ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ทุกวันนี้ ไทยมีเด็กหายออกจากบ้านถึงเดือนละ 50 คน



    ช่างเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ... ทุกวันนี้ ไทยมีเด็กหายออกจากบ้านถึงเดือนละ 50 คน 
และใน 80 เปอร์เซ็นต์นั้น คือการ “หายโดยสมัครใจ”หายออกจากบ้านไปเพื่อมีเพศสัมพันธ์!! 
ส่วนอีก 20 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือนั้น คือเด็กที่ “หายโดยอาชญากร” 
บางรายหายไปเพื่อรองรับกระบวนการค้ามนุษย์ 
บางรายหายไปเพื่อจะกลายเป็นศพ เพื่อสนองตัณหาพวกจิตผิดมนุษย์ 
        
        และนี่คืออีกหนึ่งมิติที่ “ศูนย์ข้อมูลคนหายฯ มูลนิธิกระจกเงา” 
แน่ใจว่าเป็นข้อมูลที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้จำเป็นต้องรับรู้ 
ก่อนที่ป้ายประกาศ “คุณเคยเห็นหนูไหม?” ที่กำลังทำหน้าที่ตามหา “เด็กหาย” 
จะกลายเป็นภาพลูกหลานของคุณเอง!!

เมืองพาล/เมืองพุทธ : กาพย์ยานี๑๑



เมืองพาล/เมืองพุทธ : กาพย์ยานี๑๑

    ฝันเฟื่อง เป็นเมืองพุทธ...................แต่ไม่หยุด กรรมหยาบช้า
ชำนาญ ชาญมารยา...........................สะสมหา แส่อบาย

    ทรชน สากลต่าง............................มาก่อร่าง สร้างเครือข่าย
ทุจริต ผิดกฎหมาย.............................เพราะง่ายดาย กลายเมืองพาล

    สัญลักษณ์ แพ่งพุทธะ......................อาราม-พระ มีมหาศาล
อัศจรรย์ กลับกันดาร............................แก่นสารแท้ แลไม่มี

    อบายมุข ครบทุกอย่าง......................ตามหนทาง ต่างวิถี
กาเม โสเภณี......................................เหล้า-ยา(เสพย์ติด)พี การพนันฯลฯ

    ผู้คน กังวลแค่..................................ร่ำรวยแส่ แลกระสัน
น้อยมี หลักศีลธรรม์..............................กำกับกรรม์ อันระเริง

    ชอบทำ ตามใจตน.............................ปล่อยกระมล ยลยุ่งเหยิง
ระเบียบ วินัยเปิง...................................บ้านเมืองเบิ่ง ด้อยพัฒนา

    รักสุข สนุกสนาน................................เด็กเกียจคร้าน การศึกษา
 รักริ มีกามา.........................................เกิดปัญหา ท้องวัยเรียน

    นานา อาชญากรรม.............................เพิ่มกระหน่ำ ไม่แปลงเปลี่ยน
การเมือง-ราชการเชียร............................ไม่อายเมี้ยน หมั่นโกงกิน

    ประชา โฉดช้าเขลา...............................กอบโกยเอา เฝ้าถวิล
ผลาญยับ ทรัพย์แผ่นดิน...........................ชาติเสื่อมสิ้น ภินท์สมบูรณ์ฯ

๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

การทำบุญ : กลอนแปด



การทำบุญ : กลอนแปด

    ให้สิ่งของ คือการ ทานวัตถุ................ให้ความรู้ อุทิศ ธรรมทิศา
ให้ความคิด วิทวัส ปรัชญา......................ย่อมนำมา วิมล ซึ่งผลบุญ

    การช่วยเหลือ เกื้อเห็น เป็นประจักษ์......คิดตามง่าย ได้นัก ผลมัก(คืน)หนุน
รับความรู้ ความคิด ชีวิตจุน......................เป็นวิถี วิบุล ยิ่งสุนทร

    แต่ไม่อาจ เทียบหลัก ศีลรักษา.............กาย-วาจา-ใจ ปราบ บาปถ่ายถอน
เว้นเบียดเบียน บีฑา เอื้ออาทร..................มิก่อเวร เป็นบวร บุญย้อนคืน

    ยังมีศีล ที่ยิ่ง กว่าเว้นบาป.....................มุ่งกำราบ กิเลส เทวษฝืน
โลกุตระ ประสงค์ ตรงหยัดยืน....................เปล่งปรมัตถ์ ขัดขืน โลกียกรรม

    การอบรม ภาวนา สัจบท.......................สุจริต จิตจรด ปรากฏล้ำ
หลักผิด-ถูก ปลูกฝัง ถ่องทางธรรม..............ดี-ชั่วนำ สำนึก ฝึกฤดี

