ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บัวพ้นน้ำ : โคลงสี่สุภาพ



บัวพ้นน้ำ : โคลงสี่สุภาพ

. วรรษายามยังห้วย..................ระหาน(วรรษา=ฤดูฝน)
แปลงเปลี่ยนปันกันดาร...............เหือดแห้ง
เป็นมหาชลธาร.........................ไหลเอ่อ
เท้อทุ่งนาบ่าแกล้ง-...................กลั่นให้สัยสง ?(สัยสง=สงสัย)

. บงกชบงการก้าน....................กอใบ(บงกช=บัว)
ยืดยาวเท่าชลาลัย......................ผิวพ้น
ดอกตูมซุ่มตามไตร.....................ผุดโผล่
โอ่บานสะคราญท้น.....................แดดท้าภมรถวาย ฯ

. ดอกบัวอยู่ใต้น้ำ......................เนืองนอง
โคลนขุ่นคล่ำลำคลอง.................แวดล้อม
ปูปลาเต่าหอยผอง......................กินกัด
เป็นเหยื่อสัตว์พยาธิห้อม...............ห่างไร้ประไพแสง ฯ

. โลกีย์แลดั่งน้ำ........................ลำธาร
บงกชกับนฤมาน.........................เปรียบได้(นฤ-=คน)
วิมุตติดุจบัวบาน..........................บังเกิด
ประเสริฐแสงสูรย์ไซร้...................หมายด้วยวิชชา ฯ

. โลกาคติส้อง...........................อกุศล
เจนจ่อมทุจริตคน.........................เกิดคุ้น
กิเลสตัณหาดล............................กรรมกิจ
ชีวิตชิดโฉดลุ้น............................ดี/ร้ายโชคชะตา ฯ

. อวิชชามนาล้น..........................มลทิน
โง่เขลาเมามัวจินต์........................หม่นไหม้
ทุกข์เข็ญคร่อมชีวิน.......................เคืองขัด
คงสัตว์สมบัติให้...........................ไม่รู้ชั่ว/ดี ฯ

. ดวงฤดีใดหลุดพ้น......................ตัณหา
ปราบกิเลสมารยา..........................ชั่วร้าย
หยุดกรรมบาปหยาบหนา.................สุจริต
ชีวิตพิสิฐคล้าย..............................บัวพ้นชลสินธุ์ ฯ(พิสิฐ=ประเสริฐ)

๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๗

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

จะหารักจากใครได้เท่านี้ ? กลอน



จะหารักจากใครได้เท่านี้ ? กลอน

๏  จะหาใคร ให้(ความ)รักเรา ได้เท่านี้ ?
มองจนทั่ว ชั่วชีวี ไม่มีหวัง
เหลือเพียงตน ที่รักตน ล้นพลัง
มิคิดฝัง หวัง(รัก)จากใคร ให้ท้อเอย ฯ

๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๗

* สุนัขอินเดียนั่งเฝ้าหลุมศพเจ้านายที่ตายด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์โดยไม่ไป ไหนตลอดเวลา 15 วัน และไม่ยอมกินข้าวหรือน้ำเลยแม้แต่น้อยถึงจะมีคนคอยเอามาให้ก็ตาม

คดจิต : กาพย์ฉบัง๑๖



คดจิต : กาพย์ฉบัง๑๖

    คนมากมายหมายหน้าตา..................ประวีณปริญญา(ประวีณ=ฉลาด)
ปรารถนาธนสารสมบัติ

    หลักเลือกคู่ครองตรองคัด.................มนาประหวัด
ยืนหยัดยึดตัดสินใจ

    ละเลยอุปนิสัย...............พฤติกรรมทำไกร
ว่าสำคัญไม่ใหลหลง

    จิตใจที่ไม่ซื่อตรง...............น้อมนำจำนง
ประสงค์แส่ทรามสาไถย

    ประสบปัญหาคราใด..............คดจิตคิดไคล
ตัดสินไปในทางฉ้อฉล

    ผู้ทุจริต(มักมี)จิตวิกล..............เล่ห์เหลี่ยมเปี่ยมล้น
เป็นคนไม่ซื่อถือสัตย์

    ก่อกรรมทำการชาญชัด..............วิถีปฏิบัติ
ถนัดในทางชั่วหมาย

    ก่อกรรมช่ำเวรมิเว้นวาย..............ทำตามสบาย
สร้างความเสียหายไว้เสมอ

    ดีกว่าถ้าไม่พบเจอ...............คบเห็นเป็นเกลอ
ขืนเผลอคงพลาดอนาถสูญ

    รังแต่จะพาอาดูร...............วิปริตพิศพูน
อย่าเทิดทูนจำรูญจินต์

    โทษทวีมิสุดหยุดสิ้น...........ชีพพานวารภินท์(ภินท์=ทำลาย)
(หาก)สุขถวิล(จง)ผินหลังให้เทอญ ฯ

๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ชีวิตต้องสู้ : กาพย์สุรางคนางค์๓๒



ชีวิตต้องสู้ : กาพย์สุรางคนางค์๓๒

    นาดำ ทำไว้....................ครั้นไร้ ฝนตก
หญ้าดื่น ขึ้นดก....................รกล้น ต้นข้าว
ต้องตาม ทึ้งถอน..................แต่ก่อน ย้อนคราว
เดี๋ยวนี้ สิก้าว-......................หน้าเฝ้า ฉีดยา(ฆ่าหญ้า)

    หญ้าแต่ ละอย่าง..............ก็ต่าง ยื้อแย่ง
รากทอด ยอดแทง................แดดแสง แสวงหา
ออกดอก ก่อนข้าว................เมล็ดก้าว ไกลกว่า
แพร่พันธุ์ ทั่วหล้า..................ทายท้า น่าดู

    ไม่มี ที่ซ่อน.....................เพื่อคน อ่อนแอ
โลกนี้ มีแค่..........................ที่ให้ นักสู้
ได้สุข ได้ชื่น........................ได้ยืน ได้อยู่
จงเร่ง เรียนรู้........................อย่านิ่ง ดูดาย

    ใจเด่น เป็นใหญ่................ใจเป็น หัวหน้า
กิจกรรม นำพา......................สำเร็จ เสร็จหมาย
หากใจ ไม่สู้..........................(ย่อม)เป็นผู้ แพ้พ่าย
โลกจะ ใจร้าย........................ไม่มี เมตตา

    อยากอยู่ เป็นสุข.................จงปลุก เร้าใจ
ฝ่าฟัน ดั้นไป..........................ไม่รอ วาสนา
โลกปราศ ราชรถ.....................จรบถ จรดหน้า
เพียงมี พิริยา..........................พาสม ภิรมย์เอย ฯ

๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557

จิตใจช่างดั่งผิวดิน : กาพย์ยานี๑๑



จิตใจช่างดั่งผิวดิน : กาพย์ยานี๑๑

    เมฆคล้ำ นำฝนครา............โปรยลงมา ณ ไพรสัณฑ์
ฤทธี ชุบชีวัน........................ชวนพฤกษ์พันธุ์ ชื่นบานเพรียง

    น้ำใส ลูบใบกิ่ง..................สุธาสิ่ง อย่างยิ่งเยี่ยง(สุธา=น้ำอมฤต)
อัจฉรา ขจีเมียง.....................พิไลเรียง พนาราม(อัจฉรา=ชั่วพริบตา,พนาราม=ป่าอันรื่นรมย์)

    หยาดน้ำ ย่อมต่ำตก............ธรรมอุทก ยากยกห้าม
ภูผา พยายาม........................ฝ่าฟันข้าม มินำพา

    มวลน้ำ เมื่อไหลนอง............ลงลำคลอง รองวัสสา
รวมแคว แลคณนา...................เป็นมหา ชลาลัย

    ผิวดิน ที่ผ่านดล..................น้ำขุ่นข้น มลทรามไส
เศษขยะ คละเคล้าไคล.............ลอยให้เห็น เป็นปฏิกูล

    เฉกเช่น เห็นชีวัน.................กระเสือกกระสัน ไร้กาลสูญ
สักขี ทวีคูณ............................พูนพอกฉล เพิ่มมลทิน

    เมื่อเยาว์ มิเท่าไร.................ยิ่งเติบใหญ่ ยิ่งใจหิน(หิน=เลวทรามต่ำช้า)
หยาบช้า ล้นราคิน....................ดั่งผิวดิน จินตนา

    ดวงฤดี บริสุทธิ์....................น้ำฝนดุจ สุดยากหา
แก่เฒ่า เก่าชรา........................ปานปฏิกูล สถุลกอง ฯ

๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๗

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557

อย่าลืม : กลอนหก



อย่าลืม : กลอนหก

    อย่าลืมเถิด เราเกิดมา................บนโลกา ที่ขัดสน
ทรัพยา(กร)น้อยกว่าคน..................จนอดตาย หลาย(แสนคน)ทุกวัน

    จำเป็นต้อง ทำงานหนัก..............อย่าเล่นภักดิ์ รักผ่อนผัน
เก็บออมเผื่อ ชีพเชื่อมั่น..................(ว่าจะ)ไม่โศกศัลย์ ยามบั้นปลาย

    อย่าลืมว่า อนิจจัง......................ยากหยุดยั้ง สร้างเสียหาย
อุตส่าห์หา อาจ มลาย.....................จรจากกราย คลายอัตตา

    อย่ามองแต่ ในแง่ลบ..................แง่บวกขบ พบคุณค่า
ใช้สติ ผลิปัญญา............................อาจพัฒนา สถาพร

    จงเตือนตน กมลอย่า...................ลืมสภา วะโลกร้อน
หายนะจริง หากนิ่งนอน....................เภทภัยย้อน ยากอยู่เย็น

