ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การหาเงินทองต้องสุจริต : กลอนเจ็ด

                              ภาพจาก//https://www.pinterest.com/pin/511440101413497590/

การหาเงินทองต้องสุจริต : กลอนเจ็ด

    เงินหา มาใช้ ในวันหน้า.................หลากชน รู้ว่า พึงประสงค์
โดยเฉพาะ เสาะสรร สิ่งมั่นคง..............ดำรง ชีวี มีสุขสบาย

    ออมเงิน เพลินใจ ในดวงจิต............ร่ำรวย อวยฤทธิ์ อิฎฐาหลาย(อิฎฐ-=น่าปรารถนา)
มีเงิน มีทอง (ชีวิต)ต้องง่ายดาย...........ผ่อนคลาย ลำเค็ญ เย็นงอกงาม

    จึงเห็น เช่นการณ์ อันปกติ..............คนสิ อยากรวย ทวยทรัพย์หลาม
ทุ่มเท เวลา พยายาม.........................เพื่อความ ล้ำล่วง ห้วงมั่งมี

    ไม่ได้ ด้วยความ สุจริต...................ก็คิด คดโกง คงวิถี
แพร่หลาย ระบาด ทั่วปัถพี..................จนเป็น ประเพณี บางบ้านเมือง

    มิคำ นึงว่า สะสมบาป......................มิซาบ ซึ้งใจ จัญไรเรื่อง
มีแต่ ตัณหา มาเนืองๆ........................ประเทือง หฤทัย ได้เห็นเงิน

    เงินทอง ของใช้ ให้ความสุข............(ความ)คิดขลุก ถูกแท้ แค่ผิวเผิน
ชีวิต กิจกรรม ที่ดำเนิน........................ผลผอง ต้องเผชิญ ประจักษ์คืน

    การฉ้อ ก่อฉล กลโกงต่าง................ต่อร่าง สร้างเวร เป็นกฎพื้น
ทรัพย์ที่ คดมา หายั่งยืน......................บาปดื่น ดาษดล ทนทุกข์ดาล

    จะหา เงินทอง ต้องสุจริต.................ซื่อตรง ทรงสิทธิ์ สฤษฏ์ศานติ์
มิก่อ บาปกรรม มิรำคาญ......................ชีพวาร วิโรจน์ ประโมทย์เอยฯ

๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

กงจักร-ดอกบัว : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

                                 ภาพจาก:https://www.pinterest.com/pin/511440101413443490/

กงจักร-ดอกบัว : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ..............................มณี แห่งนิศา
ทิพวรรณ จันทรา............จรัส ประภัสสร
ปักษา วสาน..................อลังการ บัญชร(ปักษาวสาน=วันเพ็ญ)
เบิกฟ้า อมร...................สะท้อน สุปรีย์(สุปรีย์=เป็นที่รักยิ่ง)

    ...............................พระจันทร์ กระจ่าง
แสงเย็น สว่าง.................แตกต่าง แสงสี
สถาน บันเทิง..................รื่นเริง โลกีย์
เร่ารน ฤดี.......................ไม่มี สันติธรรม

    ...............................สังคม กามา
มหรรฆ มายา..................พาใจ ไหลถลำ
สุรา ยาเมา.....................ลากเรา เขลาคะมำ
เศร้าโศก ตกต่ำ...............สมคำ(ว่า) "อบาย"

    ................................เริงรมย์ สถาน
โลกีย์ วิกาล....................วิตถาร ขวนขวาย
แหล่งล้น คนชั่ว...............หัวใจ ไร้ละอาย
บาปกรรม ทำดาย.............ไร้ผิด-ชอบ กรอบเกณฑ์

    ................................(เห็น)กงจักร->(เป็น)ดอกบัว
ไม่รู้ ผิด-ชั่ว.....................มืดมัว เมาเห็น
ปัจจุบัน (อาจจะ)หรรษา.....(แต่)อนาคต ลำเค็ญ
คือสัจ ซ่อนเร้น.................เน้นย้ำ ตำนาน

    .................................อย่าคบ คนชื่น
ชอบเที่ยว กลางคืน............รื่นทาง ล้างผลาญ
ยิ่งเป็น คนรัก....................ยิ่งจัก ยากนาน
ชีวะ ประหาร.....................พล่านพลุก ทุกข์เอยฯ

๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

โง่-จน จะล้นโลก : กลอนแปด





โง่-จน จะล้นโลก : กลอนแปด

   คนยากจน โง่เขลา เอาแต่คิด.................ใช้ชีวิต จิตประหวัด สัตว์เสมือน
ตามฤดี กิเลส ปริเยศเยือน..........................ที่ขับเคลื่อน อธรรม ก่อกรรมา(ปริเยศ=ที่รัก)

    ความยากจน ดลให้ ได้ลำบาก.................(ความ)โง่เขลายาก จักสาน การศึกษา
ไร้ความรู้ ความคิด อวิชชา..........................แรงกระสัน ตัณหา ทะลักจินต์

