ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555

พอมีไม๊ ? : กลอนรัก(กลอนหก)


                                                                         
พอมีไม๊ ? : กลอนหก

      พอมีไม๊ ? ในโลกนี้................สักคนที่ คิดถึงเรา
ในยามนี้ มีแต่เหงา.......................คลอเคลียเศร้า เคล้าโศกี

      พอมีไม๊? คนใจจริง.................มิกลอกกลิ้ง ลิงหลอกหนี
ไม่ผันแปร แดหวังดี.......................ทุกวี่วัน นิรันดร

      พอมีไม๊? ใครซื่อตรง................อย่างมั่นคง ไม่แคลนคลอน
น่าศรัทธา สาธุสร...........................ไม่ยอกย้อน ซ้อนซับทรวง

      พอมีไม๊? ไว้ใจวาง....................ได้ทุกอย่าง ไม่ห่าง-หวง
เป็นที่พึ่ง ไม่ทึ้ง-ทวง........................ล่วงเวลา ชีวามี

      พอมีไม๊? ได้ปรึกษา...................แก้ปัญหา พาสุขี
ไม่ขี้บ่น คนจู้จี้.................................พรั่งสติ พิจารณา

      พอมีไม๊? ใช้ชีวิต........................ปิยะมิตร ไม่อิดหนา
เป็นเพื่อนแท้ แม้บางครา....................ต่างทัศนา ประนีประนอม

      พอมีไม๊? ให้ครุ่นคิด.....................ขออุทิศ ชีวิตพร้อม
เป็นหนึ่งเดียว เกลียวกลมดอม..............เป็นจอมใจ ไปจอมจินด์

      พอมีไม๊? ในชาตินี้........................ถ้าไม่มี มิถวิล
รักษาตน จนกว่าดิน.............................กลบหน้าสิ้น วิญญาณเอย ฯ

๓๐ เมษายน ๒๕๕๕

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2555

ภาพขำขำ ๓๒

ภาพขำขำ ๓๒






          
ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เปิดประตู เปิดออกดูว่าใครมา

ก็อยู่สบายแล้วนี่นา

แล้วใครจะมาเปิดประตูหัวใจ

          

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เปิดประตู

เปิดออกดู อ๋อเป็นเธอ

อยู่สบาย มั้ยละเออ

จึงเปิดรับเธอเข้าประตูหัวใจ

เปิดเอาไว้ถ้าใจของเธอมั่นคง

จะตกลงถ้าเธอไม่มีเปลี่ยนใจ

จะรับไว้สู่ประตูใจ

          





โด่ โด่ โด่

คิดว่าข้าโง่ รึไง

แอ๊ปเปิลแช่ น้ำแข็งใส

รอให้ละลาย ง่ายกว่ากันเยอะเลย ฯ

เรื่องไร จะไปแทะให้ปวดฟัน...

555









เฮ้ย !

  เอ็งคิดว่า เอ็งแน่ รึงายฟ่ะ ?

ไร้สัมมา คารวะ กะผู้ใหญ่

วันนี้ข้า จะปล่อย ลอยนวลไป

วันหน้าไม่ สัมมา จะเจ๊อะดี...ฯ

เตือนไว้ก่อนนะ ไอ้หางกุด...

เหอะ เหอะ








( ฝันหวาน )

          

 แก้วตา หันมาฟังพี่จะบอก

เจ้าจง ตั้งใจฟังไว้ให้ดี

ความรัก ที่พี่มอบไว้ให้นี้

พี่ยินยอม พร้อมพลีให้แด่แม่นาง

หมดใจ ไม่มีเหลือให้ใครต่อ

พี่จะขอ ภักดีไม่มีจืดจาง

วอนน้อง อย่าให้พี่ต้องผิดหวัง

ถึงคราวเหินห่าง

พี่ขอสั่งนางก่อนลา

ไหล่นี้อย่าให้ใคร มากอด

มือนี้อย่าให้ใคร มาจับ

หน้าผากนี้อย่าให้ใคร มาจูบ

แก้มนี้อย่าให้ใคร ลูบคลำ

          





ดูไวๆ ทายเล่นๆ

ว่า...มองเห็น แมวกี่ตัว ?

ดู มาก ลาย ได้ มึนหัว

มีหลายตัว มั่วหลายราย ฯ

5555













ร้อนอะไรอย่างนี้

อุณหภูมิที่ 41 องศา

มีแต่น้ำ ช่วยฉ่ำอุรา

ลั้นลา ลั้นลา สบายใจ...ฯ






น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย : กลอนสุภาษิต ( วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ )


                                                                         
น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย : กลอนสุภาษิต
( วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ )

      " น้ำร้อน ปลาเป็น................น้ำเย็น ปลาตาย "
สำนวน ชวนฉงาย........................ให้คิด ปริศนา ?
น้ำเดือด ปลาสุก..........................เย็นรุก เริงร่า
ทำไม ใยมา................................อรรถา ตาลปัตร ?

