ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

พุทธศาสนาอวสาน : กลอนเปล่า



พุทธศาสนาอวสาน : กลอนเปล่า

    ธรรมวินัย
เปรียบได้ดั่งเมล็ดพันธุ์ข้าว
ดิน น้ำ แดด ปุ๋ยฯลฯ เล่า
เป็นเหล่าปัจจัยที่ให้การเกื้อหนุน(ให้ข้าวงอกงาม)

    การเอาเมล็ดพันธุ์(ข้าว)
แยกจากกันกับปัจจัยไม่เจือจุน
ให้เมล็ดข้าวงอกงามจำรูญ
เพิ่มพูนผลผลิตกิจกรรม

    ไม่ต่างกับธรรมวินัย ที่ไม่นำไปสู่การปฏิบัติ
ผู้เรียกตนว่าเป็นพุทธบริษัท หากมัวแต่กำหนัดกิเลสตัณหา
สิ่งปลูกสร้างพรั่งพร้อม ล้อมรอบจนล้นวัดวา
(เสื้อ)ผ้า อาหารการกินฯลฯ เงินทองทรัพย์สินอุดมสมบูรณ์

    พุทธศาสนาที่เผชิญ
ดูผิวเผินเหมือนมั่นคงอยู่ตรงหน้า
ยังมีโบสถ์ วิหาร ศาลา
เสียงสวดมนต์ ๒ เวลา(ภาษาบาลี)ที่หารู้ความหมาย
มีเณรพระประจำวัด ญาติโยมผลัดกันเข้ามากราบไหว้
ประกอบพิธีกรรมทำคุณไสย
นิมนต์ไปปลุกเสกเลขยันต์

    แม้แต่การไม่โกหก ยังขาดตกบกพร่อง
จับจ้องลาภ ยศ สักการะ และโลกียวิถี
ห่มผ้ากาสาวพัสตร์ก็ขัดเคือง
พาลอยากเปลื้องไปห่มแต่ผ้าเนื้อดีๆ
สิ่งของเครื่องใช้ในชีวี ไม่ใยดีอัฐบริขาร
กระสันสะสมเครื่องใช้ไฟฟ้า บ้าวัตถุ รถหรูฟู่ฟ่าราคาแพง

    สารพัดปริญญาบรรลุ
กูเป็นถึงด๊อกเตอร์ อวดเห่อไม่หาย
ของบประมาณเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ทำเอาหน้า หาคนมากๆมาชุลมุนให้วุ่นวาย
อ้างผลงานสำเร็จ
น่าเวทนาที่ยึดเอาปริมาณเป็นเป้าหมาย
ละลายเงินเล่นเป็นเด็กอมมือ

    เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ไม่นำไปปลูก
ไม่เคยถูกทำให้เติบใหญ่(เป็นต้นข้าว)
ไม่ปฏิบัติตามธรรมวินัย
ข้าวย่อมไร้ผลผลิต
ธรรมวินัยย่อมปราศจากชีวิต
เป็นแค่ลิขิตที่ปิดอยู่ในบรรณสาร

    เมื่อพุทธบริษัท
กำหนัดเพลิดเพลินเพียงโลกียวิสัย
ธรรมวินัยจะไม่เบ่งบาน
พุทธศาสนาย่อมเข้าสู่อวสาน
รอวันอันตรธานบรรลัยฯ

๓๐ กันยายน ๒๕๕๙

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559

สถาบันการมิจฉา(ศึกษา) : กลอนหก(กลอนปัญหาการศึกษา)






สถาบันการมิจฉา(ศึกษา) : กลอนหก(กลอนปัญหาการศึกษา)

    ..............................................สถาบัน การศึกษา
สถาบัน เสริมปัญญา.......................หรือมิจฉา ค่านิยม?

    สอบเข้าเรียน ยากแสนยาก...........ยังลำบาก (ต้องคอย)ประคบประหงม
เชื่อ(ฟัง)รุ่นพี่ ที่โง่งม......................มอมเมา-ข่ม(ขู่) เข้า(ร่วม)กิจกรรม

    ล้างสมอง ครองความคิด...............ลุ่มหลงผิด จิตถลำ
รัก(คลั่ง)สถาบัน รั้นครอบงำ..............พร้อมพฤติกรรม พาลอำพน(อำพน=ล้วน)

    การรับน้อง เรื่องบ้องตื้น.................(ทำให้น้องต้อง)ตายไม่ฟื้น ดาษดื่นผล
การซ้อมเชียร์ เพลียกระมล................บังคับคน เช่นวัวควาย

