ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2557

อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี : กลอนคติสอนใจ



อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี : กลอนคติสอนใจ

    ขนม-ไก่ ไหว้เจ้า เขาฝากมา................แทนคำว่า ห่างกาย (แต่)ใจส่งถึง
นั่งกินไป ใจลอย พลอยคำนึง...................คิดซาบซึ้ง คุณงาม ความสัมพันธ์

    " ซิงเจี่ย อยู่อี่ ซิงนี้ ฮวกไช้ "................อวยพรให้ โชคดี มีสุขสันติ์
อยู่ล้อมรอบ ครอบครัว ทั่วหน้ากัน..............ร่วมสังสรรค์ วันหยุด ตรุษจีนยาม

    ลูกหลานสรรพ กลับมา หาพ่อแม่...........ที่เอาแต่ ห่วงใย ทุกข์ไถ่ถาม
เรื่องหน้าที่ ชีวิต เฝ้าติดตาม.....................สั่งสอนธรรม ความถูก ลูกหลานเธียร

    อย่าทำงาน การหนัก (จน)ลืมพักผ่อน.....โรคภัยย้อน (เดือด)ร้อนยวด ยิ่งปวดเศียร
จงรอบคอบ ประกอบกิจ คิดหมั่นเพียร.........อย่าโลภมาก อยากเปลี่ยน (รวย)เร็วเกินไป

    (เสี่ยง)ลงทุนเกิน ฐานะ จะลำบาก.........หนี้สินหลาก ชักพา ชีวาไส
ทุจริต จิตทราม ลุกลามไป........................พบเภทภัย ร้ายพร่ำ ร่ำราคี

    ความรวยร่ำ สำคัญ ประการใด ?.............หากต้องอยู่ อย่างหัวใจ ไร้ศักดิ์ศรี
ถูกตราหน้า ว่าเป็นคน ท้นอัปรีย์..................สามานย์มี ชี้ด่า ถึงวงศ์ตระกูล

    (จง)อยู่อย่างภาค ภูมิใจ ในความดี..........อยู่อย่างมี เกียรติศักดิ์ มิพรากสูญ
อยู่อย่างไร้ (คำ)ครหา โศกาดูร...................อยู่อย่างพูน พิจิตรผล กุศลกรรม

    ไม่ต้องรวย ต้องร่ำ (เพราะ)ทำทุจริต........ประพฤติผิด จริยา อาญาสำ
เกิดเป็นคน อย่าฉลคิด เตือนจิตจำ...............จะสุขค้ำ ล้ำค่า ชีวาเอย ฯ


๓๑ มกราคม ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

ชีวีที่มีคุณค่า-มีความหมาย : กลอนหก



ชีวีที่มีคุณค่า-มีความหมาย : กลอนหก

    ฟ้าใส ไล่เรียง หลากสี.................ก่อนที่ สุรีย์ลับ ดับสูญ
สายัณห์ สัญญา พิบูล......................เกื้อกูล สุนทรีย์ ชีวา

    นกต่าง รังผิน บินกลับ..................ขยับ ปีกไป ช้าๆ
ไม่รีบ ไม่เร่ง ลนลาน์........................เหมือนว่า กำลัง ผ่อนคลาย

    ชีวิต คิดไป (เช่น)ไร้ค่า.................เหมือนว่า ปราศจาก ความหมาย
เกิดมา เพื่อแก่-ป่วย-ตาย...................หาความ สุขสบาย ใส่ตัว ?

    ยิ่งเห็น แก่ตน กมลต่ำ...................ยิ่งคอย แต่ทำ ความชั่ว
กิเลส ตัณหา เมามัว..........................ยิ่งทราม  ค่าชั่ว ทรชน

    คล้อยตาม สัญชาต (ตะ)ญาณ........ดั่งสัตว์ ดิรัจฉาน มานหม่น
ขาดความ หมายความ เป็นคน............ขาดจน เป็นคน ไปใย ?

   ทำดี พลีเพื่อ สาธารณ์...................บริการ สังคม รมย์ให้
หนึ่งชี วีหนึ่ง จิตใจ...........................เพื่อประ โยชน์ใหญ่ โลกา

    ชั่วบาป ขับไส-> สูงส่ง..................ดำรง คงคุณ หนุนค่า
แม้แก่ เฒ่าเก่า ชรา...........................ควรผู้ บูชา ยกย่อง

    งดงาม ความคิด จิตใจ...................สาไถย ไม่มา ผยอง
วิถี ศีลธรรม ลำพอง..........................สอดคล้อง ดำเนิน ชีวัน

    กมล พ้นความ เป็นสัตว์.................ปฏิบัติ พัฒนา แข็งขัน
กิเลส ตัณหา ฝ่าฟัน...........................ลดละ กระสัน หมั่นเพียร

    ชีวี จะมี ความหมาย.......................แม้ตาย ก็ไม่ แปรเปลี่ยน
กุศล กระทำ จำเนียร..........................วิเชียร ชัชวาล มานเอย ฯ