    เอาตัวยัง ไม่รอด ก็คลอดลูก....................ปล่อยปละถูก ทอดทิ้ง จมดิ่งสิ้น
สมองไร้ ปัญญา ทำ(มา)หากิน......................สู่วิถี ชีวิน ดั่งดินความ

    ไม่ควบคุม กายใจ ให้กำเนิด.....................ยิ่งเตลิด เกิดล้น จนลูกหลาม
ปราศจรรยา สั่งสอน ลูกย้อนทราม..................ดำเนินตาม ทุคติ ที่อับจน

    ส่วนคนดี มีธรรม นำจริต...........................ใคร่พินิจ คิดเลศ เหตุและผล
ตั้งใจเรียน เพียรรู้ พาสู่ตน.............................ไม่ปรารถนา ประจญ จน-ยากจร

    คอยสร้างเนื้อ สร้างตัว ครอบครัวต่าง...........มีลูกห่าง ลูกน้อย ร้อยสั่งสอน
ให้รู้ชั่ว รู้ดี ศีลาทร.......................................ไม่รีบร้อน มีลูก ผูกสัมพันธ์(ศีลาทร=ศีล+อาทร)

    ส่งผลให้ (คน)โง่-จน มีล้นโลก...................จิตโสโครก ชั่วช้า อธรรมฉันท์
ยิ่งดาษดา ยิ่งสดับ ยิ่งนับวัน...........................เพิ่มแพร่พันธุ์ โฉดเขลา เบาปัญญา

    (คน)ฉลาด-ดี มีน้อย คอยดูเถิด...................โลกจะเกิด วิกฤติ พิษโถมถา
ปัจจุบัน เริ่มเห็น เช่นอาชญา...........................สร้างปัญหา มาให้ ไม่หยุดเอยฯ

๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

ความดีมิต้องแข่งขัน : กลอนเจ็ด

                              ภาพจาก//https://www.pinterest.com/pin/511440101413353139/

ความดีมิต้องแข่งขัน : กลอนเจ็ด

   พากเพียร เรียนรู้ สู้ศึกษา..............หาก(หวัง)หา เลื่องชื่อ ลือสถาน
ที่เรียน ที่ล้ำ ที่ทำงาน.......................ที่สุข สำราญ ศานติ์ตอบแทน

    ต้องยื้อ ต้องแย่ง ต้องแข่งขัน..........ต้องฝ่า ต้องฟัน มุ่งมั่นแสน
ลำบาก ยากเข็ญ เย็นขาดแคลน...........(เพราะ)โลกแร้น ทรัพย์ไซร้ ไร้อุดม

    แต่การ ทำดี มิต้องแข่ง..................(มิ)ต้องแย่ง ต้องยื้อ หรือทับถม
ต่างคน ต่างทำ กรรมวิกรม..................ต่างสม ต่างสรร ตระการตา

    ความดี มีได้ ไม่สิ้นสุด....................มน มนุษย์ เมื่ออุตสาห์
ยิ่งเพียร ยิ่งเพิ่ม ยิ่งนำพา.....................โลกา ผาสุก ผูกนิรันดร์

    ฤดี ริเริ่ม ประเดิมศรัทธ์....................ปรมัตถ์ ปรัชญา ประภาผัน
เชื่อถือ ความดี มีศีลธรรม์.....................รังสรรค์ รังสฤษฏ์ เลิศสิทธา

    จะชั่ว จะดี จะวิเศษ.........................ก่อกรรม ตามเจต จำนงหา
สรรพะ กิจกรรม จำนรรจา.....................จิตเป็น หัวหน้า พาหันไป

    ฤดี พิลาส ปราศกิเลส......................มิเจต (ตะ)นา มุ่งสาไถย
มิหวัง มั่งดล ผลอันใด..........................มิใคร่ ขันแข่ง ย่อมแกร่งการ

    งดงาม ความดี บริสุทธิ์.....................ประดุจ น้ำค้าง พร่างพราวขาน
บรรลุ กุศล ดลบันดาล..........................สำเร็จ เสร็จศานติ์ สะคราญเอยฯ

๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ความชั่วครองชน : กลอนคติเตือนใจ



ความชั่วครองชน : กลอนคติเตือนใจ

   ความเห็นแต่ แก่ตน (ของ)คนหมู่มาก...............จะฉุดลาก จากสุข สู่ทุกข์เข็ญ
ทุจริต คิดโกง โจ่งแจ้งเจน.................................คือประเด็น เห็นราษฎร์-ชาติล่มจม

    ความโฉดร่ำ ธำรง วงการไหน.........................ย่อมหนีภัย ไม่พ้น มลทินถม
เมื่อความดี มิไตร(ไกร) หมายดั่งตม.....................อย่าหวังชม ชาติสวัส ดิวัฒนา

    หากมวลชน ล้นชั่ว ทั่วทั้งชาติ.........................อริราช ศัตรู กรูห้อมหา
ความอ่อนแอ แผ่คลุม รุมนครา.............................เพราะเอาแต่ แส่อัตตา ขาดสามัคคี

