ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

โปรดโอบกอดข้า รัตติกาล : กาพย์ฉบัง๑๗





โปรดโอบกอดข้า รัตติกาล : กาพย์ฉบัง๑๗


      ภาสกรรอนแรงแพลงสี.................สุวภาโสภี
ลับขุนคีรีที่ประจิม

      อัศดงรงค์รองผ่องพิมพ์...............ปานเขษมเปรมปริ่ม
เอิบอิ่มเพราะภารสคราญสม

      แม้นมีปรีดาเวลาชม...............แต่ปีกข้าระบม
ฝ่าลมกรมกายแทบไร้แรง

      จำต้องจองหาพนาแฝง..............พิงหลักพักแหล่ง
ซ่อนตนจนแจ้งแสงอุษา

      ไร้ลับรุจีสุริยา...............สิ้นสุดชุติมา
อำลาอาลัยในวันนี้

      พร้อมพรักทักขิณาราตรี...............ข้าอัญชลี
รัชนีศรีสวัสดิ์ปัจฉา

      วิงวอนสรสัตรัตติกาล์..............ขอจงเมตตา
โปรดโอบกอดข้าผู้ประจง

       อุตสาหการมั่นคง...............พฤฒิธรรมจำนง
ประสงค์แสวงหาสัจจธรรม

      ขอความอบอุ่นจุนจำ..............ละลายระกำ
ตลอดค่ำคืนชื่นสุคนธ์

      กล่อมข้านิทรานฤมล...............ฝันดีศรีสนธิ์
จวบจนแจ่มฟ้ารุ่งอรุณ

      แรงข้าจะฟื้นคืนคุณ................ปีกสองปองสุน-
ทรหนุนโบยบินจินดามัย ฯ

๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๕

วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

กันไว้ ดีกว่าแก้ : กลอนสุภาษิต(กาพย์ยานี๑๑)




กันไว้ ดีกว่าแก้ : กลอนสุภาษิต(กาพย์ยานี๑๑)


      ปลูกข้าว เอาไว้ก่อน..............มีข้าวป้อน ตอนให้หิว
หากเพลิน เหินตัวปลิว..................รอท้องกิ่ว หิว..ไม่ทัน

      เงินทอง ต้องหาไว้.................เก็บออมไป ใคร่ขยัน
คับข้อง ต้องใช้ครัน.......................มิหวาดหวั่น มั่นอกดาย

      สุขภาพ รู้รักษา.......................ก่อนพยาธิ์ พาเหือดหาย
พึ่งยา ไม่สบาย.............................หากแม้นสาย วายชีวี

      ป้องกัน ปัญหาเกิด.................ก่อนเลยเถิด>>ประเสริฐศรี
ปัญหา ไม่ปราณี............................ย่อมย่ำยี ปี้ป่นไป

      " กันไว้ ดีกว่าแก้  ".................รอย่ำแย่ แก้ไม่ไหว
โบรา ณาจารย์ไกร..........................ทันสมัย ใจล้ำยุค

      ความดี มิทำไว้.........................คอยจะใช้ ค่อยใจฉุก(ทำบุญ)
รีบทำ รำงับทุกข์.............................หมายเป็นสุข ปราศขลุกเข็ญ

      เก่ากรรม ตามมาทัน...................บาปห้ำหั่น บั่นทอนเห็น
ดีป้ำ พึงทำเป็น................................ล้างลำเค็ญ เร้น..ไม่ทัน

      เห็นภัย ในโทษน้อย....................ละบาปพร้อย คล้อยกวดขัน
ทำดี ทุกวี่วัน....................................จะสุขสันติ์ บันเทิงเอย ฯ

๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๕

วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ภาพขำขำ ๔๒

ภาพขำขำ ๔๒





ชีวิตจริง ไม่อิงนิยาย

อย่าเชื่อใจ คนชั่วที่มาพัวพันบอก " รัก "

เพราะคนชั่วรักตัวเอง " ไม่เป็น "

จะรักคนอื่น " เป็น " ?