    ร่วมลดใช้ พลังงาน......................บริโภคผลาญ ครรลองเข็ญ
สินค้าใด ไม่จำเป็น...........................จงงดเว้น เจนจิตใจ

    อย่าโลภมาก อยากไปหมด............ตัณหาลด จักสดใส
ลดก่อเวร เป็นบันได..........................หยุดเวียนว่าย ในวัฏฏ์วน

    ลืมหรือไม่ ? ใครเกิดมา..................ล้วนมรณา ชีพาพ้น
เพียงเวรกรรม ตามติดตน....................ไปประจญ ผลกรรมเอย ฯ

๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ประกันความสุข : กลอนเจ็ด



ประกันความสุข : กลอนเจ็ด

    ฝนไม่ ตกมา กว่าสิบวัน..................เขียดยัง แข็งขัน ขยันร้อง
เป้าหมาย มุ่งสู่ หาคู่ครอง...................สร้างผอง เผ่าพันธุ์ สานสืบไป

    ราตรี มีดาว สกาวส่อง....................ทั่วท้อง นภา สุกไสว
หนุ่มสาว เฝ้าชม ชโลมฤทัย.................ชาวนา หวั่นใจ ไม่ยินดี

    พระพาย ไม่พัด พนัสนิ่ง..................หรีดหริ่ง เรไร ระริกระรี้
ครื้นเครง เพลงพ้อง ซ้องพงพี...............ให้มี สันติ อภิรมย์

    ศีลธรรม นำพา ชีวาสงบ...................แม้พบ อุปสรรค หนักหนาสม
สุจริต ฤทธิไกร ใจวิกรม........................อุดม เดโช โอ่ฝ่าฟัน(วิกรม=เก่งกล้า)

    สติ เท่าทัน ครรลองสัจ.....................ธรรมวัตร อัชฌา พาสุขสันติ์
แม้ครา ป่วยไข้ ไตร่ตรองธรรม์................เหมือนยา สวรรค์ พยาบาลยล

    วิถี ชีวิต คิดคล้ายหนัก......................วิถี อริยมรรค พิทักษ์พ้น
ละบาป หยาบช้า สถาน์ถกล...................บรรลุ กุศล พิมลมัย

    มีเรื่อง ทุกข์ร้อน บั่นทอนจิต...............การคิด โศกเศร้า เท่าเพิ่มให้
คติธรรม์ บันเทิง เถกิงไท.......................กายใจ ไกรแกร่ง แข็งแรงมี

    ทรามแส่ แก้ไข ใช่ทางออก................ทุกข์(ใจ)ทำ ช้ำชอก ยอกย้อนชี้
ศีลธรรม สัมมา=สุขาวดี.........................สุขี ชีวัน (รับ)ประกันเอย ฯ

๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

อนิจลักษณะ : กลอนคติชีวิต



อนิจลักษณะ : กลอนคติชีวิต

    ฟ้าร้อง คำราม................ปลุกฉัน จากความ สงบ
ตื่นขึ้น มาพบ......................ประสบ พิเศษ อุษา
อากาศ อบอ้าว....................ครึ้มราว คราวไร้ สุริยา
เมฆครอง คคนา...................แปลกตา ไปกว่า ทุกวัน(คคนะ=ฟ้า)

    สักครู่ พรูฝน....................ระคน ฟ้าร่ำ คำราม
สมวัส สะยาม.......................สร้างความ ชุ่มชื้น รื่นหรรษ์(วัสสะ=ฤดูฝน)
พิรุณ รวยริน.........................แผ่นดิน พิไล ไพรวัน
น้ำนอง ครองครัน..................แปรผัน บันดล ปรนเปรอ

    ชะตา ชีวิต.......................มักเกิน คาดคิด ล่วงหน้า
คืนวัน เวลา..........................แปลงเปลี่ยน ไปมา เสมอ
พบพาน วันนี้........................พรุ่งนี้ อาจมิ ได้เจอ
ตั้งใจ ไว้เกร่อ........................กลับกลาย ละเมอ เพ้อพก

    เรื่องไม่ คาดฝัน.................คือครร ลองของ ชีวิต
สัจจะ อนิจ............................นิรมิต ดั่งว่า โกหก
รักดี ทำดี..............................มีทาง สร้างฐา นะยก
ทำชั่ว ตัวตก..........................ลงสู่ นรก อเวจี

    บุญทาน กาลเก่า.................ทำเรา เป็นสุข ทุกข์สิ้น
เปรมปรีดิ์ ชีวิน........................กิน-อยู่ อุดม สมศรี
เวรกรรม ทำก่อน.....................คืนย้อน สะท้อน โศกี
ลำเค็ญ เป็นมี.........................สุดที่ จะแก้ แคะไคล

    ฝนตก ไม่นาน....................ชัชวาล ซ่านศรี สุริยน
สัตว์เริ่ม ดิ้นรน.........................ประจญ ชีวิน กินหา
มิควร ประมาท.........................ธรรมชาติ นิมิต อนิจจา
ใครรู้ ล่วงหน้า..........................มรณา มาพันธ์ วันใด ?

๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ประเทศที่มีแต่ปัญหา : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



ประเทศที่มีแต่ปัญหา : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    .............................ประชา ทั้งหลาย
ชื่นชม งมมาย...............หลงใหล ไสยศาสตร์
เกียจคร้าน งานทำ.........ช่ำเล่น เช่นราช
ตามใจ ไม่ขาด..............ปราศระเบียบ วินัย

    .............................เด็กไร้ ใฝ่เรียน
กำหนัด หัดเพียร............ชั่วช้า สาไถย
น้อยนัก รักดี..................มากมี จัญไร
ครูก็ พอใจ....................ใคร่สุข แต่ตน

    ..............................สิ่งชั่ว ยั่วยุ
แพร่หลาย ผายลุ............ล่วงหา อกุศล
แหล่งอบาย (ยะ)มุข........คลุกไคล้ ใกล้คน(ไคล้=เล่ห์กล)
ทุกท้อง ถนน.................ล่อรน สนใจ

    ...............................ทุจริต วิถี
ปานประ เพณี.................ไม่ว่า ที่ไหน
ข้าราช (ชะ)การ..............ชำนาญ ชาญชัย
เอกชน กลไก..................ชอบใช้ ใฝ่เชียร(เชียร=เก่ง)

    ................................การเมือง เฟื่องฟุ้ง
คนชั่ว มั่วมุ่ง....................ทุจริต คิดเพี้ยน
โฉดฉ้อ บริหาร.................สามานย์ สานเวียน
อัปรีย์ มิเปลี่ยน.................ผลาญเหี้ยน แผ่นดิน

    .................................กระบวนการ ยุติธรรม
ขาดความ เป็นธรรม...........ระยำ ทรามวิ่น
เงินนำ อำนาจ...................สามารถ ตัดสิน
ขาว-ดำ ตามจินต์...............ระบิล บรรลัย

    ..................................สิ่งแวด ล้อมเล่า
ทำลาย กันเข้า...................คิดเอา แต่ได้
บุกรุก ป่าสงวน...................ทั่วถ้วน กันใหญ่
ตะกลาม ตามใจ..................สร้างภัย ร้ายพี

    ..................................สารพัน ปัญหา
เหลือการ พรรณนา..............ในประ เทศนี้
หนทาง แก้ไข.....................ยังไร้ ไม่มี
ทุกวัน ทวี..........................กลียุค ทุกข์เอย ฯ

๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๗

วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ทำบุญวันเกิด : โคลงสี่สุภาพ



ทำบุญวันเกิด : โคลงสี่สุภาพ

. มาลัยมะลิร้อย.................รวม รตี(รตี=ความยินดี)
สุดเท่าฝีมือมี.....................มุ่งน้อม
บรรจงจัดมนัสพลี................พิเศษ
ประเวศวิสุทธิ์ค้อม...............เตรียมพร้อมถวายทาน ฯ(ประเวศ=การเข้าสู่)

. วันเกิดตื่นแต่เช้า..............ใส่บาตร
กล่อมเกลาใจใสสะอาด.........ผ่องแผ้ว
สำนึกตรึกตรองปราศ.............ทุจริต
ศีลสถิตจริตแล้ว...................แกร่งแกล้วกำจร ฯ

. อาวรณ์กรกราบไหว้...........ปฏิมา
วิมุตพุทธบูชา.......................ดอกไม้
มาลัยที่วิริยา........................ประดิษฐ์
พิสิฐพิษฐานให้....................ขอข้าสมหวัง ฯ(พิสิฐ=ประเสริฐ)

. การยังชีพอย่าแคล้ว...........มั่นคง
เกริกกิจวิทยาจง....................ก้าวหน้า
มิลำบากยากทรง...................สำเร็จ
เผด็จอุปสรรคกล้า..................ดั่งฟ้าชัชวาล ฯ

. โรคาพยาธิไร้.....................รบกวน
สติปัญญาครวญ.....................คิดเคื้อ
ผิวพรรณสะคราญนวล..............ผุดผ่อง
ประคองชนม์ดลเกื้อ.................แด่หล้ารังสรรค์ ฯ

. ภยันตรายอย่าได้..................คุกคาม
มีชื่อเสียงเรียงนาม...................โลกรู้
ลาภยศศักดิ์สิริงาม...................สูงส่ง
ธำรงความเป็นผู้.......................เพียบพร้อมคุณา ฯ