    เป็นทางบุญ ทูนเทิด ประเสริฐลัพธ์..........เหลือจะนับ นเรศ วิเศษศรี
การอบรม จิตใจ จนไม่มี............................มลราคี คือบุญ จำรูญใจ

    หากสามารถ ตัดขาด ปราศตัณหา............อุปาทาน มารยา อดิศัย
ตัดวัฏฏะ สงสาร ผลาญทุกข์ภัย...................คือบุญใหญ่ ที่สุด แห่งพุทธา

    รู้หลักการ ทำบุญ ไพบูลย์จิต...................รู้จักใช้ ชีวิต เพ่งพิษฐาน์
รู้ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี มีปัญญา...........................จึงรู้ว่า ทำอะไร ได้บุญเอยฯ

๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

มุมมองของชีวิต : กลอนหก



มุมมองของชีวิต : กลอนหก

    ณ ราตรี มีสถาน......................แต่งตระการ ลานแสงสี
ขับกล่อมเพลง บรรเลงดนตรี..........เพื่อผู้ที่ ชอบบันเทิง

    เสพสุรา กามารมณ์...................เข้าสังคม โลมเล้าเหลิง
ยาเสพย์ติด จิตกระเจิง...................เตลิดเปิดเปิง พฤติกรรม

    คนชอบใจ ในวิถี.......................ย่อมจะมี ฤดีด่ำ-
ดื่มเริงรื่น ชมชื่นจำ.........................มองเลิศล้ำ นำชีวา

    ส่วนผู้เห็น ความเป็นโทษ............จะไม่โปรด ปรานปรารถนา
ตรองวิถี ราคีคาว์............................สินำพา สู่อบาย

    เหมือนมุมมอง ของชีวิต...............มักยึดติด อัตตาหมาย
จิตหวาดหวั่น การวางวาย.................อยากกระหาย ในชาติภพ

    ชาติหน้ามี ชีวีชนม์......................ขอเป็นคน ไม่รู้จบ
ไม่พิจารณ์ ถึงด้านลบ......................ที่พานพบ ประสบเจอ

    แค่ผู้ใคร่ ใจเป็นกลาง...................ปัญญากระจ่าง มิพลั้งเผลอ
ไม่ลุ่มหลง งง ละเมอ.......................เห็นโลกเท้อ ท้นโทษ-ภัย

    จึงเบื่อหน่าย ในชาติภพ................อยากจะจบ วัฏวิสัย
หาวิธี ทำอย่างไร............................จึงจะไม่ มาเกิดเป็น

    พุทธองค์ ทรงตรัสรู้......................นิพพานสู่ ลู่ทางเห็น
กิเลส-ตัณหา ละขาดเร้น...................พึงบำเพ็ญ เป็นหนึ่งเดียวฯ

๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ความโง่งมงายไม่มีวันตาย : กาพย์ฉบัง๑๖



ความโง่งมงายไม่มีวันตาย : กาพย์ฉบัง๑๖

    ความโง่งมงายในจิต....................ชักนำความคิด
หลงผิดทิศทางหวังหา

    กอปร กับอกุศลเจตนา..................ทุจริตพิศพา
ดำเนินชีวามิจฉาฉล

    เชื่อ อวิชชาสาละวน.................ธำรงทรงตน
อยู่บน อธรรม์ครรลอง

    พฤติกรรมความโง่ทั้งผอง.................ยังคงครอบครอง
จับจองใจสาไถยชน

    ทำให้ไม่อาจหลุดพ้น................พันธะทุรพล
โฉดฉลมืดมน อนธการ

    ชีวาจึงน่าสงสาร...............อัปลักษณ์ดักดาน
ด้อยการพัฒนาละไม

    ส่งทอดทุคติวิสัย...............สู่คนรุ่นใหม่
ผู้ไร้สติปัญญา

    มากมีกิเลสตัณหา...............ความคิดอวิชชา
ทุจริตมิจฉาเช่นกัน

    สืบต่อวิถีชีวัน..............เสมือนกรรมพันธุ์
ดาษดื่นยืนนานนิรันดร

    ลองแลจะเห็นแพร่สลอน................สะท้านสะท้อน
หมดทางถอดถอนทุกข์เอยฯ

๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

กิเลสคือสาเหตุแห่งปัญหาชีวิต : กลอนแปด



กิเลสคือสาเหตุแห่งปัญหาชีวิต : กลอนแปด

    ทุกเวลา นาที ทุกวี่วัน...............................แรงราคะ กระสัน เสริมปัญหา
กามคุณ หนุนเนื่อง เฟื่องอุรา........................ปลุกปรารถนา หาแส่ แห่สำราญ

    เมื่อไม่ได้ ดั่งใจ วายวุ่นจิต..........................เกิดวิกฤติ เวทนา มหาศาล
ก่อกระเสือก กระสน ล้นอาการ.......................ระทดท้อ ทรมาน ยากทานทน