เช่นนั้นมันพ้นวิสัย

ก็ถ้าคนชั่ว รักตัวเอง" เป็น "

                                                                   เขาคงจะ " รักดี " มิเป็นคนชั่ว ฯ



แหม ๆ ๆ ๆ

เมียเรา เข้าใจคิด

รู้จักประยุกต์ ประดิษฐ์

เครื่องล้างจาน มีชีวิต

วิลิศมาหรา น่าภูมิใจ





เห็นเป้าหมายแล้วใช่ไม๊ ?

เอางี้นะ  เพี่ยน

ชั้นจะนับถึง...สาม

แล้วให้ลุยได้เลย

ระวัง....

สาม !

                                                                   ? ? ? ?



จ๊ะเอ๋....ตัวเอง

จะหนีไปไหนจ้ะ

ยอมให้เค้าจับ ซะดีๆ

แผล็บ ๆ ๆ






เพื่อนดี เป็นที่พึ่ง

แสนซาบซึ้ง ถึงน้ำใจ

หายาก จากแห่งไหน

ในใต้หล้า ปัถพี ฯ













ไม่มีเหตุผลใดๆ

ที่ใครจะใช้อ้างว่า " จำเป็น " ต้องทำชั่ว

เพราะคนดี  มีมโนธรรม

จะไม่แม้แต่ จะ" คิด "ชั่ว

ไม่ต้องพูดถึง การ" ทำ "ชั่ว

เข้าใจไม๊ ?





รอยเท้า บนผืนทราย : กลอนคติชีวิต



รอยเท้า บนผืนทราย : กลอนคติชีวิต


      ดินเลาะเหยียบ เรียบย่ำ ตามริมหาด              เคลื่อนซัดสาด พัดทราย มิคลายโถม
ระลอกแล้ว ระลอกเล่า เข้าประโลม                       พร้อมแรงโหม ลมหวน ชวนชื่นใจ

      แต่ละก้าว เร่าย่าง อาจพลั้งพลาด                ถูกเสียบผาด บาดแผล ป้องแก้ไข
โดนแดดเผา เร่าร้อน รอนลึกใน                           ลมพัดไส บ่ายเซ บางเพลา

      จังหวะเท้า ยาว-สั้น กระชั้นชิด                    บางครั้งผิด ติดขัด ปรารถนา
จำสะดุด หยุดย่าง เป็นครั้งครา                            จวบชรา อาสัญ ชีพบรรลัย

      ทิ้งไว้เพียง รอยเท้า เล่าถ่ายทอด                ลมแทรกสอด คลื่นสาด ทรายพัดไส
ลบรอยเท้า ราวปลด หมดสิ้นไป                           เชือนอาลัย ชายหาด แห่งอัตตา ฯ

๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๕

วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ดั่งตายทั้งเป็น : กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒

                                                                              Google

ดั่งตายทั้งเป็น : กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒


      ต้นฝน ต้นสัก...............คึกคัก ทะลักดอก
สีขาว พราวพอก.................กระจิดริด น่ารัก
หยั่งต้น ยลใหญ่..................บานใบ ทายทัก
คนปลูก ชุกชัก....................ทนแดด ลมฝน

      ดอกดอม หอมไร้...........ใบก็ บ่งาม
เปลือกแตก แยกทราม...........รสสิ้น กินผล
แต่เมื่อ เนื้อไม้......................ใช้งาน ทานทน
ลายสวย รวยสน....................มีค่า ราคาแพง

      มาลอง มองหญิง.............ทอดทิ้ง คุณสมบัติ
ใส่เสื้อ เรื้อรัด........................ยัดนม ตมแต่ง (ตม=ความเขลา*ตามศัพท์อ่าน ตะมะ แต่กลอนนี้อ่าน ตม)
นุ่งสั้น หนั่นเน้น......................เผยเห็น เฟ้นแฝง
หลงงาม สำแดง....................." เซ็กซี่ " ค่านิยม