. ยังประโยชน์เลิศล้ำ................ธรรมผล
คู่ควรความเป็นคน.....................เกิดแล้ว
มิหลงสู่อกุศล...........................มลบาป
ปราบกิเลสอุจเฉทแคล้ว..............ล่วงพ้องนิพพาน ฯ(อุจเฉท=ขาดสูญ)

๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557

พักกายใจให้สงบ : กลอนแปด



พักกายใจให้สงบ : กลอนแปด

    สุริยา ลาลับ กับยอดไม้...................สนธยา มาย้าย ไล่แสงสูรย์
ดาริกา ดารดาษ กลาดเกลื่อนกูล...........บริบูรณ์ ทูนทัศน์ รัตติกาล์

    กว่าสิบคืน สิบวัน กันดารฝน.............ป่าแห้งย้อน ร้อนยล รนผัสสา
ไร้สัญญาณ ครรลอง ของเมฆา..............อนิจจา นาข้าว เริ่มร้าวราน

    การเมืองกรุ่น วุ่นวาย กลายสงบ.........ถูกสยบ ตบเท้า โดยเหล่าทหาร
เหมือนหญ้าถูก หินทับ กลับทนทาน........รอคอยวาร หินพ้น โผนพลุ่งพี

    เศรษฐกิจ ทิศทาง ลางเลือนถ่อ..........การเมืองก่อ ทุจริต ผลิตหนี้
สถานการณ์ นั้นดู ไม่สู้ดี........................ประชาชี หนี้หลาย ไร้เงินออม

    สภาวะ โลกร้อน ซ้อนวิกฤติ................โรคระบาด อนาถพิษ ภัยปิดล้อม
ธรรมชาติ บัดนี้ กาลีกรอม......................(เพราะ)คนไม่ยอม อภิบาล (จึง)พานภยา(ภย-=ภัย)

  ข้อสารพัด ขัดสน กังวลจิต..................ต้องหยุดคิด เข้านอน พักผ่อนหนา
การรู้จัก หลักกรรม เวล่ำเวลา...................เป็นกุศลา ประเสริฐ ล้ำเลิศแล

    นอนเพียงพอ ก่อให้ กายแข็งแกร่ง........เกิดเรี่ยวแรง กำจัด วัฏฏ์กระแส
จิตธำรง คงมั่น มิผันแปร..........................ยากพ่ายแพ้ แก่กิเลส เจตจำเนียน

    ปลงปล่อยสุข-ทุกข์สิ่ง ทิ้งทุกอย่าง........ละ-เลิก-วาง ล้างคิด ประดิษฐ์เขียน
สู่ห้วงแห่ง นิทรา สงบเธียร.......................ท่องภวังค์ พร่างเพียร พิเชียรเอย ฯ

๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ชายสามโบสถ์หญิงสามผัว : กาพย์ยานี ๑๑



ชายสามโบสถ์หญิงสามผัว : กาพย์ยานี ๑๑

    ปราชญ์สอน ย้อนโบราณ.............ก่อนแต่งงาน (ให้)เบิ่งตาสอง(ข้างให้กว้าง)
(หา)ดี/ชั่ว ทั่วคู่จอง........................ค่อยจักครอง เป็นคู่จำ

    แต่งกัน(แล้ว)ขันแข็งจิต..............(ตา)หนึ่งข้างปิด พินิจล้ำ
(ข้อ)บกพร่อง คู่ครองพรำ................จำนนนำ มองข้ามไป

    (การ)จับผิด เรื่องนิดน้อย.............จะเพิ่มพร้อย เป็นเรื่องใหญ่
ความรัก จักพิลัย............................เยื่อใยขาด ปราศพิพัฒน์(พิลัย=การสลาย)

    (โบราณ)ว่าไว้ ชายสามโบสถ์.......ลักษณะโฉด โทษสมบัติ
(สะท้อนถึง)จิตใจ ไม่แน่ชัด..............มั่นคงขาด อนาถครอง

    สามผัว หญิงชั่วช้า......................อย่าสู่หา มาร่วมห้อง
ชายใด ไปเกี่ยวดอง........................จักข้องขัด พิบัติภัย

    หญิงชาย สมัยนี้.........................ดูไม่ดี ริสาไถย
คบกัน กระสันไว.............................พร้อมพลีกาย ใคร่อยู่กิน

    ไม่แต่ง มิต่างแต่ง.......................ตลบตะแลง เสแสร้งลิ้น
มารยา จนชาชิน.............................หลากราคิน ล้นจินดา

    หลายรัก ไร้ภักดี.........................ลักลอบมี สิเน่หา
คบชู้ สู่กามา..................................ประหนึ่งว่า (เป็น)ค่านิยม

    เลิกเก่า เร่ารักใหม่.......................นับไม่ไหว เพียงไรสม
หลายสิบ พริบตาชม........................อย่าปรารมภ์ พรมรักเอย ฯ

๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๗

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ปัดกวาดใจให้สะอาด : กาพย์ฉบัง๑๖