๓๐ มกราคม ๒๕๕๗

วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557

ชีวิต...ความฝัน : กลอนคติชีวิต



ชีวิต...ความฝัน : กลอนคติชีวิต

    ชีวี นี้แค่ ความฝัน.....................ยึดมั่น พากัน ใหลหลง
วันๆ ที่ผัน ผ่านคง.........................เปรียบปลง เป็นได้ ดั่งสายลม

    ประคับ ประคอง ความฝัน...........ให้สุข ให้สันติ์ หรรษ์สม
ชอบใช้ ชีวา อภิรมย์......................ไปกับ สายลม ที่ผ่านมา

    บางที ก็มี ฝันร้าย......................ผ่านกราย ใจกล้ำ อุตส่าห์
ฝันดี มีงาม (เป็น)ธรรมดา...............จงอย่า ยึดติด คิดเป็น

   ทุกคน ทุกสิ่ง ทุกอย่าง................ไม่ต่าง ดั่งฝัน ดาลเห็น
ผ่านมา ผ่านไป ไม่เว้น....................แล้วเร้น ลับหาย กลายสูญ

    ชีพวาย ตายดับ=กลับคืน............วิญญาณ วารตื่น บริบูรณ์
ชีพเอ๋ย ที่เคย เทิดทูน....................อากูล เคียงคู่ สุบิน

    เมื่อได้ ไปผุด ไปเกิด.................เท่าเปิด ฝันใหม่ ใฝ่ผิน
ฝัน->ตื่น->ฝันฯลฯ กันไม่สิ้น(สุด).....เกินจะ ถวิล จินตนา

    เมื่อไหร่ จะสุด หยุดฝัน ?.............หรือควร  ฮึกหรรษ์  ฝันหา ?
ฝันดี ฝันได้ ให้มา...........................ชีวา ประสบ พบพาน

    เกิด-แก่ และเจ็บ ป่วยตาย............เวียนว่าย สนุก สนาน ?
ไม่เข็ด ไม่หลาบ ตราบลาญ..............ต้องการ ฝันต่อ มิท้อเอย ? ฯ


๒๙ มกราคม ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

ใจง่าย : กลอนคติเตือนใจวันวาเลนไทน์(กาพย์ยานี๑๑)



ใจง่าย : กลอนคติเตือนใจวันวาเลนไทน์(กาพย์ยานี๑๑)

คำคม : ....คนใจง่าย จะไร้ค่า....

    พลีกาย=เครื่องหมายรัก....................คือหลักการ (ของ)พาลโง่เขลา
สติบ้า ปัญญาเบา.................................มัวเมาร่า(น) กามารมณ์

    เป็นทาส สัญชาตญาณ.....................ถูกบงการ ดวงมานถม
ราคะ พาโง่งม.....................................จมอยู่ใน จินต์ใคร่กาม

    สุนทรีย์ โลกีย์วิสัย...........................ปล่อยกายใจ ไม่คิดขาม
ภัยพิษ ผลติดตาม................................ทรามต่ำช้า ชีวาแปลง

    ความต้อง การทางเพศ......................ไร้ฤทธิ์เดช หากใจแข็ง
จิตกุศล ดลสำแดง................................แห้งเหือดหาย ไม่ยากเย็น

    ชอบทำ ตามหัวใจ............................คือเงื่อนไข กลายทุกข์เข็ญ
ยา(เสพย์ติด)-เหล้า-เคล้าเคลียเล่น..........เป็นเหตุให้ ไปเสียตัว

    ไฟแห่ง สัญชาตญาณ........................รุกเร้ามาน กายร่านมั่ว
ราคี มีฤทธิ์รัว.......................................ลืมดี/ชั่ว หลงมัวเมา

    ใจง่าย=ทำร้ายตน.............................ทำร้ายคน มลมานเขลา
(หาก)รักตัว ชั่วอย่าเอา...........................เข้าประพฤติ ยึดครรลอง

    (คน)ใจง่าย ใครจะรัก ?.......................ใครจะภักดิ์ พิทักษ์ ; ผอง
คนพาล ผ่านมาลอง................................มาเล่นแล้ว ทิ้งแน่วเอย ฯ

๒๘ มกราคม ๒๕๕๗

*การมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่สามี/ภรรยาของตน
ถือว่า ทำผิดศีล และเป็นการทำความชั่ว-ทำบาป
ตามหลักพุทธศาสนาและอีกหลายศาสนา

วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

รอ...สารภาพรัก : กลอนรัก(กลอนเปล่า)



รอ...สารภาพรัก : กลอนรัก(กลอนเปล่า)

    ที่รัก...
ฉันคิดว่า เวลานี้ยังเร็วเกินไป
ที่ฉันจักสารภาพความรู้สึกของหัวใจ
ที่มีให้เธอ ...