    ขุมโทสะ ประทุ ไฟคุกรุ่น............................ความโหดร้าย ใจสถุล หนุน ถลน
หมายเบียดเบียน บีฑา สาละวน.....................ร้อนเร่ารน อลหม่าน ผลาญทำลาย

    ความเดือดร้อน ย้อนคืน ยื่นวิบาก..................พันธ์นังนุง ยุ่งยาก เพิ่มหลากหลาย
เกิดทุกขะ ภาวะ เพิ่มมากมาย.........................สันติธรรม ส่ำสลาย ไม่เหลือมี

    ความหลงผิด คิดไพล่ ไคลสัจจะ...................คือเงื่อนงำ กรรมะ กล้าบัดสี
ความถูก-ผิด คิดพลาด ขาดพฤทธี...................เป็นวิถี วิบัติ โถมอัตตา(พฤทธิ์=ความสมบูรณ์)

    ความไม่รู้(จริง) คู่กมล คนโง่เขลา..................ผู้มัวเมา ไม่ตรึก ตรองศึกษา
ใช้ชีวี หลงผิด อนิจจา....................................หวังพึ่งโชค ชะตา แลฟ้าดิน

    คือกิเลส เหตุให้ ปัจจัยทุกข์..........................ขัดขวางความ เป็นสุข อุกอาจสิ้น
คือสามัญ ปัญหา คร่าชีวิน...............................ในบุคคล มลทิน ครองวิญญาณ์

    การควบคุม กุมจิต ปลิดกิเลส.........................จึงเป็นทาง สางเหตุ แห่งปัญหา
ความสำนึก สลด ลด-เลิกรา(กิเลส)....................เปลื้องชีวิต จิตรา โสภาเอยฯ

๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

กิเลสคือสาเหตุของปัญหาในสังคม : โคลงสี่สุภาพ



กิเลสคือสาเหตุของปัญหาในสังคม : โคลงสี่สุภาพ

. ฝนหลั่งลงมาให้........................โลกเย็น
ปราศฝนประจญเข็ญ.....................เร่าร้อน
คือสัจปรากฎเป็น.........................ประจักษ์
แต่คนกลับยอกย้อน......................ป่าไม้ทำลายยับฯ

. เหตุเพราะกมลขับข้อง.................ตัณหา
คนจึงมินำพา...............................ความรู้
แรงกระสันบัญชา..........................ปฏิเสธ
กองกิเลสเปรียบผู้.........................ชวนชี้ อกุศลกรรมฯ

. จำนนต่อแรงต้าน.........................คุณธรรม
ตกเป็นทาสแก่อำ-.........................นาจร้าย
สัญชาตญาณคือคำ........................ติดปาก
ตอบสนองความอยากคล้าย..............สัตว์เลี้ยงแรงงานฯ

. หลงสำราญว่าได้..........................(ทำ)ตามกมล
ทัศนาอกุศล..................................สุขสร้าง
บ่ตระหนักเงื่อนกล...........................วัฏฏะ
จิตสำนึกจะมีบ้าง.............................ก็ร้างแรงขืนฯ

. จึงยืนอยู่เยี่ยงผู้.............................ทรชน
ดวงฤดีสัปดน..................................เถื่อนรั้น
มีวิบากยากจน.................................อดอยาก
แพร่หลาก ลามบีบคั้น.......................คับแค้นสังคมฯ

. ปัญหาโหมทั่วหล้า..........................สากล
เพราะส่วนใหญ่ใจคน.........................กิเลสคุ้ม
การควบคุมกมล................................ปฏิเสธ
เตชแห่งตัณหาหุ้ม.............................ห่อให้ฤดีรนฯ

. เริ่มจากตนปิดป้อง...........................ปัญหา
เสริมสติปัญญา.................................ใฝ่รู้
จิตสำนึกศึกษา.................................ทักษะ
ลดละกิเลสสู้....................................สรรค์สร้างสันติธรรมฯ

๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ปีติ ความอิ่มใจ : กลอนจรรโลงใจ



ปีติ ความอิ่มใจ : กลอนจรรโลงใจ

    ฝนตก โชกคืน เช้าชื่นฉ่ำ...............เมฆคล้ำ ครองฟ้า คณาขยาย
สุรีย์ ไร้ลักษณ์ ประจักษ์กลาย.............ทิวา ทลาย มิคล้ายคง

    คุ้นเคย มรรคา หาความสุข.............ความสนุก ขลุกใจ คนใหลหลง
พินิจ จิตกรรม เจตจำนง.....................อุระ อานิสงส์ องค์ปัจจัย

    ความดี ที่ทำ นำปีติ.......................ดำริ กุศล ถกลไสว
สงบ สบศานติ์ สราญฤทัย...................เอิบอิ่ม ปริ่มไป ทั่วใจตน