ปัดกวาดใจให้สะอาด : กาพย์ฉบัง๑๖

    ความมีสัมมาทิฏฐิ.................ศีลธรรมดำริ
(คือ)ศุภโภคโชคดีหาที่ไหน

    สามารถขัดเกลาจิตใจ................ความคิดนิสัย
ไคลทุจริตสัมฤทธิ์ผล

    เอาชนะกิเลสเฉทพ้น...............พรากจากใจตน
เก่งกว่าชนะคนพลแสน

    ความพยาบาทอาฆาตแค้น.................สุขไสไร้แร้น
มาดแม้นดวงใจโดนไฟเผา

    ละโมบโลภมากอยากเอา................มาเป็นของเรา
ได้เท่าไรไม่เคยพอ

    คือความอดอยากมากหนอ..................ปานเปรตเจตรอ
คอยขอส่วนบุญสุนทาน

    อวิชชาประหัตประหาร.................จรจากดักดาน
จึงเกิดปัญญาวราศัย(วร+อาศัย)

    เว้นการเบียดเบียนเตียนไตร...............ประจักษ์จิตใจ
สุกไสวไคลความเป็นสัตว์

    แผ้วถางความโฉดคดชัฏ...............ซื่อตรงทรงสัตย์
รู้สึก(ถึงความ)สะอาดพิพัฒน์แพร้ว

    ชีวิตพิศเพราวาวแวว................อุระกล้าแกล้ว
คลาดแคล้วทุกข์โศกนรกเอย ฯ

๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ทำมาหากิน : กาพย์ยานี ๑๑



ทำมาหากิน : กาพย์ยานี ๑๑

    เมืองไทย สมัยก่อน................(คน)กว่าครึ่งค่อน ขาด(การ)ศึกษา
แปลกดี (กลับ)มีปัญญา...............เลี้ยงชีวา ทำ(มา)หากิน

    พ่อแม่ ครั้งแต่เก่า...................มิฟูมเฝ้า เอาใจสิ้น
ผู้เฒ่า เล่าให้ยิน.........................เล่นกับดิน กินกับทราย

    ใช้ลูก ช่วยทำงาน...................กิจในบ้าน การขวนขวาย
ลูกสาว เข้าครัวดาย.....................ส่วนลูกชาย (งาน)ใช้กำลัง(ดาย=ถ่ายเดียว)

    วิถี กสิกรรม............................ต้องตรากตรำ มิหยุดยั้ง
หากใคร ไม่จริงจัง........................(จะ)ถูกชิงชัง จากสังคม

    น้อยมี คนขี้เกียจ......................ไม่เคร่งเครียด คิดขื่นขม
ทำนา ฝ่าโคลนตม........................ผิวคล้ำ=คม รมย์ฤดี

    คิดไป คล้ายโฉ่ฉาว...................มองหนุ่มสาว สมัยนี้
เรียนไป (ความ)รู้ไม่มี.....................ใคร่ขี้เกียจ เดียดงานการ

    อยากอยู่ อย่างสบาย..................มีเงินใช้ ไม่สะท้าน
ปราศทุกข์ สุขสำราญ.....................(โดย)ไม่บากบั่น ขันแข็งหา

    หมายทั่ว ผัวหล่อ+รวย...............เมียสาวสวย รวยล้นฟ้า
จิตพาล ขาดปัญญา........................ไม่ประสา หากินเอย ฯ

๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ธรรมชาติช่างน่าอัศจรรย์ : กลอนคติเตือนใจ



ธรรมชาติช่างน่าอัศจรรย์ : กลอนคติเตือนใจ

    เพิ่งย่าง ข้างแรม.................อรุณแจ่ม จรัสสว่าง
เดือนคล้อย ลอยคว้าง..............ณ ต้นทาง ทิศปัจฉิม
อาทิตย์ อ่อนโยน.....................โดนหมอกพราง ลางเลือนพิมพ์
ขอบฟ้า ขยิ่ม..........................ดั่งอิ่มเอม เปรมปรีดา

    (ยาม)สายร่ำ สายลม............พัดแพร่พรม ชโลมพิศ
พนัส พิจิตร.............................ประสิทธิ์เสียง เพรียงพฤกษา
บรรเลง เพลงร้อง.....................ดังแซ่ซ้อง ก้องกัษณา(กัษณ=ขณะ)
ภิรมย์ สมญา...........................ธรรมชาติช่างน่า อัศจรรย์

    คือสัจ ทัศนีย์.......................เหนือสิ่งที่ คนเคยสร้าง
พิมล ผลพร่าง..........................เยื้องเหยาะย่าง แต่(ในความ)หวัง-ฝัน
สิ่งที่ คนทำ.............................ฤาเลิศล้ำ แลสำคัญ ?
(เช่น)ยกกร่าง อ้างกัน................ดั่งคนนั้น ปาน อมร