    แม้ว่าฉันอยากจะทำ
ทุกยามที่เราพบกันเสมอ
แต่จิตสำนึกของฉันนั้นล้นเอ่อ
ท่วมปากจนยากจะเผยอ
...เอ่ยบอกออกไป

    เพราะในวันนี้...
ดวงฤดีของฉันนั้นยังอ่อนไหว
ความคิดที่โง่เขลา คือเงาติดตามตัวฉันตลอดเวลาก็ว่าได้
อารมณ์อันผันผวน
สิ่งใดควร/มิควรก็ไม่มั่นใจ

    ฉันตระหนักว่า...
เส้นทางของความรักช่างยาว-ไกล
มีปัญหา-อุปสรรคมากมาย ท้าทายคู่รักอยู่
รอฉันอีกหน่อยได้ไหม ?
เพราะเธอคือผู้เปรียบปานดวงใจ
จึงปรารถนา ขอร้องให้...ได้โปรด...รอ

    ขอเวลาฉันอีกหน่อยนะ  คนดี
เพื่อพัฒนาหัวใจนี้ให้เติบโต
บ่มเพาะมโนธรรมที่กำลังเติบใหญ่ให้สุกงอม
กล่อมเกลาความคิด-ความรู้
และเตรียมความพร้อมของชีวิตให้เบ่งบาน

    เพราะสำหรับฉัน...
ความรักนั้นมันไม่ใช่เกมส์
เมื่อ Game Over แล้วก็เลิกรากันไป
คนรักหาใช่ของเล่น
ที่เล่น-เบื่อ...แล้วหาของเล่นชิ้นใหม่

    การบอกรักนั้นมันง่าย
แต่การรักษาความรักนั้น
กลับเป็นภาระอันยากเย็นและพันธะยิ่งใหญ่
สร้างความทุกข์ ความหนักใจได้เหลือแสน

    ความซื่อสัตย์
ความรับผิดชอบ
ความหนักแน่น
ความมั่นคง
ความเสมอต้นเสมอปลาย
ความไม่เห็นแก่ตัว
และคุณธรรมอีกมากหลายที่สำคัญ
เป็นสิ่งที่ฉันยังต้องบากบั่น พัฒนาให้มี-ให้มั่นคง มากกว่าที่เป็นอยู่
เพื่อความเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติ-ความสามารถ
เพียงพอที่จะรักและดูแลเธอ

    ความรีบร้อน คือตัวบ่อนทำลายความสัมพันธ์
ความรักนั้น ไม่ใช่อารมณ์อันหุนหัน
ที่ทำกันอย่างฉาบฉวย
คนที่รักใครง่ายๆ ไม่ใช่คนรักที่ดี
ความรักที่เกิดเร็ว มักจะหมดเร็วเช่นเดียวกัน

    การรักอย่างค่อยเป็นค่อยไป
คือวิธีทำให้ความรักแข็งแรง
หากไม่ช่วยกัน ร่วมมือกัน
อดทน-มอบความจงรักภักดีให้แก่กัน
อ่อนโยน-มีความจริงใจ-ใส่ใจต่อความรู้สึกของกันและกัน
จะทำให้ความสัมพันธ์-ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ขาดสะบั้นลงได้

    ความใจเร็ว เรรวน โง่เขลา เอาแต่ใจ
ความเห็นแก่ได้ และความชั่วฉลทั้งหลาย
คือสิ่งที่เกิดขึ้นในใจ
ทำลายความรักและคนรักอย่างมากมาย
...มานักต่อนักแล้ว

    เพราะเธอเป็นคนสำคัญและพิเศษ
เจตนาที่แน่วแน่ คือ
แม้ตาย...ฉันก็จะไม่มีวันทำร้ายเธอ
ฉันจึงอยากเสนอเหตุผล
ขอเธอได้โปรดอดทน
คอยคนอย่างฉันต่อไปจะได้ไหม ?

    ขอให้ฉันได้ปรับปรุงตัวตน
เพื่อความเป็นคนที่พร้อมเพื่อครอบครองสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้
เพื่อเธอจะไว้วางใจ
ให้ฉันได้ดูแลและพิทักษ์รักษาความรักของเธอ
คอยปกป้องเธออยู่เสมอ
...ตราบชั่วนิจนิรันดร์

    หากแม้นเธอเห็นว่ามีใครที่ดีกว่าฉัน
ให้ความสำคัญ รักเธอมั่นคง ไม่แคลนคลอน
และเธอก็รักเขา ไม่อยากเฝ้ารอ
ฉันก็จะไม่ร้องขออะไร...
ยินดีที่เธอจากไป
อย่างไม่อาลัย และไม่อาวรณ์

    เพราะฉันรักเธอ
เมื่อเธอมีความสุข
เพียงเท่านี้...ฉันก็มีสุขใจ ฯ


๒๗ มกราคม ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

เลือกเกิด-เลือกเป็น : กลอนเจ็ด



เลือกเกิด-เลือกเป็น : กลอนเจ็ด

    ทุกสิ่ง สงบ หลบหนาวเลี่ยง............ยินเพียง สายลม โหมเคลื่อนไหว
แลเหล่า จิ้งหรีด หริ่งเรไร...................ร้องไล้ ราตรี มีชีวา

    คุดคู้ อยู่ใต้ ผ้าผืนบาง....................ลมพราง ผนังลอด สอดแทรกฝา
หลับๆ ตื่นๆ ฝืนอุรา............................หวังว่า จะพอ พ้นทรมาน