    ผู้บริหาร พาลเห็นชอบ....................ให้คำตอบ ไม่(มีอะไร)เสียหาย
(รุ่นพี่จึง)ข่มเหง(รุ่น)น้อง ตามสบาย......มีไม้ตาย หักคะแนน

    (รุ่นน้อง)ทนทำตาม คร้ามกดขี่..........ไม่อยากมี ปัญหาแหน
บ้างก็หลง ร่วมดงแดน........................(บูชา)วิเศษแสน-ยอด-ดี-งาม

    ถือทิฐิ (สถาบันกู)ดีกว่าใคร...............มิยอมให้ มาเหยียดหยาม
อำมหิต จิตเสื่อมทราม........................ฆ่าฟันตาม หลามมรณา

    พ่อแม่ผอง ต้องหวาดหวั่น.................เพราะสถาบัน การมิจฉา(ไม่ใช่การศึกษา)
ทำลายลูก เลี้ยงถูกมา.........................เป็นอาชญา มหาโจรฯ

๒๙ กันยายน ๒๕๕๙

ประมวลกฎหมายอาญา

หมวด 1 ความผิดต่อเสรีภาพ

มาตรา 309 ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือ จำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้ กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน หกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าความผิดตามวรรคแรกได้กระทำโดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำ ความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หรือได้กระทำเพื่อให้ผู้ถูกข่มขืนใจทำ ถอน ทำให้เสียหาย หรือทำลายเอกสารสิทธิอย่างใดผู้กระทำต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้ากระทำโดยอ้างอำนาจอั้งยี่หรือซ่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือซ่องโจรนั้นจะ มีอยู่หรือไม่ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปีและปรับ ตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการ ใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรก เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกัก ขัง หรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตายหรือรับอันตราย สาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 290 มาตรา 297 หรือ มาตรา 298 นั้น 

มาตรา 310ทวิ ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วย ประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำ การใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
หมายเหตุ

มาตรา 310ทวิ เพิ่มเติมโดยพรบ.แก้ไขเพิ่มเติมปอ. (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2537

มาตรา 311 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุ ให้ผู้อื่นถูกหน่วงเหนี่ยว ถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรก เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว ถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย หรือ รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 291 หรือ มาตรา 300 

มาตรา 312 ผู้ใดเพื่อจะเอาคนลงเป็นทาส หรือให้มีฐานะคล้ายทาส นำเข้าในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พามาจากที่ใด ซื้อ ขาย จำหน่าย รับ หรือหน่วงเหนี่ยวซึ่งบุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน เจ็ดปีและปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท 

มาตรา 312ทวิ ถ้าการกระทำความผิดตาม มาตรา 310ทวิ หรือ มาตรา 312 เป็นการกระทำต่อเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ผู้กระทำต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรก หรือ มาตรา 310ทวิ หรือ มาตรา 312 เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำ
(1) รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี และปรับไม่เกินสามหมื่นบาท
(2) รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบเจ็ดปีถึงยี่สิบปี
(3) ถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี


วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559

ธรรมะยามเช้า : กลอนจรรโลงใจ



ธรรมะยามเช้า : กลอนจรรโลงใจ

    ลืมตา มาตื่น....................รมย์รื่น เสนาะเสียง วิหค
ลืมฝัน อันรก.......................ยกออก จากใจ ใสสูญ
อรุณ รุ่งสาง........................สรรพางค์ ร้างรา อาดูร
นอน(หลับ)เอื้อ เกื้อกูล..........พิบูล พลัง วังชา

    สุรีย์ สีสัน........................บันดาล โลกา ฟ้าใส
สูดลม หายใจ......................ลึก-ช้า พาให้ หรรษา
สมอง ปลอดโปร่ง................จรรโลง เลิศริน จินดา
พินิจ พิจารณา.....................จริยธรรม์ จรรยา ประจง

    ครองจิต สะคราญ..............เบิกบาน รับเช้า วันใหม่
มลทิน ใดๆ..........................มิให้ ล่วงมา พาหลง
ครองใจ ใสสะอาด................ปราศจาก มารยา พะวง
สุจริตร่ำ ดำรง......................เสริมส่ง สุขะ อลงกรณ์