    ถูกต้อง ถ่องศรี ธรรมวิสุทธิ์..............ย่อมหลุด พ้นโทษ พาลโฉดฉล
รู้สึก สบาย คลายกังวล.......................โลกา ประจญ วิมลจินต์

    กุศล กลใส ไกรกาจส่อง.................คุณธรรม์ ครรลอง คล่องถวิล
สุจริต จิตไร้ ไคล มลทิน.....................วิภา ประทิน ปรกวิญญาณ

    แตกต่าง ห่างไป จากใจสุข..............ปีติ มิซุก ปลุกฟุ้งซ่าน
ไม่ใหญ่ ไม่โต เติบโอฬาร....................ไม่พลุ่ง มุ่งพล่าน สราญรมย์

    แม้มิ เริงร่า ทว่าอิ่ม..........................ปีติ สิปริ่ม นิ่มนวลสม
ยามร้าง ว่างไร้ ไม่ระทม........................อุดม อุกฤษฏ์ อิสรา

    มิปรุง แต่งใจ ให้กำหนัด....................ประพรม โสมนัส ปรารถนา
คุ้มครอง รองฤทัย ในธรรมา....................ปฏิปทา ผาสุก พ้นทุกข์เอยฯ
   
๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เลิกเศร้าเข้าพรรษา : กาพย์ยานี๑๑



เลิกเศร้าเข้าพรรษา : กาพย์ยานี๑๑

    เลิกเศร้า เข้าพรรษา....................พักอุรา อกุศล
ขัดเกลา เมากระมล.........................ให้พ้นโศก วิโยคพาน

    ลาภใด เมื่อไร้โลภ.......................ใจจักโอบ (ด้วย)สงบศานติ์
มิร่ำ ร้อนรำคาญ..............................ตรองตรึกการ ตามกิจจา

    หยุดใจ อย่าร้าย-เหี้ยม..................จิเต็มเปี่ยม ด้วยหรรษา
ดวงฤดี มีเมตตา..............................สิโสภา สถาพร

    ความหลง ผิดทั้งหลาย..................ครั้นขวนขวาย มุ่งไถ่ถอน
ศึกษา สัจจากร................................ป้อนความรู้ วุฒิธรรม(สัจจากร=สัจจะ+อากร)

    กุศล สิดลให้................................กำลังใจ กายเลิศล้ำ
ถูกต้อง ครรลองตรำ..........................ย่อมกำจัด ตัดธุลี

    หลุดบาป หลาบความชั่ว.................กรรมหมองมัว ทั่วหน่ายหนี
กระทำ แต่กรรมดี..............................มีศีลธรรม เพริศอำพน(อำพน=งามสล้าง)

    สิประสบ พบสุขัง...........................พีพลัง พรั่งศุภผล
หมองเศร้า เนากระมล.........................จะจลจาก วิบากจร

    จิตใจ สิใสส่อง...............................เรืองละออง อดิศร
ร่มเย็น เช่นอมร..................................อภิชาต ชีวาตม์เอยฯ
   
๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

หาได้จากในใจตน : กลอนแปด



หาได้จากในใจตน : กลอนแปด

    ฟื้นความจำ ความหลัง ครั้งยังเด็ก...............อยากเก่งเลข วิทย์เพียร เรียนภาษา
แต่ว่าผล สัมฤทธิ์ ผิดมนา............................มิรู้สึก ระลึกว่า ล้ำค่าใด

    การกีฬา พละพรั่ง กำลังแกร่ง.....................ทุ่มเรี่ยวแรง เวลา หาหวั่นไหว
แต่ก็มิ อภิรมย์ สมฤทัย................................สำนึกใน สังขาร นั้นอนิจจา

    พิศเพลิดเพลิน เงินทอง ผองสมบัติ..............ปะอัตคัด ปัจจัย ในโลกหล้า
ตรองดูทรัพย์ สมบัติ พ้นอัตตา.......................ตั้งใจว่า จะบริจาค อยากให้ทาน

    ไม่คิดเชื่อ (เรื่อง)เนื้อคู่ เพราะอุปสรรค...........มีมากมาย หลายนัก จนจักคร้าน
เกิดรู้สึก นึกคิด จิตรำคาญ.............................(ว่า)ไม่ใช่การ ฉลาด สมมาดมี

    แม้แต่มี ชื่อเสียง เกียรติยศ..........................ก็ปรากฏ ไร้ค่า สาระลี้
ส่วนอำนาจ วาสนา ไร้ท่าที............................เห็นวิถี โฉดช้า หาภูมิใจ

    กวีกานท์ บันเทิง เริงรื่นทิศ...........................เสริมสุนทรีย์ ชีวิต วินิจฉัย
เรียงร้อยรส บทกวี ปรีติไว..............................เหมือนอยู่ใน สรวงสวรรค์ วิมานแมน