    (สุดท้าย)ต้องตื่น ฟืนเสาะ ก่อไฟผิง...ประวิง เวลา ราตรีผ่าน
หนาวนำ ค่ำคืน ค่อยคืบคลาน...............เชื่องช้า ยาวนาน ปานแรมปี

    ในความ มืดมน มนไม่มืด.................พื้นเช่น เย็นชืด แข็งพรืดนี้
เพียงร่ำ ดำรง คงชีวี...........................แม้มี อุปสรรค จักฝ่าฟัน

    ยึดศีล (ละ)ธรรม กรรมลิขิต.............สุจริต พิทยา พาสุขสันติ์
ไม่ละ เมิดกฎ ไร้โทษทัณฑ์.................คืนวัน บันเทิง เริงฤทัย

    มิเบียด เบียนใคร ใจพิสุทธิ์..............อวิรุทธ์ อุตส่าห์ อาชีพใส(อวิรุทธ์=อิสระ)
มิเป็น อันธพาล มิพานภัย....................ห่างไกล อบายมุข ห่างทุกข์มี

    "เลือกเกิด" ไม่ได้ (แต่)"เลือกเป็น"ได้....ความคิด จิตใจ ใครข่มขี่ ?
คิดเอง-เลือกเอง-เป็นเอง ; มี....................ชีวี ตัวเอง เพ่งโทษใคร ?

    หากตระ หนักรู้ อย่าอยู่เฉย.................ปล่อยปละ ละเลย (จง)เร่งแก้ไข
แม้นเป็น สันดาน เกินผันได้....................หากแค่ นิสัย ไม่ยากเอย ฯ


๒๖ มกราคม ๒๕๕๗

วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557

หน้าหนาวเช้าตรู่ : กาพย์ยานี ๑๑



หน้าหนาวเช้าตรู่ : กาพย์ยานี ๑๑

    หมอกหนา คลุมนครินทร์.................หมู่เมฆิน คลุมนภา
ไม่มี สุริยา........................................มาให้เห็น เป็นเหตุผล

    ความหนาว ครองพิภพ....................ความครึ้มลบ นภดล
ลมเชย รำเพยชน...............................จนสะท้าน ซ่านกายี

    เสียงนก ซ้องสดใส.........................เสียงหัวใจ พิไลศรี
เพราะทำ เพียงความดี.........................มิทำชั่ว ไม่มัวมาน

    สุทธา อุษาโยค..............................ประโลมโลก วิโมกข์ศานติ์
ศีลธรรม สำเริงธาร...............................อภิบาล ทุกสังคม

    กลิ่นอาย ในอรุณ.............................ชื่นละมุน จรูญสม
ความดี ที่ระดม....................................รมย์รื่นสุข ทุกคืนวัน

    ห่างหาย ไร้น้ำฝน............................น้ำค้างดล ไพรสณฑ์ฟื้น
น้ำใจ จากใครอื่น.................................จรรโลงชื่น คืนหทัย

    หนาวกาย ใจกลับอุ่น........................อ้อมกอดอรุณ สุนทรไฉน
คบคนดี บ่มีภัย....................................มีแต่ได้ ไตรอนันต์(ไตร=ไกร)

    คิดดี วิถีดล.....................................ศุภผล พิมลผัน
ทำดี มีศีลธรรม์....................................มรรคาสันติ์ ชีวันเอย ฯ


๒๕ มกราคม ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2557

ความจริงคือสิ่งซับซ้อน : กลอนคติชีวิต



ความจริงคือสิ่งซับซ้อน : กลอนคติชีวิต
(ฉันทลักษณ์ที่ผมคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง)

    การทำ-พูด-คิด.................ลิขิต ชะตา ชีวี
ดลได้-เป็น-มี.......................ดังที่ ประสบ พบเห็น
ได้ชั่ว เพราะทำ....................ได้ดี ด้วยกรรม บำเพ็ญ
มีสุข-ทุกข์เข็ญ.....................เป็นไป มิไร้ เหตุ-ผล

    อย่ามัว น้อยใจ.................ที่ใคร ได้ดี มีสุข
แต่เรา เศร้าทุกข์...................ล้มลุก คลุกคลาน พล่านพ้น
เกิดมา ทั้งที.........................คอยแต่ หนีจาก ยากจน
รูปชั่ว ตัวตน.........................ปัญญา มืดมน จนจินต์

    งอมือ งอเท้า....................มัวเมา เอาแต่ (ทำ)ตามใจ
มารยา สาไถย......................อย่าหวัง ได้สม หมายสิ้น
ทำตัว ต่ำช้า.........................เหลวไหล ใคร่หา ราคิน
บาปกรรม ตามกิน..................ชีวิน สิ้นสุข ทุกข์เนา

    จงเป็น คนดี.....................จะไม่ มีวัน เสียใจ
ไม่รอ (การ)อภัย...................จากผู้ อื่นใด ใครเขา
ทำดี ได้ดี............................ผลดี สรรพกลับ คืนเรา
ไร้สิ่ง หมองเศร้า...................ร้อนเร่า เข้ามา ราวี