      " น้ำ " ใน ที่นี้.......................หมายมี " วาจา "
" ร้อน " ไซร้ ใคร่ว่า......................ด่าทอ ข้อขัด
เสียดแทง เสียดสี.........................ย่ำยี ชี้ชัด
คนฟัง ฟึดฟัด..............................ปัดไส ไมตรี

      " เย็น " ถือ คือถ้อย.................ค่อยพูด ค่อยจา
อ่อนหวาน สรรหา..........................เมตตา อารี
เอาใจ ใส่เขา................................กล่อมเกลา เสาว์ศรี
ชวนฟัง พลั้งพลี............................ยินดี คล้อยตาม

      ถ้าหาก ยากหา........................พูดจา ช้าหยาบ
ถ้าอยาก รื่นราบ..............................หลีกหนี ผลีผลาม
ใจร้อน ย้อนร้าย..............................วุ่นวาย ลุกลาม
ใจเย็น เฟ้นงาม...............................เห็นความ จริงเทอญ ฯ

๒๙ เมษายน ๒๕๕๕

วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555

แค่คิด พินิจว่า... : กาพย์ยานี ๑๑



แค่คิด พินิจว่า... : กาพย์ยานี ๑๑

      แค่คิด พินิจว่า..................ภายภาคหน้า จะต้องตาย
ความอยาก ที่หลากหลาย.........พลันผ่อนคลาย ไปจากทรวง

      แค่คิด พินิจค่า..................ทรัพยา หา-แหนหวง
ให้รมย์ ชื่นชมลวง....................ไม่เกี่ยวข้อง เป็นของใคร

      แค่คิด พินิจเห็น.................เราอยู่-เป็น เพื่อเร้นไป
ความหวง ปวงล่วงไหล.............มิอาลัย ไม่อาวรณ์

      แค่คิด พินิจรู้......................บุญบาปคู่ มิรู้คลอน
ตามให้ ชดใช้ถอน.....................ก็กลัวหลาบ เกรงบาปกรรม

      แค่คิด พินิจแจ้ง..................บุญบาปแต่ง ชาติหน้างำ
เพียรหนุน บุญเกื้อนำ..................สุคติ นิตยา

      แค่คิด พินิจขบ....................โลกตลบ อาชญา
กายใจ ให้รักษา.........................ระมัดระวัง ไม่พลั้งเผลอ

      แค่คิด พินิจตาม...................กามคุณ หลงบำเรอ
สุขน้อย ทุกข์ร้อยเอ่อ...................อยากระงับ ดับระหาย

      แค่คิด พินิจทั่ว......................ความเมามัว พลันสลาย
เบื่อเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย...................หาทางราน สังสารเอย ฯ

๒๘ เมษายน ๒๕๕๕

วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2555

หน้าที่ : กาพย์ยานี ๑๑

                                                                         

หน้าที่ : กาพย์ยานี ๑๑

      " หน้าที่ " มีความหมาย..................กิจทั้งหลาย ที่ " ต้องทำ "
รวมถ้วน กิจ " ควรทำ ".........................จงจดจำ ทำให้ดี

      สอดคล้อง สิ่งต้องทำ.....................เพราะจำเป็น เช่นวิถี
เลี้ยงชู ดูชีวี........................................เภทภัยลี้ ริปูไกล

      หาสู่ ความรู้เห็น.............................สิ่ง " จริง "เป็น เร้นลับไข
" ชีวิต " ชิดเข้าใจ....................................." เหตุ " เป็นอยู่ สู่เป็น " ผล "

      รู้เพียร เรียน " หน้าที่ "....................ใหญ่น้อยมี ชีวีตน
 " ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี " ค้น-...............................คว้าเข้าใจ ใคร่กอบกรรม์

      รักษา ทำ " หน้าที่ "........................คือความดี มีถวัลย์ 
งดงาม แสนสำคัญ.................................กฎเกณฑ์หลัก ในจักรวาล

      " หน้าที่ " มีต่อตน...........................แลอื่นชน จนสาธารณ์
คิดไกล การย์ไพศาล..............................ใช่คิดแค่ เห็นแก่ตัว