    แต่ก็ยัง กังวล เหตุ-ผลผลิต..........................โลก-ชีวิต คิดขลุก ทุกข์หลากแสน
มักมีสิ่ง สลด ไม่ลดแคลน...............................ความทุจริต ผิดแหน ทั่วแดนดิน

    เหลือแต่ศีล (ละ)ธรรม นำอุกฤษฏ์...................พุทธธรรม อำมฤต เป็นนิจสิน
กุศลส่ง คงสุทธ์ ประดุจทิน..............................ทัศนีย์ ชีวิน อจินไตย

    เดินทางหา ประสบการณ์ มากผ่านพ้น...............จึงตระหนัก กระมล ตนไฉน
สิ่งที่ฉัน มั่นมุ่ง จรุงใจ......................................จะหาได้ จากใน ใจฉันเองฯ

๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ความพยายามคือความสำเร็จ : กลอนคติสอนใจ



ความพยายามคือความสำเร็จ : กลอนคติสอนใจ

    ตะวัน จันทรา.......................ทุกวัน จะมา ขจิต
นภา นิรมิต..............................มิอิดเอื้อน เบือนวิสัย
หากมอง ไม่เห็น.......................ก็เป็น เหตุผล กลไก
ธรรมชาติ ปัจจัย........................บดบัง พรางให้ ไคลคลา

    นร กิจกรรม..........................ตั้งใจ จะล้ำ สำเร็จ
" พยายาม " คำเคล็ด.................เผด็จ มนัส ปรารถนา
อาจจะ พลาดผิด.......................และอาจ สัมฤทธิ์ พิชยา
พื้นฐาน ธรรมดา........................สภาวะ ธรรมชาติ ปัจจัย

    ทุกความ พยายาม..................คือความ สำเร็จ เสร็จสม
คุณา ค่านิยม.............................ปรารมภ์ จ่อจิต วินิจฉัย
ทุกสิ่ง มิเที่ยง............................คงเคียง คู่ฟ้า-ดิน หาไม่
(ไม่ว่า)จะได้ ผลใด.....................สุดท้าย ย่อมสลาย ไม่มี

    สุดความ สามารถ....................เมื่อคาดหมาย ให้กระทำ
ถูกต้อง ถ่องนำ...........................คุณธรรม ความดี วิถี
บั้นปลาย ใดผล..........................ของตน จะชั่ว จะดี
(เมื่อ)พยายาม เต็มที่...................เท่านี้ ก็จง พอใจ

    ที่สุด (ของความ)อุตส่าห์...........โสภา นร คติ
นิยาม ดำริ.................................ชีวิตา กุศลาศัย
ถึงใคร จะชอบ............................ใครจะ ไม่ชอบ ช่างปะไร
ก็หา ทำให้.................................หัวใจ ไหวหวั่น พรั่นพรึงฯ

๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

แผนทำลายพระพุทธศาสนา? : กลอนคติเตือนใจ

ภาพประกอบ ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในบทกลอน


แผนทำลายพระพุทธศาสนา? : กลอนคติเตือนใจ

    ถึงฤกษ์งาม ยามอา สาฬหะ...............พุทธมา มกะ ร่วมถวาย
เทียนพรรษา-ผ้าอาบ-กับมากมาย...........อย่างฟุ้งเฟื่อง เนื่องหมาย เลื่อมใสมี

    คล้อยยามบ่าย ฝ่ายพระ อธิษฐาน........จำพรรษา สมาทาน สานวิถี
วินัยบรรพ ครรลอง สองพัน(กว่า)ปี..........เสมือนที่ พุทธองค์ ทรงแสดง

    ครั้นยามเย็น ทำวัตร นัดสวดมนต์.........นุ่งห่มขาว ทุกคน กระมลแฝง
เนกขัมมะ ปฏิบัติ จิตจัดแจง....................ลด-ละแรง กิเลส กามเวทนา

    ถึงราตรี มีจันทร์ เพ็ญพรรณจรัส...........เริ่มเวียนเทียน เพียรทัศน์ พุทธสาสนา(สาสนา=คำสอน)
พิเคราะห์ศีล-สมาธิ-และปัญญา...............เพื่อสฤษฏ์ วิชชา พ้นอบาย

    แต่ใกล้ๆ วิหาร ดันกลับมี....................การแสดง ดนตรี ปรีติหลาย
อ้าง(ว่า)บรรเลง เพลงพุทธ อุจาดตาย.......(แข่ง)พระสวดมนต์ กระวนกระวาย มันไม่ฟัง

    คนเวียนเทียน เวียนหัว หนักหัวจิต........อยากด่าคน ต้นคิด วิปริตขัง
เวียนเทียนท่าม กลางเสียงเพลง ครื้นเครงจัง?....อภิโถ อภิถัง ช่างจัญไร