    อนาคต สดใส...................ด้วยการ ไม่ทำ ความชั่ว
อย่าเห็น แก่ตัว......................อย่ามัว กำหนัด บัดสี
เพียงภาพ ลวงตา..................ที่ว่า " ทำชั่ว ได้ดี "
โลกใหญ่ ใบนี้.......................ยังมี สิ่งซ่อน ซับซ้อนเอย ฯ

๒๔ มกราคม ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2557

สมานไมตรี : กลอนจรรโลงใจ



สมานไมตรี : กลอนจรรโลงใจ

    สิ่งที่น่า ประทับใจ ในยามนี้........................คือ(ความ)หนาวที่ ยาวนาน ปานเปรียบฝัน
จำไม่ได้ เมื่อใดเป็น เช่นนี้กัน ?.......................ทุกคืนวัน นั้นเหน็บหนาว เข้าอุรา

    แม้นปรารถนา ใส่เสื้อหนาว เพราเพริศพริ้ง.....อย่ามัวนิ่ง รอเนิ่นนาน วารข้างหน้า
เพราะเป็นไป ในหลายปี ที่ผ่านมา....................ร้อนมากกว่า จะเหน็บหนาว เนาฤดู

    เสมือนที่ คนทั้งหลาย ได้มาพบ...................ได้มาคบ สมาคม สังคมสู่
อย่าแบ่งแยก แตกต่าง สร้างศัตรู......................เพียงเพราะดู แปลกไป ไม่เหมือนเรา

    ดอกไม้หลาก รูปพรรณ หลายสันสี...............แต่งโลกนี้ งามวิไล ไกวัลเท่า(ไกวัล=สวรรค์)
ภูมิประเทศ หลากหลาย ไม่ซ้ำเซา...................ทำโลกเรา น่าอยู่ ดูสวยดี

    หากมิใช่ หทัยทราม ความชั่วช้า..................ขอจงอย่า ตั้งกำแพง แต่งบัดสี
ควรสมัคร รักสมาน สานไมตรี..........................สามัคคี อารีใคร่ ให้แก่กัน

    ที่เราได้ มาประสบ พานพบสู่.......................ใช่จะอยู่ คู่กันจน คนอาสัญ
ต่างต้องพราก จากกันไกล ในสักวัน..................อาจเร็วพลัน เพียงวันพรุ่ง ยุ่งยากใย ?

     มาร่วมสร้าง ความสุขสันติ์ ให้กันเถิด............อย่าให้เกิด ความยากเข็ญ เกณฑ์เงื่อนไข
หยุดแก่งแย่ง แบ่งชนชั้น วรรณะใด...................ความขาดแคลน แร้นน้ำใจ ไร้ค่าคุณ

    หากสันติภาพ สาบสิ้น->วิญญาณ์เสื่อม..........เชิญมาเชื่อม หัวใจ ให้โลกสุน-
ทรียภาพ ตราบสิ้น ชีวินบุญ..............................ร่วมช่วยเหลือ เจือจุน หนุนเนื่องเทอญ ฯ


๒๓ มกราคม ๒๕๕๗   

วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557

วัยเยาว์วัยเรียน : กาพย์ฉบัง ๑๖



วัยเยาว์วัยเรียน : กาพย์ฉบัง ๑๖

    มีชีวินต้องกิน-ใช้....................แสวงหารายได้
มาให้จ่ายซื้อข้าวของ

    ทำงานทำการ(คือ)ครรลอง................แหล่งรายได้คล่อง
ต้องมีวิชาความรู้

    โลกหลากมิตรมากศัตรู................ดำรงคงอยู่
คู่ฟ้าดินไม่สิ้นหาย

    พึงเท่าทันภยันตราย...............ความรู้มากมาย
ต้องขวนขวายมาใส่ตน

    วัยเรียน(หาก)ไม่เพียรพากพ้น...............โง่เขลาเมามน
เอาแต่ซนเล่นเป็นลิง

    จะต้องพ้องพบประสบ(ความ)จริง.............คนไร้(ความ)รู้ยิ่ง
ถูกทิ้งทอดขอดขัดสน

    เงินหาลำบากยากจน................ชีวินดิ้นรน
ส่งผลอัตคัดขาดแคลน

    ต้องทนทุกข์ทรมานแสน...............ตกอับคับแค้น
ยากแร้นแม้นคนไร้ค่า

    อับจนทนทุกข์เวทนา..............สารพันปัญหา
เวียนมาประจญหม่นหมอง

    ยามเยาว์วัยให้ไตร่ตรอง................พากเพียรเรียนท่อง
เติบใหญ่ไม่ต้องทุกข์เอย ฯ


๒๒ มกคม ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557

มีชีวา อย่าย่อหย่อน : กลอนเจ็ด



มีชีวา อย่าย่อหย่อน : กลอนเจ็ด

    ธรรมชาติ ของความ ไม่แน่นอน...........สร้างความ ซับซ้อน ย้อนชีวิต
บางคราว พราวพร่ำ งามวิจิตร.................(แต่)บ่อยครั้ง ช่างวิกฤติ บิดวิกล

    ชีวี จึงยาก จักคาดเดา.......................(จะ)ประสบ สุข/เศร้า เบา/หนักผล
อนาคต สดใส ไกร ถกล.........................หรือจัก มืดมน อับจนใจ ? (ถกล=งาม)

    เมื่อทุก อย่างยัง เป็นปกติ...................ไม่ยาก มีสติ ยิ้มง่ายได้
แต่เมื่อ ปัญหา หนักหนาใจ......................จะพอ มีใคร ไม่ลำเค็ญ ?