    ต่างมุ่งหา ความสบาย ใคร่คร้านเกียจ................งานชิงชัง บังเบียด เคร่งเครียดหนี
ต่างฟุ่มเฟือย เหนื่อยยาก ไม่อยากมี......................สะสมหนี้ สิตรม ล้มละลาย

    เมื่อความโลภ โอบรัด มนัสรน..........................แม้สมบัติ ชาติตน ก็ค้นขาย
กระทั่งชาติ ยังอาจพลี มิอับอาย............................เพราะแพ้พ่าย ให้มาร ด้านมืดมน

    ใจไม่ซื่อ ถือสัตย์ ขาดสุจริต.............................คอยแต่คิด ริษยา มนาฉล
ความใจแคบ จองหอง ลำพองตน..........................บังเกิดผล ท้นถา ทั้งธานี

    คนสามานย์ พาลใหญ่ ได้ตำแหน่ง.....................ย่อมไม่แบ่ง แยกธรรม นำหน้าที่
ถือเอาความ เคยชิน จินต์อัปรีย์..............................โฉดชั่วช้า กล้ากลี มิกลับกลาย

    ความเลวของ ผองคน ที่ล้นหลั่ง.........................มีพลัง ล้างผลาญ โอฬารหลาย
สร้างเคราะห์กรรม ส่ำสน วนวุ่นวาย.........................เปลี่ยนโลกปลาย เป็นนรก ตกตามเอยฯ

๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เป้าหมายที่ไปบวช : กลอนเจ็ด

                               ภาพจาก:https://www.pinterest.com/pin/511440101412817011/
เป้าหมายที่ไปบวช : กลอนเจ็ด

   ข่าวสาร คนไทย สนใจบวช..................จำอวด? จำใคร? ไหนสั่งสอน
บวชแก้ เคราะห์กรรม ตามราญรอน.............อ้อนวอน เจ้ากรรม อำนายเวร

    ญาติเจ็บ ป่วยไข้ ใจจะขาด...................ประกาศ บวชให้ หมายโรคเร้น
๓ วัน ๗ วัน บันดาลเป็น...........................บุญผล ดลเข็น เว้นเคราะห์กรรม

    แต่ไหน แต่ไร เพียงชายชาติ.................มุ่งมาด ปรารถนา ผ้าเหลืองล้ำ
บัดนี้ มีหญิง ทิ้งงานทำ.............................บวชพลี ชีพราหมณ์ ล้างกรรม-ซวย

    ไม่มี (พุทธ)วจนะ มาแต่ก่อน.................ใครสั่ง? ใครสอน? วอนสืบด้วย
พระเถร-เณร-ชี ที่อำนวย...........................ล้วนทวย บริษัท อลัชชี

    พุทธองค์ ทรงตรา ว่าการบวช................ยิ่งยวด กว้างขวาง ทางวิถี
สะดวก สบาย ใช้ชีวี.................................เพื่อลี้ กิเลส เฉทสิ้นไป

    บวชคอย เกียจคร้าน การปฏิบัติ..............บ่หัด ขัดเกลา เบาสาไถย
"โมฆะ บุรุษ" พุทธห่างไกล........................ทรงกำ ชับไว้ ในก่อนกาล

    (พุทธองค์)ไม่เคย ชวนมา บวชหาบุญ.......แต่หนุน กุศล พ้นสังสาร
เป้าหมาย ไปพบ พระนิพพาน.....................หาใช่ ล้างผลาญ ลาญบาปเวร(กรรมเก่า)

    ถ้าปราศ ศรัทธา อย่าไปบวช...................จำอวด จำไว้ ใช่เรื่องเล่น
เหมือนคน วิปริต คิดไม่เป็น.........................ยากเจน เย็นจิต สัมฤทธิ์เอยฯ

๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

พุทธทำนาย : กาพย์สุรางคนางค์๓๒



พุทธทำนาย : กาพย์สุรางคนางค์๓๒

   พุทธะ ทำนาย....................จดหมาย ลูกโซ่
ทำให้ คนโง่...........................โมหะ อ่อนไหว
พิมพ์เพิ่ม ๑,๐๐๐ แผ่น...............ล้าน-แสน รวยไว
ฉีกทิ้ง ทำให้...........................วอดวาย ตายฯลฯตรึง

    พิมพ์เพลิน เงินจ่าย..............ร้านถ่าย เอกสาร
วิชา สามานย์...........................สามัญ ซ่านซึ้ง
ฉีกทิ้ง มานาน..........................สงสาร คนซึ่ง
โง่เง่า เขลาคลึง........................อย่าพึง ถูกลวง

    พร่ำเพรียก เรียกหา................สามัญ สำนึก
จากคน จลตรึก..........................แต่กิ เลสล่วง
มิต่าง ถ่างตา............................มองนภา หาดวง
ตะวัน สรรสรวง..........................ณ ห้วง รัชนี