    สำนักพุทธ สุดสิ้น วิญญาณพุทธ?..........ไอเดียผุด กิจกรรม ทำสาไถย
คนบ่มี ศีลธรรม ประจำใจ.........................จึงจำนง หลงใหล ในกามมัน

    หรือเป็นแผน ทำลาย พุทธศาสนา?.........ของพวกมาร ตัณหา แส่กระสัน
หรือเพียงแค่ คนโง่ จากโลกันตร์ ?..............คิดอัศจรรย์ ผลาญงบ(ประมาณ) บัดซบเอยฯ
   
๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

หมดปัญหา? : กลอนหก



หมดปัญหา? : กลอนหก

    เรื่องยุ่งยาก ยังมากมี................นำฤดี สติสำนึก
อย่าเหลวไหล ไตร่ตรองตรึก...........หลงรู้สึก ว่าพ้นเข็ญ

    ตราบยังอยู่ ในโลกนี้.................ตราบชีวี ยังมีเป็น
" หมดปัญหา " อย่าหมายเห็น........ประจักษ์เช่น เป็นสัจจา

    มีร่างกาย (ย่อม)มิไร้โรค.............ต้องบริโภค แสวงหา
เลี้ยงชีวี ต่อชีวา............................โชคชะตา สู้ประเชิญ

    เมื่อทำใจ ให้ยอมรับ...................สงบระงับ มิขัดเขิน
ระวังระไว ไม่เล่อเลิน......................คงมิเกิน กำลังไกร

    ชีวิตใช่(ว่า) จะได้ดี.....................เสมอมี ก็หาไม่
อยู่ที่กรรม เคยทำไว้.......................และกรรมใหม่ ในอนาคต

    เป็นธรรมดา ที่จะฝัน....................หวังชีวัน ปัญหาหมด
ให้พึ่งเห็น เป็นสัจพจน์.....................หาก(ปัญหา)มิลด และเพิ่มมี

    ประคองใจ อย่าไปทุกข์................อย่าหลงสุข พันผูกศรี
ความยึดมั่น นั้นไม่ดี.........................นั้นไม่มี ประโยชน์ใด

    เราอยู่กัน วันต่อวัน.......................คือสัจอัน พิสูจน์ได้
ถึงวางแผน ไว้แสนไกล.....................(ก็)ต้องเริ่มไป จากวันนี้

    ควรคุ้นเคย กับปัญหา....................ตั้งหน้า(ตั้ง)ตา ทำหน้าที่
อนาคตไซร้ ยังไม่มี(มา)....................ทำบัดนี้ ให้ดีเทอญฯ

๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

กิจกรรม์วันพระ : กลอนเจ็ด



กิจกรรม์วันพระ : กลอนเจ็ด

    กิจกรรม์ วันพระ ศาสนพิธี.................พระปรี่ ตีห้า มาแผด(เครื่อง)เสียง
ปลุกคน บ้านใกล้ ไล่เรือนเคียง..............(จง)ตื่นมา อย่าเถียง เตรียมภัตรา

    คาวหวาน สรรปรุง มุ่งอร่อย...............ขนทยอย เข้าวัด จัดแจงหา
ใส่ถ้วย ช่วยกัน คลานเข้ามา..................ถวาย อาตมา รอท่ากิน

    พระขึ้น ธรรมาสน์ ตาลปัตรตั้ง.............โยมว่า ดังๆ ยังถวิล?
ขอ อา ราธนา เป็นอาจิณ.......................สุดสิ้น ศีลห้า ต่างละเลย

    พระเป็น ผู้ให้(ศีล) ยังไม่รักษ์..............โยมสมัคร รักษ์ไว้ อย่าหมายเหวย
สอพลอ ตอแหล เก่งแท้เอย...................ต่างคน ต่างเคย เฉยกันไป

    อาราธ (ธะ)นาธรรม ข้อกำหนด............ยกบท บาลี คติใส
ประดอย ถ้อยคำ ธรรมวินัย.....................สอนให้ โยมจง ปลงใจตาม

    กิเลส ตัณหา พาเป็นทุกข์...................ทำบุญ ทูนสุข สนุกหลาม
บำรุง วัด-พระ จะงอกงาม.......................ยศศักดิ์ หลากหลาม และร่ำรวย

    พอเทศน์ เสร็จสรรพ สำทับให้..............ญาติโยม ทั้งหลาย ได้ถูกหวย
ว่าแล้ว ก็ใบ้ เลขให้ด้วย..........................หากซวย โดนกิน ห้ามนินทา

    ปฏิบัติ วัตรเย็น บำเพ็ญบ่น...................สวดมนต์ ดลชีวิต สมพิษฐาน์
ศีลแปด รับไป (แล้ว)ไม่นำพา..................(ยัง)ปรารถนา ราคะ หลงกามคุณ