    จะเผชิญ ชีวี.....................วันนี้ อย่างดี ที่สุด
ครรลอง ผ่องผุด...................อุตส่าห์ ธีระ อุระสร(สร=แกล้วกล้า)
แม้มี ปัญหา.........................จะไม่ อ่อนล้า อาวรณ์
ธรรมคุณ สุนทร....................ต่อกร กับเทวษ เภทภัย

    ลดละ อารมณ์...................วิกรม ด้วยเหตุ ด้วยผล(วิกรม=เก่งกล้า)
เชิดชู กุศล..........................ชวาล ดาลดล อดิศัย
เชื่อว่า ทำดี.........................ย่อมดล ผลดี สนองได้
ต้อนรับ กับวันใหม่.................ด้วยใจ ประเสริฐ เฉิดฉันฯ

๒๘ กันยายน ๒๕๕๙

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559

อย่าทำเกินตัว : กลอนคติเตือนใจ



อย่าทำเกินตัว : กลอนคติเตือนใจ

    ลูกเล็กเพิ่ง หัดเดิน อยากเกินวัย..............ก้าววิ่งดั่ง หวังใจ ไม่ประสา
จึงหกล้ม ร้องห่มไห้ ป้ายน้ำตา...................ค่อย(เรียน)รู้ว่า ทำอะไร ให้ระวัง

    คนธรรมดา ถ้าเห็น ความเป็นอยู่...............คนอื่นดู ดีกว่า(ตน) ก็จะหวัง
(คิด)ว่าตัวเรา อยากสบาย คล้ายเขาจัง.........ดันทุรัง ดังเช่น เด่นโง่งม

    เห็นเขามี อยากมีได้ ให้มากกว่า...............ไม่เคยคิด พิจารณา สาระสม
จึงก่อเกิด ปัญหา ทุกข์ระทม.......................คุ กรุ่นทั้ง สังคม คนนมนาน

    ทำสิ่งใด เกินตัว (ย่อม)เกิดชั่วผล..............ความสามารถ ของตน กลพื้นฐาน
ประสบความ สำเร็จ เผด็จดาล.....................ไม่สร้างความ รำคาญ สูญ(เสียความ)มั่นใจ

    จงรู้จัก หลักการ ประมาณตน....................อย่าถวิล ดิ้นรน (จน)พ้นพิสัย
เท่าที่มี ความรู้ คู่แรงไกร............................ทำเท่าที่ ทำได้ ไม่เกินตัว

    แล้วชีวี สิพบ (ความ)สงบสุข....................ไร้เดือดร้อน นอนทุกข์ ลุกปวดหัว
ปราศเทวษ เภทภัย ให้หวาดกลัว..................ได้ผลดี มิชั่ว มืดมัวมน

    ค่อยๆเนา ก้าวหน้า อย่าเร่งรัด....................จึงจะปัด อัตคัด สิ้นขัดสน
ทำอะไร ใจเย็น เร้นร้อนรน............................ทางลิดรอน ทอนผล กังวลทรวง

    ลดความโลภ อบรม ข่มความอยาก..............ความลำบาก จักคลาย มลายล่วง
คนเสี่ยงกล้า บ้าบิ่น ชีวินปวง..........................มักล้มเหลว เหวห้วง ทุกข์ทรวงเอยฯ

๒๗ กันยายน ๒๕๕๙

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559

ดูลายมือดูชีวิต : กาพย์ยานี๑๑



ดูลายมือดูชีวิต : กาพย์ยานี๑๑

    ลายมือ คือแผนที่......................ของชีวี มีเหตุ-ผล
เวรกรรม์ บันดาลดล.......................ประจญโลก โชคชะตา

    ทำนาย ทายทักชี้.......................ถึงโชคดี มีวาสนา
ขัดสน-ล้นโภคา.............................มีปัญหา ประสบภัยฯลฯ

    คิดสู่ รู้จักคน..............................ลายมือยล ค้นนิสัย
ซื่อตรง ทรงจิตใจ...........................หรือสาไถย ไร้ศีลธรรมฯลฯ

    วิถี เส้นชีวิต................................ลิขิตคู่ เส้นอุปถัมภ์
บ่งว่า ตกระกำ................................ลำบากทุกข์-สุขสบายฯลฯ

    เส้นสมอง ส่องปัญญา...................เส้นวาสนา ฐานะสยาย
ร่ำรวย-ล้มละลาย.............................ต้น-บั้นปลาย ในกิจการฯลฯ

    ดี-ชั่ว เส้นหัวใจ............................เผยว่าใคร สาไถยขาน
พิสุทธิ์ ผุดผ่องมาน..........................มั่นคง-คลอน จิตอ่อนแอฯลฯ