    ผู้ไม่ ศึกษา...........................สัมมา ศีลธรรม
สัญชาต ญาณค้ำ........................ครอบงำ วิถี
มืดมน ค้นคิด.............................ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี
ธรรมา พาที...............................ราคี ปะปน

    แม้นมาด ปรารถนา..................(มี)สามัญ สำนึก
จงตรอง จองตรึก........................ศึกษา กุศล
ศรัทธา ศีลธรรม..........................นำพา กมล
โฉดฉุด หลุดพ้น.........................สนธยา สามานย์

    คบหา คนดี............................มีศีล จินต์สัตย์
ฤดี พิพัฒน์.................................กาจแกร่ง แข็งขาน
พินิจ พิเคราะห์............................บ่มเพาะ ปัญญาญาณ
เท่าทัน สถานการณ์......................บ้านเมือง เนืองเทอญฯ

๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อยากอยู่ดีกินดี : กาพย์ฉบัง๑๖



อยากอยู่ดีกินดี : กาพย์ฉบัง๑๖

   เช้าชามเย็นชามทำงาน....................เป็นปรากฏการณ์
ของคนสาธารณ์ลานแผ่นดิน

    ค่าแรงมากมายใคร่ถวิล.................สุขีชีวิน
จินตนาอยากพ้นยากจน

    คิดแบบเด็กๆเล็กวน.................ขาดความอดทน
ดีแต่บ่นว่าข้าฯทรมาน

    ตั้งแต่ระดับบริหาร..................จนถึงนักการ(ภารโรง)
กระสันสบายไร้อุตสาห์

    ประสิทธิผลของงานผ่านมา..................ต่ำน้อยด้อยค่า
ผลิตภัณฑ์ฯประชาชาติ(GDP)ขาดแคลน

    ใช้จ่ายเกินตัวทั่วแดน.................หนี้ล้นพ้นแสน
แห่แหนหาขึ้นค่าแรง

    ถ้าหากอุรากล้าแกร่ง................ทำงานขันแข็ง
สุจริตจิตแจงสร้างสรรค์

    กุศลกลหลักผลักดัน...............วิถีชีวัน
จริยธรรม์จรรยาปรารมภ์

    ผลงานภัณฑ์ผลิตสิทธิ์สม................บรรลุอุดม
ย่อมรมย์รื่นชื่นมั่งมี

    ไม่แคล้วคลาดพลาดวิถี...............อยู่ดีกินดี
เป็นปกติสุขทุกคนเอยฯ

๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

โลกร้อนเพราะลัทธิก่อการร้าย : กาพย์ยานี๑๑



โลกร้อนเพราะลัทธิก่อการร้าย : กาพย์ยานี๑๑

   หน้าหนาว ที่เร่าร้อน.......................ไม่แพ้ผ่อน ตอนเมษาฯ
ลมสาย ไล้ลูบพา..............................หมู่เมฆา มหรรฆจร(มหรรฆ=มีค่ามาก)

    แดดจ้า นภจรัส.............................บรรยากาศ ประภัสสร
ที่พัก ที่สุนทร...................................นั่งหลบร้อน เย็นสบาย

    ข่าวสาร สถานการณ์โลก.................เริ่มชุ่มโชก ก่อการร้าย
กราดกรม คนล้มตาย...........................คือเป้าหมาย ปีศาจมาร

    อ้างว่า (ทำ)เพื่อพระเจ้า...................พันตูเข้า ประหัตประหาร
ทำลาย ให้แหลกลาญ..........................กลางสาธารณ์ สังหารชน

    เข่นฆ่า คิดอาฆาต...........................พยาบาท ประกาศหน
(จะ)จองล้าง จองผลาญจน...................ศัตรูป่น ปี้บรรลัย

    จองเวร เป็นพันธะ...........................แห่งโทสะ โกธะไส
พาสัตว์ พัดพาไป................................สู่ทุคติ นิรันดร

    ไตร่ตรอง ป้องกันตน........................ผองพาลล้น บนโลกร้อน
ดีกว่า การนิ่งนอน................................ให้บั่นทอน เบียดเบียนเรา

    ลัทธิ ก่อการร้าย..............................แพร่ขยาย อย่าได้เขลา
คืบหน้า มาใกล้เข้า...............................โลกร้อนเร่า รู้เท่าเทอญฯ

๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แบบฝึกหัดหัวใจ : กลอนหก



แบบฝึกหัดหัวใจ : กลอนหก

   แบบฝึกหัด พัฒนาจิต....................มุ่งประสิทธิ์ ผลพิษฐาน
สลัดทิ้ง สิ่งสามานย์...........................สะอาดสะอ้าน กานกมล

    เพ่งฤดี ดูกิเลส..............................อันเป็นเหตุ เจตน์อกุศล
สงบระงับ สดับดล..............................มลายพ้น ละมลทิน