      เที่ยวช่ำ ค่ำคืน.................เริงรื่น สุรา
รำเต้น เล่นร่า.........................กาเม เสพ์สม
หลากใจ หลายรัก....................มักคลั่ง สังคม
ปากร้าย ใจหล่ม.......................สะสม ชู้ชาย ฯลฯ

      วัยเรียน เพียรไร้.................ไม่มี ความรู้
ทำตัว ชั่วชู..............................เสื่อมลู่ สู่สลาย
ชีพล่ม จมเหลว........................ปานเปลว ไฟปราย
ทุกข์ล้น ท้นราย........................ดั่งตาย ทั้งเป็น ฯ

๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

นี่หรือ คือ pretty ? : กาพย์ยานี ๑๑

                                                                             Google



นี่หรือ คือ pretty ? : กาพย์ยานี ๑๑


      โดดเห็น เด่นแต่ไกล..............กว่าใครๆ ในที่นี้
นุ่งผ้า ชุดราตรี.............................น้อยชิ้นมี ฉวีวรรณ

      เดินผ่าน ต้องหันมอง...............บ้างกลุ้มส้อง จ้องกระสัน
สาวงาม สิ่งสำคัญ.........................งานแสดง แถลงสินค้า

      แต่งหน้า ตาสีเน้น...................คอนแท็คเลนส์ เป็นโตหรา
เคลือบหนัง บนหลังตา...................ฉูดฉาดทา ประหลาดดี

      ขนตา มายาติด.......................ดูวิปริต ผิดสัจจ์ศรี
เสริมดั้ง ตั้งเติมมี...........................ตลกดี นี่สาวไทย ?

      ทาลิป จีบปากจู๋......................รอยย่นดู ทุเรศได๋ ( ได๋=นะ*ภาษาอีสาน )
ใกล้ช่อง ร่องปากใน.......................สีหายไป ให้พิกล

      โปะหน้า ทาแป้งนวล................เห็นฝุ่นล้วน ร่วงพรวนผล
ปัดแก้ม ปะแล่มยล.........................จนไม่รู้ ผิวยุพิน

      เสื้อใส่ เผยไหล่มน...................เกาะอกจน นมล้นปลิ้น
กระโปรง โล่งโจ้งจินต์.....................พื้นส่องสิ้น ก.ก.ใน

      อวดเป้า เปิดเต้าโต...................ยังโอ่ว่า สมองใส
เรียนสูง เงินจูงใจ............................(เลย) ยอมให้ใคร เห็นของดี

      ปุจฉา ประสาซื่อ.......................นี่นะหรือ คือ pretty ?
พฤติต่ำ ไร้ความดี............................ส่อราคี อวิชชา ฯ

๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๕

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

โลกของฉัน : กาพย์ฉบัง๑๖

                                                                              Flickr

โลกของฉัน : กาพย์ฉบัง๑๖

      ฉันอยู่ในโลกของฉัน...............แสนอัศจรรย์
ไม่ใช่ฝันอันเกินจริง

      โลกที่มีธรรมพร่ำพิง..............กุศลกลสิง
ทอดทิ้งชั่วบาปหยาบกรรม

      กิเลสตัณหาอาธรรม..............ปิดป้องกรองปรำ (ปรำ=เจาะจง)
จรรยาพานำจ้ำประจญ

      กระแสโลกีย์วิกล...............เลิกละ..นฤมล
บันดลศุภผลสนธิ์สันติ์

      ถึงแม้นแผ่นดินเดียวกัน.............พบปะสัมพันธ์
แต่ต่างห่างกันคนละโลก

      โลกของฉันครั้นเศร้าโศก............ศีลสัจจ์พัดโบก
ชะล้างวิโยคโรคขับไส

      ความดีคลี่งามอำไพ.............วิชชาสุกไสว
สุจริตจิตใจไทถวัลย์

      เรืองรองผ่องผุดดุจจันทร์............เดือนเพ็ญเด่นพรรณ
เสมือนสวรรค์สุขหรรษา

      เชิญชวนให้ลองครองมา..............ศีลธรรม์จรรยา
สรรค์หาโลกใหม่ให้ท่านเทอญ ฯ

๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๕

วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ดอกฟ้า และหญ้าฟาง : กลอนชมนาง