    ลายมือ คือข้อไข..........................ชีวีไซร้ ไร้เที่ยงแท้
ทำดี (ชีวิต)ดีขึ้นแล..........................ทำชั่วแพ้ แก่กรรมเวร

    ธรรมชาติ มอบปัจจัย......................ปรากฏให้ พิสูจน์เห็น
ชีวี มีกฎเกณฑ์.................................เป็นประจักษ์ หลักฐานเอยฯ

๒๖ กันยายน ๒๕๕๙

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559

บ่อเกิดความดี : กลอนสี่



บ่อเกิดความดี : กลอนสี่

    บ่อเกิด ชีวิต.....................วิจิตร โลกนี้
คือฝน ชลธี..........................กีรติ สร้างมา(กีรติ=เกียรติ)

    แดดสาย ปลายฝน.............สุริยน เจิดจ้า
รจเรข เมฆา..........................คณนา ระคน(รจเรข=งาม)

    ชุ่มชื้น ผืนดิน....................ชีวิน ไพรสณฑ์
พัฒนา พิมล.........................จนอุดม สมบูรณ์

    เหมือนกมล คนดี................มีกุศล เป็นศูนย์(กลาง)
ศีลธรรม (จึง)จำรูญ................เพิ่มพูน พิทยา

    บ่อเกิด ความดี....................ที่งาม ล้ำค่า
(คือ)กุศล เจตนา....................มิต้องหา จากไหน

    ดวงจิต คิดดี.......................(เป็น)พีรพัฒน์ ปัจจัย(พีระ=ผู้กล้า)
งอกงาม นำให้.......................ก้าวไกร (ใน)ความดี

    ทำนุ กุศล..........................หนทาง สร้างศรี(ศรี=ความรุ่งเรือง)
ให้มาก ให้มี...........................(ให้)ชีวี พิราม(พิราม=งาม)

    ทำดี ปรีชา..........................โสภา สง่างาม
สุขล้น ผลหลาม.......................พร้อมความ ผ่อนคลาย

    อุรา เอิบอิ่ม..........................เปรมปริ่ม เพริศผาย
ชีวา สบาย...............................ง่ายดาย ดุษฎี

    ด้วยกฎ แห่งกรรม..................ดำรง วิถี
ทำดี ได้ดี................................เท่านี้ วิเศษเอยฯ

๒๕ กันยายน ๒๕๕๙

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2559

หาความสุขจึงทุกข์เข็ญ : กลอนหก



หาความสุขจึงทุกข์เข็ญ : กลอนหก

    เพียงสองมือ ถือของได้...................ยังโลภใคร่ มากมายขน
เก็บกองไว้ ในเรือนวน........................ตลอดจน ฝากธนาคาร

    เพียงมนุษย์ มีสุจริต.........................ก่อกรรมกิจ มิผิดพล่าน
ไม่ยากเข็ญ เย็นประมาณ.....................เสพสำราญ สุขสัญญี

    แต่เพราะใจ ไพร่ทุจริต......................โฉดฉลคิด จิตบัดสี
บาปหยาบช้า ก่อราคี...........................จึงทุกข์มี ถ่วงชีวัน

    เห็นอะไร อยากได้หมด......................ใจจับจด จ่อกระสัน
จะสุขี เมื่อมีมัน...................................จึงสำคัญ อวิชชา

    เมื่อคนเรา มัวเมาขลุก........................หลงความสุข จึงทุกขา
ความอยากยัง บังปัญญา.......................สร้างปัญหา เสียด(แทง)กระมล

    หยุดแสวงหา(ความสุข) จะเห็นจริง.......ใจหยุดนิ่ง ยิ่งยวดผล
หยุดถวิล หยุดดิ้นรน.............................บันดาลดล สุขสันตี

    ครอบครองตาม ความจำเป็น.................เปลื้องลำเค็ญ เป็นวิถี
ไม่ต้องอยาก มากมายมี.........................รักษชีวี นิรามัย(นิรามัย=เป็นสุขสบาย)

    ลดปัจจัย ไปเป็นทุกข์..........................ย่อมเพิ่มสุข สวัสดิ์ได้
ลดตัณหา จากหทัย...............................จะแจ่มใส ง่ายดายเอยฯ