    กุศลธรรม สิกำหนด........................ให้ปรากฏ ไม่หมดสิ้น
เจริญอุระ เจริญจินต์............................เป็นนิจสิน อินทรีย์ทรวง

    สิ่งมัวหมอง ส้องขจัด.......................ปฏิบัติ บรรลุล่วง
อย่าละเลย เผยทั้งปวง.........................หยุดแหนหวง ซ่อนลวงตา

    ทำหัวใจ ให้ตั้งมั่น...........................ศรัทธามั่น ธรรมหรรษา
ไม่หวั่นไหว ในมรรคา...........................แห่งพุทธา กระแสธาร

    มโนนำ มีสำนึก...............................สัจธรรมตรึก ผนึกต้าน
ปราศตัณหา อุปาทาน...........................อุระบาล ด้วยปัญญา

    แบบฝึกหัด พัฒนาให้.......................แกร่งหัวใจ ไกรหินผา
เผชิญโลก และโชคชะตา......................อย่างก้าวหน้า สบายใจ

    เป็นสุขี บ่มีทุกข์...............................ร้อนเร่ารุก ถูกดับไร้
เป็นชีวี ที่มีชัย......................................เหนือศึกใด ในโลกเอยฯ


๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ไม่บ้าบุญ : กลอนเจ็ด



ไม่บ้าบุญ : กลอนเจ็ด

   ทุกสิ่ง รอบข้าง ร่างกายเด็ก................ถูกเสก สรรลอง คือของเล่น
จิตใส วัยซน วนจัดเจน...........................แลเห็น อะไร ใช้เล่นชู

    เกษตร (ตระ)กร ย้อนแผ่นดิน...............ทำมา หากิน เหงื่อรินสู้
เปลี่ยนดิน บันดาล ธัญญาดู.....................พรั่งพรู ภัตรา เพื่อสาธารณ์

    พ่อค้า แม่ค้า นักธุรกิจ........................คอยคิด ค้าขาย กำไรขาน
กลยุทธ์ ฉกาจ ตลาดการ.........................หลากลาน สรรมา เพื่อหาเงิน

    ส่วนคน สาไถย ใจทุจริต.....................ตั้งจิต ตรองไตร่ ไม่เคอะเขิน
คดโกง คนอื่น รื่นเริงเพลิน.......................สรรเสริญ เลินร่า เลอค่ามี

    แปลงเหตุ ปัจจัย ให้เป็นคุณ.................เกื้อหนุน ปุญญา อุตส่าห์ศรี
คือกรรม์ ครรลอง ของคนดี.......................เมตตา ปราณี ปีติตน

   บาปไม่ กระทำ บำเพ็ญพรต...................หมดจด จรรยา มานะผล
ฝึกปรือ ฤดี นิรมล...................................เปรอปรน สัมมา ศีลธรรม

    บุญเล็ก บุญใหญ่ ไร้รังเกียจ..................ละเมียด ละไม ให้อุปถัมภ์
เมื่อทำ ไม่ได้ ไม่ระกำ..............................ทำได้ ค่อยทำ สำราญใจ

    จงอย่า บ้าบุญ ทารุณจิต.......................พินิจ โอกาส นิรัติศัย(นิรัติศัย=ประเสริฐยิ่ง)
ทำบุญ จนบ้า พาเภทภัย............................ทำใจ ให้เป็น เย็นอยู่เอยฯ

๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ทำอะไรไม่ได้? : กลอนสภาวะโลกร้อน




ทำอะไรไม่ได้? กลอนสภาวะโลกร้อน

   น้ำประปา ไม่ไหล แปลกใจจัง.................ทั้งที่ยัง ปลายฝน เริ่มต้นหนาว
ยามทิวา สะท้อน ร้อนเร่าราว.......................มิใช่(หน้า)หนาว แต่(หน้า)ร้อน แสนอ่อนทรวง

    ข่าวคืบหน้า สภา วะอากาศ.....................โลกร้อนปราด ปรี่ไว ภัยเภทล่วง
น้ำแข็งขั้ว โลกละลาย หากหายปวง..............เปลี่ยนเป็นน้ำ ทะเลท่วง ท่วมธานี

    ครึ่งทางของ ชีวิต(คน)ขีดจำกัด...............ปรากฏชัด หากโลก ร้อนกว่านี้
คนจะไม่ สามารถ ชีวาตม์มี..........................ปัถพี จะเป็น เช่นโลกันตร์

    บอกเล่าไป ไร้คน สนใจคิด......................(ยัง)ใช้ชีวิต เช่นเดิม เติมแต่งหรรษ์
ทำตามความ โง่เขลา มัวเมามัน.....................มิหวาดหวั่น อันตราย กรายย่างมา

    ข่าวคนบุก รุกป่า ดาหน้าตัด......................สารพัด อัตหิต ติดตัณหา(อัตหิต-=ประโยชน์ตน)
พลังงาน ผลาญใช้ ไร้ปัญญา.........................สำนึกว่า (กำลัง)ทำลาย โลกไตร่ตรอง