ดอกฟ้า และหญ้าฟาง : กลอนชมนาง


      ท่ามกลาง แสงทอง ของอโณทัย                     รองไร ใสส่อง สู่ห้องหน
บัญชร อ่อนช้อย ม่านน้อย;ชน                                  บทพลิ้ว ปลิวพ้น ล้นรำเพย

      อนงค์ หนึ่งนาง หน้าต่างแง้ม                          โฉมแย้ม แชล่มฉาย อำไพเฉลย
ผมยาว พราวสลวย สวยชื่นเชย                                 ล่วงเลย ยุวดี เทพธิดา

      พักตร์ผุด ดุจผาด เดือนผัดผ่อง                        เนตรสอง ว่องวาว ดั่งดาว;ผา-
ณิตหวาน พลันน้อย ด้วยสร้อยสุภา                            โอษฐ์อิ่ม พิมพ์อา รีรติพร(ผาณิต=น้ำอ้อย)

      ลำคอ ละหง น่าหลงลุ่ม                                หัวไหล่ ใครกุม คงคุ้มร้อน
อกตึง กลึงกลม ชวนชมชอน                                   เอวกิ่ง พลิ้วอ่อน อ้อนแอ้นองค์

      คงมี คนจอง ใคร่ครองคู่                                เอ็นดู สุวมน ปรนเปรอหลง
เอาใจ ไม่ขาด นาถอนงค์                                       ประสงค์ สิ่งใด ดั่งใจปอง

      เราเพียง หญ้าฟาง ไม่บังอาจ                         หมายมาด ปรารถนา ดอกฟ้าสนอง
เจียมตน จนใจ มิหมายจอง                                    จำตรอง ครองตน คนเดียวดาย ฯ

๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๕

วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ใฝ่...ฝัน : กาพย์ยานี ๑๑


                                                                             Flickr


ใฝ่...ฝัน : กาพย์ยานี ๑๑


      ชีวี ต้องมีฝัน..............เพราะโลกนั้น มันขัดสน
ไม่ได้ เหมือนใจดล............หลากทุกข์มล ท้นทรมาน์

      หลายคน ล้นฝันใฝ่......ปล่อยใจไป ไม่ถือสา
สู่ฝัน ฟูมสัญญา................แสวงหา มายาการ

      ฝันที่ มีเราท่อง..........แสนเรืองรอง ผ่องไพศาล
งดงาม แลสำราญ.............สุขระดาล ซ่านฤดี(ระดาล=ระ+ดาล)

      มากล้น มีคนรัก...........สมานสมัคร มอบศักดิ์ศรี
จับจ่าย ใช้เปรมปรีดิ์............สวัสดี มิเคืองคาย

      อยากมี มีสมอยาก........ไม่ลำบาก ยากเลือนหาย
อยากเป็น เป็นง่ายดาย.........อยากสิ่งใด ได้สิ่งนั้น

      เชื่อใจ ใช้ชีวี...............จะฝันดี จงมีฝัน
ฝันวีร์ ใฝ่มีวัน......................ชีพสุขสันติ์ นิรันดร

      อย่าใฝ่ อย่างใจฝัน.........จนเฟือนฟั่น จรัลหลอน
สัจจา สัญญาจร...................อนาทร มิถอนใจ

      อุตส่าห์ พยายาม............อย่างงดงาม ตามพิสัย
ฝันดี คงมีได้........................มิเคลื่อนไคล ไม่คลาดคลา

      สิ่งที่ อยากสิทำ..............ในฝันคร่ำ ล้ำโลกา
เห็นเมียง เพียงมายา..............ล่วงสัจจา อย่าจริงจัง

      พัฒนา ความสามารถ.......อาจสมวาด สิ่งคาดหวัง
ศีลธรรม สำคัญ ; ทั้ง..............ชั่วชีวี มิละจรรย์

      ชีวี ที่สดใส.....................อย่ามีใฝ่ แค่ในฝัน
ทำเป็น เห็นจริงปัน.................อย่างสร้างสรรค์ เฉกฝันเอย ฯ

๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๕

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ภาพขำขำ ๔๑

ภาพขำขำ ๔๑





๏  วาสนา ชะตาดล

สองชีพชนม์ มาหม่นจิต

ครุ่นหลัง ภวังค์คิด

นิ่งสนิท สถิตนาน....