๒๔ กันยายน ๒๕๕๙

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

อดทน-พยายาม : กลอนแปด


อดทน-พยายาม : กลอนแปด

    ในยามที่ ชีวา ชะตาขัด.................สารพัด ปัจจัย ปันภัย-เข็ญ
ทำอะไร ไม่ได้ ควรใจเย็น.................ค่อยๆเป็น ค่อยไป คลายดิ้นรน

    ทำเท่าที่ ทำได้ กันไปก่อน............จะเดือดร้อน ไปใย เมื่อไร้ผล
สงบจิต สงบใจ ให้อดทน..................และอดทน จนกว่า จะเห็นทาง

    พยายาม ทำการ อย่างขันติ............ความเริ่มริ ใหม่ๆ อันใดบ้าง
ที่จะพอ ขยาย ให้ความกระจ่าง...........หาความรู้ สู่สร้าง อย่าวางมือ

    มิอาจเพิ่ม รายได้ ก็ให้ลด...............รายจ่ายฟุ่ม เฟือยปลด จดจ่อถือ
มิอาจก้าว หน้าไว อะไรคือ..................สิ่งถ่วงช้า หารือ ให้หลุดไป

    พฤติกรรม (การ)ทำตัว หัวใจหลัก.....อุปสรรค มากมี เพราะนิสัย
โดยเฉพาะ ชอบทำ ตามจิตใจ.............โดยที่ไม่ คำนึง ถึงคุณธรรม

    คนคิดดี ทำดี->ชีวีรุ่ง......................คนคิดร้าย ใจมุ่ง มโนต่ำ
คอยคิดรุด ทุจริต ผิดศีลธรรม...............ย่อมตกต่ำ ตามเวร เป็นธรรมดา

    คนดีย่อม เรียนรู้ อย่างรวดเร็ว............ส่วนคนเลว ดิ้นรน กระสันหา
ไม่เชื่อกฎ เวรกรรม ค้ำโลกา.................ไม่นำพา จะพลาด โอกาสดี

    ความอดทน พยายาม ไม่ลำบาก.........ทำไม่ยาก หากใจ ประไพศรี
หวังพบพาน สิ่งเพริศ ประเสริฐมี.............เลือกวิธี (ทำ)ดีเถิด ล้ำเลิศเอยฯ

๒๓ กันยายน ๒๕๕๙

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2559

ไม่ได้-ไม่เป็น : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



ไม่ได้-ไม่เป็น : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    .....................................(สิ่งที่)ผ่านหู ผ่านตา
เหลือจะ คณนา.....................พาจิต พิสมัย
เท่าไร ที่รัง?.........................สมหวัง ดั่งใจ(รัง=เป็นที่)
สูญเปล่า เท่าไร?...................เนื่องใน ชีวา

    ......................................ประสบ พบเห็น
(สิ่ง)ไม่ได้ ไม่เป็น..................เฉกเช่น ปรารถนา
(จง)เข้าอก เข้าใจ..................ในกฎ กรรมา
คือโชค ชะตา........................ชีวา กระทำ

    .......................................ไม่อยาก ลำเค็ญ
อยากสบ สงบเย็น...................เฟ้นจิต คิดขำ(ชำ=มีลักษณะที่ชวนให้ชอบ)
บางสิ่ง ต้องสละ.....................เพื่อจะ พานำ
(ชีวิต)สู่ความ เลิศล้ำ...............(เพื่อ)ระกำ ทำลาย

    ........................................ไม่ได้(ดั่งใจ) ก็ดี
ลองคิด ดูที............................ชีวี มิเสียหาย
หากได้(แล้ว) ให้ดาล...............รำคาญ วุ่นวาย
สิอย่า เยี่ยมกราย.....................มาให้ ได้(ดั่งใจ)เลย

    .........................................ไม่เป็น(ดั่งปรารถนา) ก็ได้
จรดจำ ทำใจ...........................ให้ชิง นิ่งเฉย
พอใจ เท่าที่............................มี-เป็น เช่นเคย
ก็สุข เสบย..............................มิเอ่ย อาวรณ์

    ..........................................สันติ ชีวัน  
อย่ามัว ใฝ่ฝัน...........................หวังสวรรค์ สรรค์สร(สร=ทิพย์)
ทำเอง ก็ได้..............................ทำใจ ให้จร
จากความ อาทร.........................ตัณหา อารมณ์ฯ

๒๒ กันยายน ๒๕๕๙

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559

ความรักคือการให้(ยังไง?) : กาพย์ยานี๑๑



ความรักคือการให้(ยังไง?) : กาพย์ยานี๑๑

    ความรัก คือการให้....................แต่ไม่ใช่ ให้ทุกอย่าง
ให้จน หมดหนทาง.......................ทำลายล้าง ชีวิตตน