    ทำอะไร ไม่ได้ ถ้าใจคน............................ส่วนใหญ่ยัง กังวล เพียงผลผอง
ประโยชน์ตัว ส่วนตน จนลำพอง......................ผิดครรลอง คลองธรรม ที่จำเป็น

    วิกฤติแห่ง สภา วะโลกร้อน........................เริ่มสะท้อน เภทภัย ให้พบเห็น
หากผู้คน ส่วนใหญ่ ยังใจเย็น.........................จักลำเค็ญ เดือดร้อน ย้อนดำรง

    ทำอะไร ได้มาก หากร่วมกัน.......................ประชาสัมพันธ์ ผลร้าย เลิกใหลหลง
หยุดใช้-หยุด ล้างผลาญ ลาญป่าดง..................ก่อนเผ่าพงศ์ พินาศ โลกธาตุเทอญฯ

๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

ชี้โลกร้อนเพิ่มระดับน้ำทะเลเมืองใหญ่ทั่วโลก 

http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/673566

ครึ่งทางอันตราย ครึ่งทางของขีดจำกัดที่กระทบต่อทุกชีวิตบนโลก 
http://www.dailynews.co.th/foreign/359879

ธารน้ำแข็งกรีนแลยด์ ละลายเร็วขึ้น 3 เท่า
http://www.dailynews.co.th/foreign/360618

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

คนรักไม่ใช่.... : กลอนคติเตือนใจ



คนรักไม่ใช่.... : กลอนคติเตือนใจ

   สายลม พัดพา...................สายตา แลเหลียว เกลียวคลื่น
ละลอก ระรื่น..........................ละผืน แผ่นดิน ผินสวรรค์
หอมกลิ่น บุปผา......................สุคนธ์ พญา สัตตบรรณ
ณ ยาม สายัณห์......................รังสรรค์ ลางคน รนฤดี

    คนรัก ไม่ใช่........................ของให้ สะสม ยามว่าง
ทิ้งๆ ขว้างๆ.............................ทำอย่าง ร้างศักดิ์ หลักศรี
คนคือ ชีวิต.............................อย่าคิด อย่างไร้ ใยดี
กำสรด กดขี่...........................กรรมสิ คืนหา ปรารมภ์(กำสรด=เศร้า)

    มิใช่ ของเล่น.......................เช่นตุ๊กตา หา(มี)ความคิด
มีศักดิ์ มีสิทธิ์...........................เลือกกิจ เลือกกรรม ตามเหมาะสม
ทะยาน ฝันใฝ่.........................ได้(รับ)การ ยอมรับ กับสังคม
เป็นที่ ชื่นชม...........................นิยม ยกย่อง ของใครๆ

    มิใช่ ภาชนะ........................ที่ทิ้ง ขยะ ปฏิกูล
รองรับ ขับสูญ..........................อาดูร อารมณ์ ตรมให้
ทรงซึ่ง คุณค่า..........................ทรงเกียรติ กฤตยา ประไพ(กฤตยา=เกียรติ)
งานการ ขานไขว่.......................สรรค์สร้าง อย่างไม่ มารยา

    มองดู คนรัก.........................มองอย่าง จงรัก ภักดี
ให้ศักดิ์ ให้ศรี...........................ให้มี ความหวัง (ความ)เสน่หา
เสมอ เหมือนมิตร......................เสมอ ชีวิต พิจารณา
ผู้รู้ บูชา...................................ยกว่า ซื่อสัตย์ ปฏิบัติดีฯ

๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สมดุลดี-ชั่ว : กาพย์ยานี๑๑



สมดุลดี-ชั่ว : กาพย์ยานี๑๑

   ขุดบ่อ ก่อคันดิน...................ตั้งเจตจินต์ เก็บกักน้ำ
วิริยะ อุตส่าห์ทำ.......................ความมุ่งหมาย ให้น้ำมี

    (แต่)ตัดไม้ ทำลายป่า............ยังปรารถนา ไม่ละหนี
ป่าพร้อย ร่อยเหลือพี..................ปัถวี เสื่อมสมดุล

    ล้านบ่อ ต่อให้ขุด...................แต่ไม่หยุด ตัดป่าหนุน
ฝนไร้ ไม่มีทุน...........................น้ำหมุนเวียน อย่าเพียรพิศ

    หาญกล้า ถ้าตัวเรา.................มิโฉดเขลา มัวเมาผิด
ธรรมชู อยู่เนืองนิตย์....................สุจริต วิจิตรา

    ทำดี ดีย่อมได้........................นั่นมิใช่ เป็นสาสนา(สาสน์=คำสั่งสอน)
(หากแต่)กิจวัตร แห่งสัจจา...........ทุกชีวา ต้องประจญ

    จงกล้า จะก่อกรรม..................รักษ์ศีลธรรม ล้ำกุศล
ชีวิน แม้ดิ้นรน............................อย่าโฉดฉล เพื่อผลใด