เซ็ง...

ฝนตก พรำๆ ค่ำยันเช้า

นอนเซา เหงาระห้อย คอยแดดเห็น

ชีวิต คิดให้ หลายลำเค็ญ

อยู่เป็น แมวโสด หดหู่ใจ....











ผู้ใหญ่ท่านสอนไว้ว่า

ถ้าทำผิดพลาด ให้หัดนับ " หนึ่ง " ใหม่

แต่ที่ชั้นนับ " หนึ่ง " ไม่ใช่เพราะพึ่งทำผิดอะไร

ชั้นดัน " ลืมไป " ว่านับถึงไหนแล้ว..อ่ะดิ

T o T







รัก...

ต้องการคุณภาพ...จากใจ

ไม่ใช่

ปริมาณ...จากปาก

รักแล้ว...

ไม่ต้องพูดมาก

แต่ต้องทำให้ไม่คิดมาก






ความรัก....

ทำให้ มองไม่เห็นความแตกต่าง

ความจืดจาง....

ทำให้ ไม่ยอมฟังความคล้ายคลึง

ความรัก....

ทำให้ ใจฝักอยากคิดถึง

ความจืดจาง....

ต่อให้ ถึงอยู่เคียงข้างก็ร้างตัวตน ฯ




เงินและเวลา มีค่า ต่างกันที่

เงินใช้แล้วหาใหม่ได้

แต่เวลาใช้แล้ว หามาทดแทนไม่ได้

เงินและเวลา มีค่า เหมือนกันที่

คนฉลาดใช้แล้ว ชีวิตเจริญก้าวหน้า

ส่วนคนโง่ใช้แล้ว ชีวิตตกต่ำเสื่อมทรามลง





เมฆคู่ฟ้า ปัญหาคู่ชีวิต : กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘




เมฆคู่ฟ้า ปัญหาคู่ชีวิต : กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘


.................................ข้างเคลื่อน เดือนดับ
ทิวา ลาลับ...................จับตา ราตรี
ป่าดง พงไพร................มิไร้ แสงสี
แร้นขาด รัชนี-...............กรมี ดาริกา

..................................แม้ว่า หน้าฝน
มิสัตต์ ขัดสน.................ฟ้าใส ให้หา (สัตตะ=ข้องอยู่)
ดาวฤกษ์ เบิกบาน...........คู่วาร เวลา
รอใคร ในหล้า................มองมา สวัสดี

...................................ยามหัน ปัญหา (หัน=เห็น)
ยังมี เวลา......................พักใจ ให้ศรี
ผ่อนคลาย คับข้อง...........เสพส้อง สุนทรีย์
บรรเทา เข้าที่..................ค่อยรี่ โรมรัน

....................................ใจคับ อับจน
อย่าเร่า ร้อนรน.................ไร้ผล ดลสรรค์
สงบ สบจิต.......................หยุดคิด ติดพัน
ใจว่าง อย่างนั้น..................พลิกผัน จรรโลง

.......................................ธรรมดา สามัญ
ชีวิต ชิดปัญ-......................หาแห่ง แจ้งโจ่ง
เก่าไป ใหม่มา.....................เหมือนฟ้า ละโล่ง
เมฆเยือน เลือนโยง...............อย่าหลง ไหลเอย ฯ

๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๕

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

กรรมบันดาล : กลอนคติสอนใจ

                                                                              Google

กรรมบันดาล : กลอนคติสอนใจ


      ต้นสาละ ยืนไสว ในอาวาส                          สูงผงาด หน้าวิหาร สะคราญศรี
ยุคลคู่ ดูสง่า ซ้ายขวามี                                       แต่แปลกที่ มิพรั่งเพรา เท่าๆกัน

      ต้นด้านขวา สูงกว่า น่าเกรงขาม                    ยืนงดงาม ลำตรง ยงถวัลย์
ใบดกหนา ท้าแดด ที่แผดพรรณ                            แต่ดอกนั้น น้อยนิด ไม่ติดตา

      ต้นด้านซ้าย ใบน้อย ต้อยต่ำเตี้ย                   ดอกดกเรี่ย ลากพื้น ขึ้นยอดหรา
ดูอ่อนแอ แม้ฝน ล้นหลั่งมา                                 คาดเดาจะ อายุสั้น ไม่มั่นคง

      เปรียบเหมือนคน สนใจ ใช้ชีวิต                    คนหนึ่งคิด จิตคุม ไม่ลุ่มหลง
สร้างฐานะ พยายาม เจตน์จำนง                           มัธยัสถ์ตรง ส่งให้ เกรียงไกรมี

      ส่วนอีกคน สนใจ ใคร่สนุก                         หาความสุข ลุกลาม กามวิถี
จ่ายฟุ่มเฟือย เฉื่อยชา ชอบราวี                            อบายมุข คลุกคลี มิเอางาน

      ต่อให้เป็น พี่น้อง ท้องเดียวแม่                    ก็เป็นแค่ พี่น้อง ที่ข้องขาน
แต่ชีวิต ผิดแผก แยกไกลพาน                             กรรมบันดาล สรรค์เป็น เห็นต่างเอย ฯ

๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๕

วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555

รักเขาข้างเดียว : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

                                                                   


รักเขาข้างเดียว : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑


      รักเกิด ประเจิดมี.................เพราะฤดี พิลาลส (พิลาลส=กระหาย)
คู่จอง ครองจด..........................ภคะจ่อ พะนอใจ

      แรกรัก ประจักษ์หวาน...........มธุปาน มลานไหว (มธุ=น้ำผึ้ง,มลาน=ลนลาน)
ดุจดั่ง ระฆังใด...........................ลลิต์ก้อง ฤ กังวาน (ลลิต=น่าชื่นชม)

      รักฐาน์ สุธาทิพย์ .................อมฤตจิบ อมรมาน (อมร=ไม่ตาย)
สุขชื่น ระรื่นซ่าน.........................อุระซาบ อุค์อาบทรวง (อุค=ยิ่งใหญ่)

      ตำนาน บุราณว่า...................มทนา กรุณหน่วง (มทนะ=กามเทพ)
แผลงศร ขจรสรวง.......................มนสอง มโนชสม (มโนช=ความรัก)

      ข้าเขลา มิเข้าใจ..................เพราะอะไร ฤทัยขม ?
รักแล้ว ก็แกร่วกรม.......................ตริตระหนัก ณ (รัก)ข้างเดียว

      ชีวี มิชูชด.............................มธุรส ปะปดเปรี้ยว
โหยไห้ หทัยเหี่ยว........................ฤ เพราะว่า กระทำผิด ?

      รักใคร มิไตร่ตรอง...................รชะข้อง คะนองคิด (รชะ=ความกำหนัด)
ถูกใจ ก็ใคร่จิต..............................บ่พิจารณ์ ประมาณจน

      กามเทพ ประจักษ์เหตุ..............ปฏิเสธ ประเวศน์ผล (ประเวศน์=การเข้าสู่)
เห็นที ริ อดทน..............................ทมะท้น กุศลทาน ฯ (ทมะ=การฝึกตน)

๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๕

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อดีตรู้ อยู่กับปัจจุบัน ฝันถึงอนาคต : กาพย์ยานี ๑๑