    สมาธิ สินั่ง พลั้งพล่านจิต.....................ยึดติด โลกธรรม กำลังหนุน
หวังว่า สามารถ ประสาธน์บุญ...................เหมือนครุ่น คิดใคร่ กระหายเอยฯ
   
๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

จิตใสใจจักเห็น : กลอนคติสอนใจ



จิตใสใจจักเห็น : กลอนคติสอนใจ

    ตราบจิต เราใส...................จะเห็น หัวใจ ใครขุ่น
จิตไม่ วายวุ่น..........................การครุ่นคิด วินิจฉัย
(จะ)รอบคอบ สุขุม...................ลุ่มลึก รู้สึก เข้าใจ
ความคิด นิสัย.........................ของใคร ต่อใคร ใดมี

    เมื่อหยุด ทุจริต....................ดวงจิต ย่อมสู่ บริสุทธิ์
คดจิต คิดหลุด.........................ย่อมผุดผ่อง เรืองรองศรี
กาย-วาจา-ใจ...........................มั่นใน ศีลธรรม ความดี
จิตใส ใจมี...............................โดยที่ มิลำบาก ยากเย็น

    ห้ำหั่น ตัณหา.......................กระทำ สัมมา ปฏิบัติ
ชีวิต กิจวัตร..............................กำจัด มลทิน จินดาเห็น
ไม่ยึด ความอยาก......................(แม้)เหนื่อยยาก (ยัง)มโนธรรม บำเพ็ญ
จิตใส ใจเป็น.............................ประณีต พิจิตรเช่น ชัชวาล

    ย่อมเปิด ปัญญา.....................ดวงตา แห่งธรรม ประจำจิต
ถูกต้อง ถ่องทิศ..........................ประสิทธิ์ สัจจา ปาฏิหาริย์
จิตใส ใจสะอาด..........................มโนปราศ มายา สามานย์
มองดู จักรวาล............................มองเห็น สังสาร วารวน

    เห็นความ เป็นจริง...................ปราศสิ่ง เลือนรก ปกปิด
ปรัศนี ชีวิต.................................อุกฤษฏ์ กุศล-อกุศล
(มองโลก)ไม่บวก ไม่ลบ................จึงประสบ สัจจา สากล
ใช้ตั้ง วางตน...............................โสภี วิมล ผลเอยฯ

๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ร่างกายของเรา? : กาพย์สุรางคนางค์๓๒



ร่างกายของเรา? : กาพย์สุรางคนางค์๓๒

    คือความ คุ้นชิน....................ที่จะ จินตนา
ยืนยัน กายา.............................(ว่าเป็น)อัตตา ปราศรัย
ร่างกาย คือเรา..........................ของเรา เข้าใจ
บ่มี ผู้ใด...................................โต้แย้ง แคลงคำ

    (แต่)ลองพิ จารณา.................กายา ปรากฏ
ธรรมชาติ บาทบท......................กำหนด กฎล้ำ
ต้องกิน-ต้องนอน.......................หนาว-ร้อน-ระกำ
โรคา-พยาธิ์คล่ำ.........................จำกัด จัดแจง

    เหมือนถูก บังคับ....................ให้รับ ภาระ
ดูแล กายะ.................................อย่าข้อง ของแสลง
บริหาร ร่างให้.............................แกร่งไกร แข็งแรง
อย่าได้ หน่ายแหนง.....................เสียดแทง ทุกข์ทำ 

    สมตาม ปรารถนา....................นับหา ยากนัก
ต้องคอย ปกปัก..........................รักษา อุปถัมภ์
ระวัง ระไว.................................อย่าให้ ตรากตรำ
สั่งการ งานทำ............................สำคัญ สมรรถนะ

    ต้องหมั่น ขัดสี........................จึงมี ความสะอาด
เสริม-แต่ง-แปลง-วาด..................มุ่งมาด สวยสะ
ดูแล รูปทรง...............................ลงทุน หนุนพละ
เพราะขืน ปล่อยปละ....................จะอัป (ปะ)ลักษณ์เป็น

    ใจไม่ อาจสั่ง..........................กายร่าง สังขาร(ได้ตามใจชอบ)
จึงสรุป สัญญาณ.........................หลักฐาน มั่นเห็น
ร่างกาย เรานี้..............................ไม่มี ใครเป็น
เจ้าของ จ้องเช่น.........................ประเด็น ปรัชญาฯ

๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙

พุทธศาสนา สอนว่า 
ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา
ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน ของเรา

ลมหายใจและชีวิต : กลอนหก



ลมหายใจและชีวิต : กลอนหก

    ลมหายใจ และชีวิต................แนบสนิท ติดตามใกล้
ตราบที่มี ลมหายใจ....................ชีวีไซร้ ไม่จากจร