    ขอบเขต ของการให้..................จงใส่ใจ ในเหตุผล
ประคับประคอง ทั้งสองคน..............ยืนอยู่บน กุศลกรรม

    อย่าให้ (จน)ใครคิดชั่ว................เห็นแก่ตัว หัวคิดต่ำ
คอยพึ่ง พาประจำ.........................โดยไม่มี ความละอาย

    รักใคร่ ให้เสียสละ......................แต่จะต้อง (ทำ)ทั้งสองฝ่าย
(ไม่ใช่)คนหนึ่ง ทำแทบตาย............อีกคนดูดาย เอาเปรียบกัน

    ให้อย่าง รู้ยั้งคิด.........................เพื่อมีชีวิต ที่สุขสันติ์
รักษา ศีลธรรม์..............................ความสัมพันธ์ ย่อมบันเทิง

    ให้ความ ปรารถนาดี....................คือวิถี รักเถลิง
โลกกว้าง ย่อม(รู้สึก)ว้างเวิ้ง.............หาก(ต่างฝ่าย)ระเริง เห็นแก่ตัว

    ให้อย่าง ไม่สุจริต........................หวังผลสิทธิ์ ติดในหัว
คือ(การ)ให้ อย่างใจชั่ว....................อย่าเมามัว นึกสรรเสริญ

    ให้ของ ที่ควรให้..........................อย่าตรองไตร่ แต่(ของเหลือ)ส่วนเกิน
(การ)พัฒนา จะดำเนิน.....................เจริญจิต พิสิฐเอยฯ(พิสิฐ=ประเสริฐ)
   
๒๑ กันยายน ๒๕๕๙

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2559

อุปธิค่านิยม : กลอนเปล่า



อุปธิค่านิยม : กลอนเปล่า

    แสงนวลทอง ของสุริโยทัย
แปรผันการหลับใหล จนไร้ซึ่งรสสิเน่หา
ความสว่างย่างผ่านเปลือกตา(ที่ปิดสนิท)
ปลุกสติสัมปชัญญะ คืนกลับมีมาเหมือนเดิม

    เมฆสีเทาเบาบาง แผ่กว้างคลุมพื้นนภดล
เช้าวันนี้จึงวิมล แม้อาจจะมีฝนตอนสายๆ
ลมแผ่วเบาเป่าพัด มิคลาดคลาย
สร้างความเย็นสบาย ให้ฤดูร้อนชื้นอย่างกลืนกลม

    แม้ว่าจะเป็นวันหยุด
ทว่าใจมนุษย์หาหยุดนิ่งไม่
หากแต่ยังดิ้นรน กระเสือกกระสน วนเคลื่อนไหว
เพื่อให้ได้ ซึ่งสิ่งที่ตั้งความปรารถนา

    ความจริงคือ
หัวใจอยากกระหายอยู่เสมอ
ท้นเท้อด้วยแรงผลักดันแห่งตัณหา
คอยขับเคลื่อน ชรริน จินดา(ชรริน=ประดับ)
ในคราบของอัตตา เป็นอาภรณ์

    เมื่อถูกความอยากคอยผลักไส
จิตใจจึงห่างหาย จากสภาวะสันติ
ความไม่รู้ซึ้งถึงสัทธรรมชำนิ
จึงเกิดดำริ ก่ออุปธิค่านิยม(อุปธิ=กิเลส)

    ยกย่องความร่ำรวย-ยศ-ศักดิ์ และอำนาจ
ปรารถนาอยากมีอยากได้ใคร่สะสม
โอ้อวดตัวตน เหนือผู้คนในสังคม
แสดงความคิดโง่งม จิตใจโสมม ออกมา

    ที่แท้เป็นเพียงแค่คนสามัญ
กระเสือกกระสัน ยึดมั่นต่อตัณหา
หลงยึดติดต่อมิจฉาสภาวะ อันเป็นภาพลวงตา
ปราศจากประโยชน์และโฉดฉลคุณค่า
สะท้อนสติปัญญาระดับโลกีย์ฯ
   
๒๐ กันยายน ๒๕๕๙

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559

เงินทองของแสลงพระ-วัด : โคลงสี่สุภาพ



เงินทองของแสลงพระ-วัด : โคลงสี่สุภาพ

๑. ข่าวพระทำชั่วช้า.....................สามานย์
กลายเป็นปรากฏการณ์...............ซากซ้ำ
มิใช่เพียงสมภาร.......................กาจกร่าง
(ระดับ)สมเด็จยังล่วงล้ำ..............หยาบช้าปาราชิกฯ