      ชื่อว่า รู้ " หน้าที่ "............................ทำให้ดี มิโฉดชั่ว
กุศล พ้นหมองมัว....................................เสริมคุณค่า ชีวาคน

      จงอย่า อ้าง " หน้าที่ "........................ก่อราคี กาลีหน
บาปทราม ซ้ำคืนตน..................................ทุกข์ร้อนยล ท้นยากเอย ฯ

๒๗ เมษายน ๒๕๕๕

วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

เมื่อใด…: กลอนคติเตือนใจ(กลอนเจ็ด)



เมื่อใด…: กลอนคติเตือนใจ(กลอนเจ็ด)

      เมื่อฟ้า ไร้เมฆ มาเสกสรร...............ไพรวัน กลั้นกลุ้ม รุ่มร้อนหลาย
เมื่อฝน หนเหย ไม่เชยชาย....................ทุรน ทุราย ย่อมชายเชย

      เมื่อใจ ไม่มี ศีลธรรม.......................น้อมนำ กำกับ บังคับเฉย
ทำตาม ใจชอบ น้อมนอบเคย..................ละเลย ระบอบ กรอบจริยา

      เมื่อนั้น วันเดือน ไม่เคลื่อนจาก..........ลำบาก ลำบน ล้นปัญหา
อุปสรรค หนักเบา ล้วนเข้ามา...................ซัดพา ทลาย ไสสุขมี

      เมื่อครอบ ครัวใด ไม่ยึดมั่น................ศีลธรรม์ จรรยา สุธาศรี
ทำตาม แต่ใจ ใคร่ยินดี............................เปรมปรีดิ์ นิยม อารมณ์ยอม

      เมื่อนั้น วันคืน ย่อมขื่นขม...................ร้อนรม โรมเร่า ดั่งเตาหลอม
ความเสื่อม เชื่อมติด ชิดกรมกรอม..............รุมห้อม ล้อมห้าว เร่าทวี

      เมื่อคน หมู่ใหญ่ ไม่ยึดถือ....................ละซื่อ รื้อสัตย์ รัตบัดสี (รัต=ชอบใจ)
มัวเมา มายา มากราคี................................ฤดี ทุจริต ผิดศีลธรรม

      เมื่อนั้น มารกล้า มาปรากฏ....................โป้ปด กดขี่ บีฑาถัมภ์(ถัมภ์=ความกระด้าง)
กร้าวร่ำ กล้ำร้าย ไกรระกำ...........................ระยำ ย่ำยี ชีวีชน

      ผ่าวแดน แผ่นดิน สิ้นสงบ......................ตลบ อบอวล ล้วนทุกข์สถล
ไผท ภัยเถ้า เผาร้อนรน...............................สับสน อลหม่าน โลกันตร์เอย ฯ

๒๖ เมษายน ๒๕๕๕

วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555

นิสสัย - ใจคอ : โคลงสี่สุภาพ



นิสสัย - ใจคอ : โคลงสี่สุภาพ

. พืชพันธุ์สรรค์สัตว์ส้อง...............เสพเคียง
สัตว์บ่งพงไพรเพียง......................ล่วงรู้
พืช-สัตว์อุบัติเรียง.........................ครองคู่
รอดอยู่อาศัยสู้.............................สอดคล้องจองสม ฯ

. นิสสัย-ใจคอพ้อง.....................สัมพันธ์
เคียงอยู่ร่วมดูกัน..........................ล่วงรู้
กรรมก่อส่อสามัญ.........................นิสสัย
เผยจิตใจไขผู้..............................ต่ำช้า/ตระการ ฯ

. จิตใจเป็นพื้นฐาน.....................ความคิด
ดี/ชั่วกลั้วจริต..............................สืบซ้อน
เคยชินก่อเป็นนิส-........................สัยสั่ง สมเฮย
นิสสัยส่อสะท้อน..........................ลึกซึ้งถึงใจ ฯ

. เวลาเพียงช่วงสั้น.....................สรรค์เห็น
บางส่วนใจใครเป็น.......................กรรมฟ้อง
จะให้แน่นอนเข็น..........................คอยล่วง เวลา
เจนแจ่มนิสสัยส้อง.......................ลึกตื้นหนาบาง ฯ

. คบใคร..พึงคบด้วย..................นิสสัย
ห่างใคร..อาศัยใจ........................ห่างเฟ้น
ดูใคร..ใคร่คบใคร........................บอกบ่ง
ใจจิต-นิสสัยเน้น..........................รอบข้างลางคน ฯ