    วุฒิ ภาวะ พาฝ่าฟัน............................อุปสรรค บากบั่น ชีวันเข็ญ
ความรู้ ชูชัย ได้อยู่เย็น............................รอดเร้น พิบัติ และพัฒนา

    วิบาก(กรรม) ชักพา ชีพบทจร...............(เช่น)กำกับ ละคร ยอกย้อนคร่า
คุณธรรม ความดี ที่ศรัทธา.......................ประดุจ ชุติมา ส่องหาทาง

    ความบัน เทิงใจ ใคร่ประมาท................คือข้อ ผิดพลาด อนาถขวาง
ความโฉด ชั่วช้า ไม่ละวาง........................มิต่าง ดั่งไฟ ไหม้ตัวเอง

    ความดื้อ ถือรั้น บันดาลเขลา.................แต่ยัง ไม่เท่า การอวดเก่ง
มักกล้า เสี่ยงภัย ไม่กริ่งเกรง.....................เภทหน อลเวง บรรเลงไป

    เมื่อมี ชีวา อย่าย่อหย่อน.......................ศึกษา คำสอน ปราชญ์ป้อนไว้
สุภาษิต ติดจำ ค้ำหัวใจ.............................เก็บไว้ เตือนตน วิมลเอย ฯ


๒๑ มกราคม ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

มองไปข้างหน้า : กาพย์ยานี ๑๑



มองไปข้างหน้า : กาพย์ยานี ๑๑

    สงบเย็น เอนกายทอด................กลางอ้อมกอด ฤดูหนาว
สายลม ชโลมราว..........................คนรักเร้า เค้าเคลียคลอ

    พัฒนาการ ธารแสงสี.................รังค์ รวี รุจีก่อ(รังค์=รงค์)
งดงาม อร่ามทอ...........................สรวัฒน์ ทัศนีย์(สร=ทิพย์)

    สุริยน พ้นยอดไม้......................อบอุ่นไอ ในวิถี
แสงทอง ส่องทวี..........................ทิวาวรรณ อันจรุง

    เวลา ย่อมล่วงลับ......................ไม่หวนกลับ มาสิงสุง
ที่แท้ มีแต่มุ่ง...............................ไปข้างหน้า อนาทร

    ชีวิต เฉกเช่นกัน.......................ไม่มีวัน หวนหันย้อน
เดินกล้า อย่าอาวรณ์.....................อาลัยหลัง ครั้งเก่ากาล

    มองตรง ประสงค์หน้า................สู้จนกว่า ละสังขาร
กุศล ดลบันดาล............................ให้ประสบ ประเสริฐศรี

    พลาด-แพ้ แลธรรมดา................แห่งมรรคา โลกานี้
พลังใจ ไม่ลดมี.............................มิระย่อ ต่อชีวัน

    มุ่งหน้า แม้สะดุด.......................จักยอมหยุด จุดคิดสรร
แก้ไข ไม่ดึงดัน.............................เพื่อบรรลุ สุขีเอย ฯ


๒๐ มกราคม ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557

เพ่งจิต : กลอนคติสอนใจ



เพ่งจิต : กลอนคติสอนใจ

    รถใหม่ ไม่ปัดล้าง..................จอดข้างทาง สมสั่งหมอง
หมดใหม่ กลายเก่ากอง...............ไม่น่ามอง ข้องขัดตา

    จิตใจ ไม่แตกต่าง..................มักสรรค์สร้าง กิเลสตัณหา
สัญชาติญาณ อวิชชา.................เช่นธารา รี่ไหลแรง

    ต้องคอย ตั้งสติ.....................สมาธิ มิหน่ายแหนง
สะกดกลั้น ธารเสียดแทง.............ที่แกร่งกล้า (ให้)สงบลง

    จิตใจ จะใสสะอาด.................ความคิดฉลาด ปราศใหลหลง
เห็นจริง สิ่งสัจจ์ทรง....................อันคงอยู่ คู่จักรวาล

    เพ่งจิต พินิจจล.....................คอยเวียนวน วัฎฎ์สงสาร
สับสน ทนทรมาน......................เพราะฟุ้งซ่าน พล่านฤดี

    เพ่งจม ลมหายใจ..................เข้า-ออกให้ ไม่เร่งรี่
ยาว-ช้า พาชีวี..........................สงบสัญญี สุขิตา

    ค่อยคิด วินิจฉัย.....................เหตุ-ปัจจัย แห่งปัญหา
เห็นแจ้ง แสงสัจจา.........................ธรรมมรรคา สวัสดิ์คลอง