    ก่อกรรม ทราม/ดีแส่................สนองแน่ เกินแก้ไข
จึงต้อง ตรึกตรองใจ.....................อย่าให้ล่วง ละเมิดธรรม

    ความชั่ว คือตัวซวย.................ความดีทวย ช่วยอุปถัมภ์
กิจก่อ บ่มเพาะกรรม....................คตินำ คำนึงเทอญฯ

๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

พื้นฐานของความสัมพันธ์ : กลอนเปล่า



พื้นฐานของความสัมพันธ์ : กลอนเปล่า

    คนอารมณ์ศิลป์ จึงมีจินตนาการสร้างสรรค์สวยงาม
คนปัญญาทราม ไม่อาจเห็นความลึกล้ำของหัวคิดคน(อื่น)
คนโฉดฉล มีสายตามืดมนจนไม่สามารถค้นพบคุณ-งามของความดี
คนราคะจัดบัดสี ย่อมยินดีแต่ในกามว่างามกระสัน

    โลกนี้มีคนหลายหลากประเภท
ปฏิเสธไม่ได้ว่า มากเหลือคณนามหาศาล
แค่ส่วนเล็กๆของจิตใจ ก็ทำเกิดความแตกต่างอย่างอลังการ
ผสมผสานหลายด้านเข้าไป ยิ่งทำให้กระจัดกระจายแยกย่อย

    แตกต่างทางความคิด ต้นเหตุแห่งการมีชีวิตที่ต่างแตก
ความรู้สึกแปลกแยก คอยแทรกสะกิดใจไม่เคยเสื่อมถอย
การคบหาปฏิสัมพันธ์ เป็นธรรมดาที่จะประสบกับการไม่ลงรอย
ค่านิยมที่สะสมมาทีละเล็กทีละน้อย
จะค่อยๆแบ่งแยก แปลกไปให้หัวใจห่างไกลกัน

    ยิ่งเมื่อเติมความยโสโอหัง ดันทุรังหลงผิด
เพิ่มความทุจริตจิตสาไถย ฤทัยเหิมฮึกหาญ
เสริมความชั่วช้าโฉดฉล เอ่อล้นกระมลสันดาน
ยิ่งยวดอัประมาณการ ทำลายความสัมพันธ์ให้ลาญบรรลัย

    ความเมตตาปราณีอารีเอื้อ
ความเชื่อต่อบุญกุศล ว่าเป็นมงคลอดิศัย
ความเชื่อกฎแห่งกรรม ถ้าหากกระทำอะไรลงไป
จะย้อนผลคืนตนได้
คือปัจจัยช่วยเชื่อมสมานสัมพันธ์อันดี

    การเว้นระยะห่าง ช่างเป็นสภาพที่มักมีให้เห็น
บ่อยครั้งยังจำเป็น เพื่อเร้นไกลจากคนสาไถยใคร่บัดสี
แต่เงื่อนไขใหญ่ เกิดจากหัวใจที่ไม่นิยมยินดี
จะคบหาคนที่ ไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน
หากประสบเข้ากับตัวในบางที ก็อย่าสิดำริคับแค้น
อย่าถือเป็นแก่นสาร แล้วจะได้พบพานชีวันสันติมีสุขเอยฯ  


๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ความดี คนดีจะเข้าใจง่าย : กลอนเจ็ด



ความดี คนดีจะเข้าใจง่าย : กลอนเจ็ด

    เฝ้ารอ สุระ แพร่ตระการ...................ทะยาน ผ่านฟ้า ณ ขอบโค้ง
ลำห้วย สวยระหาน ร่วมจรรโลง...............เชื่อมโยง แสงทอง ส่องอรุณ

    เมฆี สีชมพู ดูงามเด่น........................เหมือนเป็น ศิลปะ สนับสนุน
ให้ผู้ มีบาป กับมีบุญ..............................สมดุล สุนทรีย์ ปรีดิ์เปรมยล

    แต่ความ เป็นจริง ของสิ่งสัจ................ธรรมชาติ อัศจรรย์ บันดาลผล
มิอิ่ม เอมใจ ในหลากชน.........................แค่คน บางคน ยลชื่นเชย

    เสมือน ศีลธรรม คุณความดี.................คนที่ ชั่วถึก รู้สึกเฉย
มิเห็น เป็นคุณ สุนทรเคย.........................เอื้อนเอ่ย ให้ฟัง คิดชังชิง

    ส่วนคน มีใจ ใสพิสุทธิ์........................จะหยุด คิดตาม ธรรมาสิ่ง
เปลี่ยนแปลง จิตใจ ไม่ประวิง...................ยอดยิ่ง อริยะ มรรคาปอง

    ว่าง่าย สอนง่าย ไม่ต้านต่อ..................เกิดก่อ รมย์รื่น ชื่นสนอง
มิหวัง ตอบแทน แม้นเงินทอง...................จับจ้อง สุคติ นิตยา