๒. สุมหัวเสพยาบ้า.......................ยาไอซ์
หมดวัด,ตำรวจไป......................จับสิ้น
สึกกลางพรรษาไส.....................หัว;ขาด
จากความเป็นพระดิ้น..................รนเข้าตะรางฯ

๓. สมภารพาลคบชู้.......................สู่หญิง
สำนักวิปัสสนาสิง.......................แอบอ้าง
พฤติกรรมประหนึ่งลิง..................ลวงหลอก
กลอกภาพลวงตาสร้าง................ให้โลกเลื่อมใสฯ

. เชียงใหม่เอาวัดตั้ง....................โรงแรม
มาตรฐานท่องเที่ยวแถม...............มอบให้
ปราศจากคำเหน็บแนม.................วิบัติ
สารพัดคำชมได้..........................ซาบซึ้งบริการฯ

. แข่งกันอวดของใช้.....................ของแพง
เงินทองของควรแสวง...................หาไว้
ใครรวยกว่ากันแสดง.....................แข่งอวด
บวชมาเพื่อทำให้.........................หลุดพ้น(ยาก)จนฐานะฯ

๖. พุทธพาณิชย์รุ่งเรื้อง....................เมืองไทย
โทษ(แต่)พระ-เณรจัญไร................ไป่(ถูก)ต้อง
ฆราวาสมิใส่ใจ.............................ศึกษ์ศาสน์
พุทโธวาสปราศป้อง......................กราบไหว้คุณไสยฯ

. ถวายเงินทองของใช้...................บูชา
หวังผลบุญวาสนา.........................เลิศล้น
ธรรมวินัยไม่นำพา.........................ปฏิบัติ
อลัชชีทวีท้น................................ทั่วฟ้าไผทสยามฯ

๑๙ กันยายน ๒๕๕๙

จับสึกยกวัด! เจ้าอาวาสชั้นพระครูยันลูกวัดมั่วสุมเสพยา-แถมรับมาขายต่อให้วัยรุ่น ...

www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1463294490

จับสึกเกือบหมดวัด! ตร.รวบ 7 พระลูกวัดในอ.หลังสวน แอบเสพยาคากุฏิ - ไทยรัฐ

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

จะเกิดมาทำไม?: กลอนคติสอนใจ



จะเกิดมาทำไม?: กลอนคติสอนใจ

    พายุ ผ่านไป.........................คงไว้ เพียงความ ชื้นฉ่ำ
ดินนุ่ม อุ้มน้ำ.............................ก่อกำ เนิดเกิด พฤกษา
เมล็ดลอย ตามลม......................นกนิ ยมกิน คาบมา
พรมผืน พสุธา...........................เพิ่มพูน คุณค่า ชีวาลัย(ชีวาลัย=ชีวิต)

    คนภาค ภูมิจิต........................ยึดติด กับชาติ อัตตา
มากจน กระทั่งว่า........................สร้างเรื่อง มารยา สาไถย
ยกตน ข่มเขา.............................ถือเอา ตัวเอง เป็นใหญ่
เบียดเบียน ใครๆ.........................อย่างไร้ ละอาย ฤดี

    ทั้งที่ คอยแต่..........................เหลียวแล หาสุข ใส่ตน
ล้างผลาญ ดาลดล......................ทำลาย โลกจน ป่นปี้
เกินความ จำเป็น.........................เกินเกณฑ์ ดำรง ชีวี
สนอง ราคี..................................สนอง อัปรีย์ ค่านิยม

    ความเห็น แก่ตัว.......................ชักนำ ทำชั่ว ทุจริต
โฉดฉล หนคิด.............................ละโมบ โลภติด สะสม
เพื่อกู ของกู................................ได้เป็น อยู่อย่าง อุดม
ใครจะ ล่มจม...............................ช่างหัว มันชม ชื่นจินต์

    จะเกิดมา ทำไม?.......................ทำให้ ทุกสิ่ง เสื่อมทราม
ชีวี นิยาม....................................ขาดความ ประเสริฐ เพริศผิน
ไม่ทำ ประโยชน์...........................สร้างสาร พัดโทษ ทั้งสิ้น
ทำร้าย แผ่นดิน............................ทำร้าย ชีวิน พินท์พังฯ

