุขสนุกเพลิดเพลิน.................โลกธรรมดำเนิน
กล้ำเกินหลักธรรมวินัย

    พฤติกรรมต่ำช้าสาไถย................หลอกลวงใครๆ
ให้ถวาย(ความ)เคารพศรัทธา

    เห็นแต่แก่ตนล้นมนา..................จริต อวิชชา
เรียกว่า สมมุติสงฆ์

    รู้จักพิเคราะห์เจาะจง.................เผดิมเสริมส่ง
อย่าหลงใหลไปเรื่อยเลยฯ

๑๔ มีนาคม ๒๕๖๐