    สืบเท้า สู่โลกใหม่................ .สะอาดใส ไม่มัวหมอง
สุขสม ภิรมย์รอง........................งามผ่องผุด พิสุทธิ์เทอญ ฯ


๑๙ มกราคม ๒๕๕๗   

วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557

ง่ายๆ มิใช่ชีวิต : กลอนคติเตือนใจ



ง่ายๆ มิใช่ชีวิต : กลอนคติเตือนใจ

    ความแห้ง+หนาว หนุนเนื่อง อย่างเชื่องช้า....บางชีวา ประจญ ทนไม่ไหว
ต้องล้มหาย ตายจาก พลัดพรากไป...................ที่ทนได้ สู้ต่อ รอชะตา

    " เรื่องง่ายๆ มิใช่ วิสัยชีวิต "........................ทำอะไร ใคร่คิด อย่าอิดหนา
อดทน+พากเพียร+เรียนรู้+พัฒนา...................คือมรรคา ประชัน ชีวันชัย

    ไม่รักดี-โง่เขลา-ไม่เอาถ่าน.........................เป็นสัญญาณ อนาคต ยากสดใส
โลกย์มิต่าง สิ่งที่ ลี้น้ำใจ...............................ตัวของใคร ของมัน ฟันฝ่าเอา

    มีทักษะ+ความรู้ คู่สามารถ.........................จึงจักพา ประสาธน์ ปราศหมองเศร้า
ใครผู้มี นิสัยทราม ความมัวเมา........................จักอาภัพ อับเฉา เจ่าชีวิน

    งานดีๆ มีน้อย คอย(แต่)คนเก่ง....................คนเส็งเคร็ง อย่าหวัง มั่งมีสิน
งานทั่วไป รายได้น้อย ค่อยอยู่-กิน....................ก็หมดสิ้น ไม่เหลือ เผื่อเก็บออม

    เห็นคนหลาก มากมาย รู้ไหมว่า....................น้อยคนดี มีธรรมา บุญถนอม
เห็นแก่ตัว ชั่วช้า สามานย์มอม..........................ไม่ยินยอม ปราณี มีเมตตา

    คู่ครองรัก ภักดี ที่ซื่อสัตย์............................ถือศีลวัตร ทัศน์ยิ่ง สิ่งยากหา
ชีวิตคู่ ดูหลาย หน่ายโลกา...............................มักเลิกรา หย่าร้าง ม้าง+ราคี(ม้าง=ทำลาย)

    พ้นวัยเยาว์ เฒ่าแก่ โรคแลหลาก...................รายได้น้อย พลอยลำบาก พรากสุขี
สัจจ์ประเทือง " เรื่องง่ายๆ มิใช่ชีวี "...................เร่งรักดี วิริยา อุตส่าห์เทอญ ฯ


๑๘ มกราคม ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2557

ปรับชีวาฝ่าวิกฤติ : โคลงสี่สุภาพ



ปรับชีวาฝ่าวิกฤติ : โคลงสี่สุภาพ

. ไพรขาดหยาดน้ำค้าง...............ยังอรุณ
ลมแห่งเหมันต์หมุน.......................ไม่เว้น
แสงสุรีย์ส่องละมุน........................สะอาด
ยังปราศรุนอุ่นเร้น..........................พ่ายแพ้ลมหนาว ฯ

. ความหนาวในปีนี้.......................ยาวนาน
หลายปีมิหนาวปาน........................เปรียบได้
บ่ผันผวนรวนราน...........................แปรเปลี่ยน
เพียงหนาวเพิ่ม-ลดไซร้...................ไป่ร้อนประสม ฯ

. สายลมโหมสายน้ำ.....................ลำธาร
ละลอกคลื่นละลื่นลาน....................ไหลล้น
มัจฉามีอาการ...............................ซึมเซื่อง
เหมือนง่วงมิล่วงพ้น........................ตื่นฟื้นจากฝัน ฯ

. ปักษีรีรอรั้ง...............................รังแรม
บทเพลงบรรเลงแพลม...................พร่ำพร้อง
คอยจนกว่าแดดแกม......................กายกรุ่น
จึงหนุนแน่แซ่ซ้อง.........................ท่องฟ้าหากิน ฯ

. ยามชะตาชีวาตม์ต้อง..................ต่ำตก
ปัญหารุมสุมอก.............................หลากเร้า
สงบใจอย่าตระหนก........................ตระหนัก
ความหม่นหมองโศกเศร้า.................ห่อนให้คุณา ฯ

. ยามเศรษฐกิจคับข้อง...................ฝืดเคือง
ของแพงแข่งขันเนือง......................เนิ่นซ้ำ
จำลดสิ่งสิ้นเปลือง..........................รายจ่าย
ออมเก็บจักจุนค้ำ............................หยุดสร้างหนี้สิน ฯ

. เกิดวิกฤตการณ์ป้อง.....................ปรับตัว
ปรับใจอย่าไปกลัว...........................ขยาดสู้
คือความเขลาหากมัว........................คิดขลาด
(ทำ)สุดความสามารถกู้.....................กอบเกล้ากำลัง ฯ