    แค่จิต นิสัย..........................ของคนไซร้ ยังไม่อาจ
สลัด ปัดกวาด...........................ให้พิลาส ปราศทุกข์ร้อน
แค่การ กระทำ...........................ก็เสื่อมซ้ำ ต่ำทรามซอน
หยาบช้า อาทร..........................(ตัว)ตนกัดกร่อน บ่อนทำลาย

    ธรรมชาติ ของชน...................ดูมืดมน รนทุจริต
ชักพา ชีวิต................................สู่วิกฤติ ชิดฉิบหาย
สำทับ ซับซ้อน...........................รุ่นเก่าก่อน รอนดับตาย
รุ่นใหม่ มิวาย..............................ระหายย่ำ ซ้ำรอยเดิม ฯ

๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557

หยุดเวียนว่ายในวัฏฏะ : กลอนหก



หยุดเวียนว่ายในวัฏฏะ : กลอนหก

    ผู้เห็นภัย ในวัฏฏะ................อนิจจะ ทุกขะสังค์(สังค์=การติดอยู่)
อนัตตะ สัจจะดัง......................เหตุหาทาง ยั้งหยุดวน

    เวียนเกิดแก่ แลเจ็บตาย........น่าเบื่อหน่าย ไร้เหตุผล
ภพชาติตรำ ลำเค็ญตน..............เพื่อพิมล ผลอันใด ?

    สิ่งประดัง ซ่านสังคม.............หลากโสมม สั่งสมไส
สุมเทวษ เพาะเภทภัย...............อย่างมากมาย ในแต่ละวัน

    หนทางแคบ แทบตันตีบ........ดำรงชีพ ช่างบีบคั้น
ขาดความดี มีศีลธรรม์...............ขับเคลื่อนดัน สรรค์โลกา

    จึงจำต้อง ประคองใจ............หยุดหวั่นไหว ไคลตัณหา
ความอยากไซร้ ได้แต่พา...........แผ่ทุกขา (จง)กั้นอาวรณ์

    ละยึดมั่น แลถือมั่น...............คว้าเหตุการณ์ (คือ)ครรลองสอน
เมื่อ(เกิด)เป็นจริง จงนิ่งนอน.......อย่าเดือดร้อน คลอนแคลนไคล

    เลิกก่อกรรม กระทำเวร..........บุญบำเพ็ญ เป็นพิสัย
สุจริตธรรม นำจิตใจ..................ขัดเกลาให้ ประไพเพียร

    ชดใช้กรรม แต่กาลเก่า..........มิโศกเศร้า รวดร้าวเศียร
วันข้างหน้า จะจำเนียร...............หยุดว่ายเวียน เหี้ยนวัฏฏ์เอย ฯ

๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๗

วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557

แม่..คนเก่ง : กาพย์สุรางคนางค์๓๒



แม่..คนเก่ง : กาพย์สุรางคนางค์๓๒

    เมื่อคน หนึ่งคน.................ประจญ ชีวิต
ลองถูก ลองผิด.....................คิดตรึก ศึกษา
ปรับตัว แก้ไข........................ตั้งใจ พัฒนา
ทุ่มเท อุรา............................วิริยะ ฝ่าฟัน

    กว่าจะ ประสบ...................พบความ สำเร็จ
แสนเหนื่อย เมื่อยเหน็ด...........จึงเผด็จ ความฝัน
เชิดหน้า ชูตา........................เมื่อคว้า รางวัล
ภาคภูมิ ใจพลัน.....................ฉันสา มารถมี

    ความจริง คงคู่...................คนอยู่ เบื้องหลัง
ผู้ให้ พลัง.............................ยามพลั้ง โศกศรี
คอยแนะ แนวทาง..................เสริมสร้าง วิธี
ปลุกปลอบ ฤดี.......................คราที่ ทุกข์ตรม

    คือแม่ แลเฝ้า.....................ดูเรา เติบใหญ่
ตามเอา  ใจใส่........................มิให้ ขื่นขม
ผลักดัน เดินหน้า.....................แกร่งกล้า วิกรม
และคอย ชื่นชม.......................นิยม บูชา

    ใครจะ ดูถูก.........................ลูกแม่ ก็ตาม
แม่จะ พยายาม.........................นำให้ ก้าวหน้า
โลกอาจ ทิ้งเจ้า........................นั่งเศร้า โศกา
แต่แม่ จะมา.............................เช็ดน้ำตา ให้เอง

    คือคน เป็นแม่.......................แน่แท้ คุณวุฒิ
ผู้เป็น ที่สุด...............................สามารถ กาจเก่ง
เหนื่อยยาก เพียงใด...................แม่ไม่ ยำเกรง
จำเนียร เพียร-เพ่ง......................เร่งร่ำ ดำเนิน

    คือความ สำเร็จ......................ของหน้า ที่แม่
มิควร มองแต่.............................แค่เพียง ผิวเผิน
แม่คือ ผู้ให้................................ใครอาจ กล้ำเกิน
เพื่อลูก เผชิญ.............................เพลินมี ชีวา