    หายใจเข้า เอาอากาศ.............สืบชีวาตม์ องอาจสร
เหิมเรี่ยวแรง แกร่งต่อกร..............ปัญหาทอน ป้อนสุนทรีย์

    หายใจออก สำรอกพ่น.............อากาศล้น มลทินลี้
ขับทิ้งไป ให้เลือดมี.....................บริสุทธิ วีระพันธ์

    รู้(จัก)กำหนด ลมหายใจ...........จรรโลงให้ ได้สุขสันติ์
อากาศดี เอื้อชีวัน........................สุขภาพหรรษ์ บันเทิงจินต์

    หายใจยาว เข้า-ออกช้า.............สงบอารมณ์ สมถวิล
จิตสุขุม ลุ่มลึกริน.........................กรรมประคิ่น วินชาครอง(ประคิ่นวินชา=บรรจง)

    หายใจลึก รู้สึกได้.....................กำลังใจ-กายสนอง
รวมแรงขับ เข้ารับรอง....................อุปสรรคผอง คล่องเผชิญ

    ใจสุขุม เลือกมุมสงบ..................คิดทวนทบ ลบเขลา-เปิ่น
มโนธรรม เธียรดำเนิน....................ไม่เลินเล่อ เผลอผิดทาง

    การกำหนด ลมหายใจ.................(คือ)เครื่องมือใช้ ได้ทุกอย่าง
เอื้อกุศล อกุศลล้าง........................สมาธิสร้าง ลองบ้างเทอญฯ

๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

คนไม่รู้คุณคน : กาพย์ยานี๑๑



คนไม่รู้คุณคน : กาพย์ยานี๑๑

    กตัญญู กตเวที...................คือคนที่ หาได้ยาก
ภาษิต พิจิตรจาก....................พุทธองค์ ทรงตักเตือน

    ผู้ให้ อุปการก่อน.................มิย่อหย่อน ยากหาเหมือน
ศักดิ์สิทธิ์ มิบิดเบือน................สะท้านสะเทือน ทุกชีวี

    คำขอ ความช่วยเหลือ...........พบทุกเมื่อ เรื้อโลกนี้
แต่คน กระมลมี.......................สำนึกดี สิยากพาน

    หนำซ้ำ ยังทรยศ..................อย่างมิสลด ปรากฏหาญ
ประจาน เป็นสันดาน.................อันโฉดชั่ว สามานย์ชน

    คนไม่ กตัญญู......................มิรู้จัก บุญคุณคน
สื่อว่า มนาฉล..........................เปี่ยมมลทิน จินต์บัดสี

    มิควร คิดถือสา.....................บอกตนว่า เลิกใยดี
ปฏิบัติตาม ธรรมวิถี...................ทำความดี มีสุขใจ

    (คนไม่รู้คุณ)จะมี อิทธิพล........ต่อจิตกุศล ก็หาไม่
ใครทำ กรรมอะไร......................ก็จะได้ ผล(นั้น)ตอบแทน

    ทำดี ย่อมได้ดี.......................เป็นสุขี ปรีติแสน
ทำชั่ว ชั่วไม่แคลน.....................กลับคืนแม้น แก่นสัจจาฯ

๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

รักษาสิ่งแวดล้อม : กาพย์ฉบัง๑๖



รักษาสิ่งแวดล้อม : กาพย์ฉบัง๑๖

    สูดอากาศเช้าวันใหม่.................บริสุทธิ์สดใส
รับความสุขใจได้เสมอ

    แต่สถานที่ที่จะพบเจอ................ธรรมชาตินะเออ
ที่เธอสามารถคาดหวังมี

    สินทรัพย์ไม่ลึกลับนี้.................แด่ทุกชีวี
โลกพลีทุกวี่ทุกวัน

    แค่ต้องเข้มงวดกวดขัน................รู้เท่าถึงทัณฑ์
การทำลายสิ่งแวดล้อม

    ผู้ใดใคร่คร่าอย่ายอม...............ร่วมกันแพร่พร้อม
ทะนุถนอมไว้ให้ยั่งยืน

    โลก(เรา)นี้ไม่มีที่อื่น................ที่ใครอาจขืน
กล้ำกลืนอพยพ(ไป)อาศัย

    เสื่อมสิ้นโลกาคราใด................คือวันบรรลัย
จะไม่มีวันหวนกลับ

    เรื่องนี้มิใช่ความลับ...............เสียงเตือนเกลื่อนสรรพ
แต่กลับน้อยคนสนถวิล

    ส่วนใหญ่ยังใช้ชีวิน................หรรษาหากิน
ทำลายดิน-ฟ้าคึกคะนอง

    ใจคนล้นรกบกพร่อง................โง่เขลาเมามอง
จึงต้องทุกข์ยากลำบากเอยฯ

๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