อดีตรู้ อยู่กับปัจจุบัน ฝันถึงอนาคต : กาพย์ยานี ๑๑


      หน้าฝน พิกลนี้................ร้อนมากมี น่าพิศวง
ฝนน้อย ลดถอยลง.................กว่าหลายปี ที่ผ่านมา

      เชยล่วง ช่วงวสันต์...........น้ำฝนงัน งวดคันนา
ไม่พรั่น จำนรรจา....................ข้าวเปลือกหว่าน แทนปักดำ

      ชาวนา ช้าไม่ได้...............แม้หวั่นใจ ในฝนน้ำ
หากแล้ง แห้งระกำ..................หรือท่วมท้น พ้นเรรวน

      อดีต ติดตรึงใจ..................ล้วนผ่านไป ไม่คืนหวน
มีค่า แค่ประมวล.......................เป็นบทเรียน จำเนียนนำ

      อนาคต ทั้งหมดไซร้............ล้วนยังไม่ มาให้ทำ
ตั้งจิต พินิจจำ...........................กุศลกรรม ให้งามดี

      จริงสัจจ์ ปัจจุบัน..................จึงสร้างสรรค์ พลันพิถี
เลือกเอา ให้เข้าที.......................คุณประโยชน์ ปราศโทษทัณฑ์

      อย่ามัว ฝังตัวกับ...................อดีตสรรพ อันดับสรร
กวดอยู่ กับปัจจุบัน......................ก่อนที่มัน จะผ่านไกล

      อย่าเอา แต่เฝ้าคิด.................ฝันพิจิตร พิสมัย
ทอดทิ้ง ความจริงไป....................กับอนาคต หมดเวลา

      ทำดี เท่าที่สุด.......................กาลไม่หยุด เดินรุดหน้า
กลืนทิน กินชีวา............................สรรพสิ่งสูญ อาดูรย์เอย ฯ

๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๕

วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เรียนรู้ชีวิต : กลอนคติชีวิต



เรียนรู้ชีวิต : กลอนคติชีวิต


      การเรียนรู้ คู่เคียง ชีวัน.............ความมุ่งมั่น สรรค์สร้าง วางผล
อุปสรรค ปัญหา ประจญ.................ความอดทน อุตส่าห์ ประสิทธิ์

      เรียนรู้สัตว์ ชนิดใด เป็นภัย........เรียนรู้พืช ชนิดใด เป็นพิษ
เรียนรู้คน คนใด เป็นมิตร.............เรียนรู้วิทย์ ชนิดใด เป็นการ ฯลฯ

      ความไม่รู้ คู่เคียง ความโง่..........ความอวดโอ้ อวดเก่ง เพ่งผลาญ
ความผิดพลั้ง รั้งภัย ไม่ปาน..............ความพิจารณ์ ดาลดล ผลดี

      เด็กคนใด เดินได้ (โดย)ไม่ล้ม....เด็กไม่ตรม ลุกสู้ รู้ศรี
เด็กไม่ท้อ ขอเดิน อีกที....................เด็กเพราะมี พยายาม (จึง)สัมฤทธิ์

      บาปเก่ากรรม ทำให้ ผิดหวัง........บุญเก่าคลัง ยังให้ สมจิต
บาปใหม่อย่า กระทำ ช่ำทิศ.............บุญใหม่กฤตย์ สุจริต ระวัง

      จงอย่าท้อ ต่อสู้ ชีวี....................แม้สิ่งที่ รอคาด พลาดหวัง
จงอย่าหยุด จุดจินด์ สิ้นพลัง..............แม้ว่ายัง ไม่เห็น หนทาง

      ไม่มีใคร สมหวัง ทุกสิ่ง...............มีแต่คน ตายทิ้ง ทุกอย่าง
ไม่มีใคร สิ้นไร้ วายวาง.......................มีบาป-บุญ หนุนสร้าง ย่างไป

      มองอะไร มองให้ รอบด้าน............คุณ-โทษทาน พานมี พิสัย
แม้นสัจจะ ยากจะ เข้าใจ.....................ต้องขวนไขว่ ให้รู้ ทะลุเอย ฯ

๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๕