    ปรมัตถ์ ปัจจัย ใครเข้าจิต?...................(บาง)คนอาจ คาดคิด พินิจว่า
(คือ)ความคิด เหลวไหล ไร้ปัญญา............คำสอน ศาสดา ที่บ้าบอ

    เชื่อถือ สิ่งของ จับต้องได้....................หลงใหล รูป-เสียง-สัมผัสฯลฯหนอ
 ลาภ-ยศ-สรรเสริญ-สุขเยินยอ..................ไม่รอ ชาติหน้า ว่าไม่มีฯ

๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ฤดูกาลแห่งชีวิต : กลอนเปล่า



ฤดูกาลแห่งชีวิต : กลอนเปล่า

    ชีวิตคน เหมือนเริ่มต้นจากฤดูร้อน
วัยเยาว์เว้าวอน ซอกซอนหาสารพันสิ่ง
แสวงหาวิชาความรู้ ความสุขสนุกอยู่ไม่หยุดนิ่ง
สะสม-บ่มเพาะทักษะความสามารถให้ยิ่ง
พร้อมวิ่งไล่เป้าหมายที่หัวใจใฝ่ฝัน

    วัยผู้ใหญ่ เปรียบได้ดั่งฤดูฝน
ถึงเวลาใช้ความรู้และสู้ทน
สร้างผลผลิตประดิษฐ์สรรค์
เป็นห้วงเวลาแห่งความสำเร็จ
ตั้งเจตนามุ่งหน้าและฝ่าฟัน
สั่งสมความอุดม ชมชื่นและเชื่อมั่น
ทะเยอทะยาน ผลักดันกันเรื่อยไป

    วัยชราคือเวลาของหน้าหนาว
หมดสิ้นความหนุ่มความสาว
สังขารเข้าสู่คราวร่วงโรยเรี่ยวแรงไร้
พยาธิเบียดเบียนเวียนลำบาก
ฉุดกระชากกำลังกาย ลากกำลังใจ
ความขาดพร่องของรายได้
เพิ่มความยากให้แก่การดำเนินชีวัน

    พึงเตรียมพร้อมในร้อนฤดู
เพื่อพรั่งพรูผล เมื่อฝนมาพลัน
สะสมความอุดม รมย์สร้างสรรค์
เผื่อเหมันต์จะสันติ แม้มีความแห้งแล้ง

    วัยเยาว์จงเฝ้าฝึกฝน(ความรู้ความสามารถ)
วัยผู้ใหญ่สร้างผลงาน การย์แข็งแกร่ง
วัยชราอย่าได้หน่ายแหนง
แทงตลอดสัจจาแห่งชีวาวารฯ

๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แหกกฎ : กลอนแปด



แหกกฎ : กลอนแปด

    ธรรมชาติ  ปัจจัย อยู่ในกฎ..................ที่กำหนด บทบาท บรรทัดฐาน
สร้างวิถี ชีวา และอาจาร...........................ระเบียบที่ บริบาล พานทั่วไป

    กฎระเบียบ เปรียบประดา ทั้งสากล..........ประสงค์ผล ดลสันติ นิรัติศัย(นิรัติศัย=ประเสริฐยิ่ง)
โดยเฉพาะ สังคม ประชาธิปไตย.................วางระเบียบ วินัย ไว้ป้องกัน

    สิ่งที่นำ ทำสู่ อุบัติเหตุ..........................อาชญา อาเพศ เฉทคับขัน
สร้าง(ความ)สะดวก สบาย ใช้ชีวัน...............อยู่ร่วมกัน อย่างไร ให้ร่มเย็น

    แต่บางครั้ง บางคน ซุกซนจิต.................บางคนสุด ทุจริต นิสัยเห็น
บางคนชอบ แหกกฎ จดจ่อเจน...................ระเบียบวินัย คล้ายเป็น คอกเข็ญจินต์

    กฎดีๆ มิได้ มีไว้แหก.............................จงจำแนก แจกแจง คลางแคลงสิ้น
มีประโยชน์ โปรดประชา เป็นอาจิณ..............อย่าถวิล ผินตาม อำเภอใจ

    "กรอบ"ปรากฏ อดสู ศัตรูจิต?..................ละเมิดสิทธิ์ เสรี ซะที่ไหน?
คนเราอยู่ ร่วมกัน สัมพันธ์ไกร......................ต้องถ้อยที ถ้อยอาศัย อดใจปอง

    (อาจมี)คนน่าชัง ตั้งกฎ เพื่อกดขี่..............ประเพณี ขี้ข้า น่าคับข้อง
ก่อนกระทำ ตามกฎ โปรดไตร่ตรอง...............ความถูกต้อง คล้องกรรม ธรรมอันดี

    ปราศประโยชน์ กฎใด ร่วมใจเลิก..............เพื่อชีวัน บานเบิก เพิกบัดสี
กฎ(ใด)สร้างความ ลำบาก-ยาก=ไม่ดี............ไม่ควรมี วิกฤติ ชีวิตเอยฯ

๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