    บูชา พระคุณ...........................การุญ ของแม่
หยุดเขลา เมาแส่..........................สุขตน ค้นหา
จงมี ศีลธรรม...............................กุศลกรรม สัมมา
กตเว ทิตา...................................พาท่าน สุขเทอญ ฯ

๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557

รักมั่นนิรันดร : กลอนรัก(กาพย์ยานี๑๑)



รักมั่นนิรันดร : กลอนรัก(กาพย์ยานี๑๑)

    ฟ้าใส เมื่อไร้เมฆ..................รจเรข เสกรังสรรค์
(เพียง)สีฟ้า ประภาพรรณ...........สุริยัน จรัล รอง

    ฟ้า(สี)คราม งามพิสุทธิ์..........เปรียบประดุจ รักเราสอง
เพียงเรา เท่านั้นปอง..................มิจับจ้อง ผองผู้ใด

    มั่นแท้ ดูแลรัก......................แม้จะหนัก สักแค่ไหน
เอาใจ คอยใส่ใจ........................มิทำร้าย ดวงใจกัน

    บ่อยครั้ง คราห่างเหิน..............ต้องเผชิญ อุปสรรคผัน
จิตใจ บ่ไหวหวั่น........................ยังยึดมั่น ครรลองมี

    เรียบราบ ใช่ฉาบฉวย..............รักสุกสวย ฉลวยศรี
งดงาม เพราะความดี..................ใสพิสุทธิ์ พุฒิธรรม(พุฒิ=ความเจริญ)

    เมื่อใจ ไร้มารยา.....................ปรารถนา คอยอุปถัมภ์
รักมอบ ไม่ครอบงำ......................ต่ำทรามแส่ เห็นแก่ตน

    สัมพันธ์ ย่อมสรรค์สร้าง............สุขสล้าง ดั่งเวหน
บริสุทธิ์ วิมุตมล..........................ประเสริฐล้น ท้นฤดี(วิมุต=หลุดพ้น)

    เชื่อใน จิตใจกัน......................ตราบชีวัน ไม่ลาญ/ลี้
ธำรง คงรักมี...............................คู่ปัฏพี นิรันดร ฯ

๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ 

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ที่ควรบูชา? : กลอนแปด



ที่ควรบูชา? : กลอนแปด

    พ่อค้าชาย ขายหมู ผู้(มีใบ)หน้ามัน..........ใช้ผ้าพัน(พุง) กันเปื้อน เหมือนไม่สน
ใครจะมอง จ้องอยู่ สู้อดทน........................สาละวน สับเนื้อ เอื้อกิจการ

    แม่ค้าหาบ ตะกร้า ท่าทางหนัก................ขนพืชผัก ผลไม้ ไกลจากบ้าน
เลี้ยงชาวเมือง อิ่มหนำ กินสำราญ................แลกกับเงิน เพียงการ ผ่านชีวี

    เหล่ากรรมกร ร้อนทน รนสร้างบ้าน...........สาธารณะ สถาน สานสุขี
ถนนหนทาง สร้างได้ ให้ใช้ดี.......................ตนกลับมี ที่อยู่ แทบผุพัง

    ส่วนดารา นักร้อง นักแสดง......................หน้าตาเสริม เติมแต่ง เสแสร้ง;สั่ง-
สมมารยา อาการ (กลับมี)ชีวันดัง..................เทพ-นางฟ้า บ้าคลั่ง หนอสังคม

    นักการเมือง เรืองรุ่ง คอยมุ่งมั่น.................คอรัปชั่น ทุจริต มิจฉาสม
หลอกคนโง่ โอฬาร์ ประชานิยม....................ได้รับการ ชื่นชม อุดมชัย

    พระนอกรีต ผิดคลอง ครรลองธรรม............ลวงหลอกทำ วิเศษ เวทคุณไสย
เสกเครื่องราง ของขลัง สิ่งจังไร....................โง่งมงาย ได้ดี มีปุญญา

    หนังสือเรียน เพียรร่ำ เพิ่มความรู้...............ใครกี่คน ทนสู้ มุศึกษา
พระไตรปิฎก ยกฉล พ้นชีวา.........................ดูเหมือนว่า หาคน ขาดสนใจ

    ส่วนละคร-บอล-เกมฯลฯ ปรีดิ์เปรมจด.........จ้องกันหมด ทั้งเมือง เฟื่องเหลวไหล
เหล้าสุรา ยาเมา เสพเข้าไป..........................ทุ่มเทให้ ไม่(บ่น)ว่า น่ารำคาญ

    ใครที่มี สมอง ลองคิดดู...........................สิ่งใดคู่ ควรจิต คิดสมาน?
ใครสมควร บูชา สาธุการ?............................รักษาไว้ ให้นาน นิรันดร ฯ

๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๗