๑๘ กันยายน ๒๕๕๙

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2559

ฟรีเซ็กส์ : กลอนคติเตือนใจ



ฟรีเซ็กส์ : กลอนคติเตือนใจ

    กามวิปริต มิจฉา โลกระบาด.....................สังคมขาด ศีลธรรม นำวิถี
เกิดวิกฤติ ผิด-ชอบ กรอบชั่วดี.....................โดยเฉพาะมี ฟรีเซ็กส์ แพร่ลุกลาม

    (คน)เพิ่มระดับ อัปรีย์ เพราะฟรีเซ็กส์..........เริ่มแต่เด็ก เล็กอยาก ไร้หักห้าม
วนหมกมุ่น ครุ่นคิด แต่กิจกาม......................จิตใจทราม หยาบชั่ว หลงมัวเมา

    ไม่พากเพียร เรียนร่ำ หาความรู้..................คอยคบชู้ สู่สม จมความเขลา
ไม่รู้จัก รักดี มิต้องเดา.................................อนาคตเฉา เศร้าหมอง ครองกระมล

    (โต)เป็นผู้ใหญ่ ไม่มี ศีลธรรม.....................คอยก่อกรรม ทำผิด จิตถ่อยฉล
ลูก-เมีย-ผัว ของใคร ใฝ่ซุกซน......................ชวนร่วมหลับ สัปดน กลกามไกร

    กว่าจะมี เหย้าเรือน ก็เปื้อนเปรอะ................ความเลอะเทอะ เกรอะจิต ติดนิสัย
สันดานทราม สำรอก เที่ยวนอกใจ..................อยู่กินได้ ไม่นาน พาลเลิกรา

    มีลูกแต่ บ้านแตก สาแหรกขาด...................อเนจอนาถ ชีวัน ล้นปัญหา
ลูกน้อยริ ติดเหล้า เมาสุรา.............................ก่อวินาศ อาชญา ทั่วธานี

    โรคระบาด ทางเพศ มีเหตุผล......................เพราะผู้คน แพร่สะพัด กามบัดสี
โรคเอดส์แสน อันตราย จะไม่มี.......................หากไม่ฟรี เซ็กส์นิยม สมสู่กัน

    คนชอบ(จะ)อ้าง ว่าเป็นเรื่อง ธรรมชาติ..........(แต่)ความสามารถ ของคน พ้นสัตว์ขันธ์(ขันธ์=พวก)
ธรรมชาติ คนดี (ย่อม)มีศีลธรรม์......................(ใคร)เหลือเพียงสัญ ชาตญาณ=ดิรัจฉานเอยฯ

๑๗ กันยายน ๒๕๕๙

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2559

กิเลสเป็นเหตุก่อสงครามโลก : กลอนหก



กิเลสเป็นเหตุก่อสงครามโลก : กลอนหก

    สงครามโลก ทั้งสองครา.................คนกล่าวหา ว่า(ประเทศ)เยอรมัน
เป็นอาชญา สาเหตุอัน.......................ล้างเผ่าพันธุ์ มนุษย์ผอง

    การรุกราน ประเทศอื่น.....................ยกทัพขืน เข้าครอบครอง
ความโกรธแค้น พยาบาทจ้อง..............ข้อเรียกร้อง ที่โง่เขลาฯลฯ

    เมียงในแง่ มุมพุทธศาสน์.................เพราะธรรมชาติ ของคนเรา
มีกิเลส เจตหมองเศร้า........................มูลเหตุเร่า ก่อกรรมเข็ญ

    ความโลภมาก อยากทรัพยา..............ของเขาหา มิละเว้น
เกิดโทสะ สร้างประเด็น.......................มุ่งเข่นฆ่า ประกาศสงคราม

    ทัศนคติ ชาตินิยม............................คนโง่งม สมยอมตาม
เหยียดเชื้อชาติ อาฆาตหยาม................ล้วนเป็นความ คิดใหลหลง

    สงคราม,การ ก่อการร้าย...................มีมากมาย ไม่ลดลง
เกิดจากใจ โลภ-ร้าย-หลง....................ธำรงใน มนุสสา

    วิกฤติการณ์ แห่งสงคราม..................จึงลุกลาม ตลอดมา
สงครามโลก ภายภาคหน้า....................ไม่พ้นสา เหตุเดียวกัน

    กิเลสร้าย ในใจคน............................จงแยบยล รู้เท่าทัน
ลด-ละ เถิด ประเสริฐหรรษ์.....................เพื่อสันติ นิรันดรฯ

๑๖ กันยายน ๒๕๕๙