. จนปัญญาจำต้อง.........................จำใจ
สงบจิตอย่าคิดไป............................รนดิ้น
รอโอกาสอำนวยไกร........................กาจแกร่ง
เสริมแรงจัดแจงสิ้น..........................ทุกข์เศร้าสารพัน ฯ


๑๗ มกราคม ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557

ธรรมชาติเป็นยารักษาโรคใจ : กลอนคติชีวิต



ธรรมชาติเป็นยารักษาโรคใจ : กลอนคติชีวิต

    หมอกหนาว เคล้าเคลีย นครินทร์..........สุรทิน สาดส่อง ทองแสง
รจเรข อรุณ อุ่นแรง................................สำแดง สุทัศน์ วัฒนา(รจเรข=งาม)

    ฟ้าโปร่ง โล่งไร้ ไม่มี..........................เมฆี (ดู)โสภี สีฟ้า
อ่อนเยาว์ เบาบาง พร่างพา......................อุรา ลอยชื่น รื่นชม

    ดอกหญ้า ฝ่าฟัน กันดาร.....................เบ่งบาน พรรลาย พรายสม(พรรลาย=มากมาย)
คลอเคลีย แสงแดด สายลม.....................อุดม ทดแทน แผ่นดิน

    อุษา ปริสุทธิ์ มุทธา............................สุดสรร พรรณนา หาสิ้น(มุทธา=ที่สุด)
จรรโลง ฤดี ชีวิน....................................ประคิ่น วิญญาณ์ ชาตรี(ประคิ่น=ประคอง)

    บรรเทา เศร้าโศก โรคจิต.....................ชีวิต อิดหนา ละลี้
แรงใจ กลายกล้า ทวี...............................สุพี ระสรรค์ นันทา(พีระ=ผู้กล้า)

    (จง)เปิดใจ รับการ บำบัด......................ธรรมชาติ ปัดเป่า ปัญหา
กลุ้มอก กลุ้มใจ ให้มา..............................รับยา สุธา ประไพ(สุธา=น้ำอมฤต)

    คงอยู่ คู่ชี วีสรรพ................................ความสงบ ระงับ ดับไส
ร้อนรุ่ม สุมทรวง ดวงใจ............................ไม่เลือก ชนชั้น วรรณา

    ความหลง ไหลใน วัตถุ.........................ยั่วยุ กระสัน ตัณหา
สาเหตุ ทุกขเวท (ทะ)นา...........................ประชา สมัย ใหม่เอย ฯ


๑๖ มกราคม ๒๕๕๗

วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557

คนนะโว้ย ! อย่าอายหมา : กลอนคติเตือนใจ


คนนะโว้ย ! อย่าอายหมา : กลอนคติเตือนใจ

    เหลียวมองหมู่ ผู้พันธุ์ คนวันนี้......................เด็กมากมี มักเรื่อง เฟื่องเหลวไหล
ลองสาวลึก ตรึกดู เพราะผู้ใหญ่........................ทำสาไถย ไม่เว้น เป็นจริงจัง

    มองดูหมา คราใด ชวนให้คิด.......................ไม่วิปริต ผิดหลอน แม้ย้อนหลัง
พัฒนา สายพันธุ์ กันไม่ยั้ง..............................เหนือเผ่าพันธุ์ อื่นช่าง ดั่งแจ้งชัด

    " คน " นะโว้ย ! คิดไว้ อย่าอายหมา.............เจอตัวผู้ กรูถลา หาเรื่องกัด
เจอตัวเมีย รีบเลียก้น กระโจนฟัด.....................ก่อนสะบัด ปัดหนี มินำพา

    แม้หมาไม่ ได้สร้าง ผลิตผล........................แต่ช่วยคน ทำงาน การรักษา
รู้จักความ กตัญญู กตเวทิตา...........................คุณข้าวปลา อาหาร บ้านพึ่งพัก

    เกิดเป็นคน อย่าให้ อับอายหมา...................ไม่อุตสาห์ สู้งาน คร้านเกียจหนัก
เอาแต่เล่น-กิน-ใช้-จัญไรรัก............................ไม่รู้จัก บุญคน มนเนรคุณ

    ฝึกหมาได้ ให้หัด สารพัดกิจ.......................รู้หักจิต ห้ามใจ ไม่หันหุน
คนกลับสอน ไม่จำ ทำอาดุร............................เวียนสถุล วุ่นวน ฉลชั่วกรรม

    หมามันยัง อยู่ง่าย ไม่เรื่องมาก....................ทำไมคน อยู่ยาก โลภมากล้ำ ?
รวยแค่ไหน ก็ไม่พอ ก่อเวรพรำ........................คดโกงกล้ำ โกยกิน แผ่นดินดล

    ควรเลิกด่า ว่าใคร " ไอ้ชาติหมา "................เพราะ " คุณหมา " มากดี พีรผล
แต่ควรด่า ว่าใคร " ไอ้ชาติคน ".......................เพราะเหลือล้น คนชั่ว อยู่ทั่วเอย ฯ


๑๕ มกราคม ๒๕๕๗