๒๕ เมษายน ๒๕๕๕

วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555

ทฤษฎีรัก : กลอนแปด



ทฤษฎีรัก : กลอนแปด


๑.    ทุกสิ่งสรรพ์ ผันแปร ไม่แน่นอน                     ความรักรอน รานได้ ให้คิดเห็น
๒.     ธรรมชาติ จิตใจ กลายเปลี่ยนเป็น                  รวนเรเช่น เมฆพ้น บนนภา

๓.     อันความคิด จิตผอง ต้องควบคุม                   หากไม่กุม ใจหาญ เกิดปัญหา
๔.    อาศัยหลัก ศีลธรรม์ และจรรยา                      คอยบัญชา จิตให้ ใจสัญจร

๕.    รักเป็นอา รมณ์ไหว ใจปรุงแต่ง                      ความคิดแปลง แรงถือ หรือถ่ายถอน
๖.     รักทำให้ ใฝ่หา โหยอาวรณ์                         ใจแคลนคลอน อ่อนไหว ไม่มั่นคง

๗.    ไม่มีรัก ไม่ตาย ไม่ร้อนเดือด                         รักคมเชือด เหือดใจ ไห้ไหลหลง
๘.    รักเป็นพิษ จิตไผล ใจพะวง                          โทษภัยลง ส่งให้ ตายมากมี

๙.    ความรักเป็น อันตราย ใช่ของเล่น                   อย่าทำเป็น เล่นไป ไสโศกศรี
๑๐.  หาความรู้ สู่ใจ ให้จงดี                                ก่อนคิดที่ มีรัก ไม่หนักทรวง

๑๑.  แจ้งนิสัย ใจคน ก่อนจลรัก                            อย่าง่ายมัก รักตน ล้นแหนหวง
๑๒.  มีอะไร ให้หมด ลดค่าปวง                            น้ำตาร่วง หน่วงใคร ไม่ได้เอย ฯ

๒๔ เมษายน ๒๕๕๕

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

ภาพขำขำ ๓๑

ภาพขำขำ ๓๑




คนไม่จริงใจ ไม่ต้องเลย

อย่ามาอ้างเอ่ย ชมเชยฉัน

แอบหนีเที่ยวชิ่ง ทอดทิ้งกัน

จะขอปิดกั้น ไม่หันมอง

ไปให้ไกลๆ คนใจคด

คุยโวโป้ปด หมดใจข้อง

ทางใครทางมัน คร้านต่อรอง

เพิ่มปลาเป็นสอง ?....ตรองเปลี่ยนใจ ฯ

อืม…น่าสนใจ ต้องขอคิดดูก่อน ...




ลูกสะใภ้ ในฝัน มันน่านัก

เจ้าลูกรัก หามา อ้างว่าสวย

แต่งตัวเก่ง ขั้นแม่ แต่ซังกะบวย

งานไม่ช่วย คอยแต่ ชะแง้มอง

  ไม่เป็นสรรพ กับข้าว เอาแต่ซื้อ

เลี้ยงลูกหรือ ถือเป็นเล่น เช่นข้าวของ

เสื้อผ้าใส่ ไม่ซัก นักเนื่องนอง
 สุดท้ายต้อง ซักทั้งใส่...ให้มันได้อย่างนี้...ฯ

......

ถ้าไม่ได้ กิ๊บหนีบผ้า ตราช้าง

เจ้าพุงย้อย คงร่วงผล็อยแน่ๆเลย เฮ้อ...





น้อง น้ำแข็ง...จ๋า

อากาศ ร้อนขนาดนี้

ถ้าไม่มี น้องน้ำแข็ง

พี่ต้องตาย ไร้เรี่ยวแรง

อกเหี่ยวแห้ง ร่องแร่งเอย ฯ







บรื๋ออออออ

ผีกระสือ หรือมาหลอก ?

อยู่ข้างนอก ป๊ะกะตู

ตา ลุก วาว ราวไฟฟู่

ต๊กใจอยู่ จนหูตั้ง ฯ

เค้ากลัวววววว นะ





สาวก " แอ๊ปเปิ้ล " แท้

ต้องใช้แต่ ตรา " แอ๊ปเปิ้ล "

ขนาด พัด ไม่ขัดเขิน

พัด " แอ๊ปเปิ้ล " พัดเพลินใจ ฯ

ไอโฟน , ไอแพด ,ไอพัด 5555






หิ่งห้อย : กาพย์ฉบัง ๑๖



หิ่งห้อย : กาพย์ฉบัง ๑๖

      นิศาหลังพายุฝน..............ชื้นเย็นเช่นยล
นิรมลแห่งห้วงสรวงสวรรค์

      จิ้งหรีดกรีดร้องป้องกัน..............อาณาจักรฉัน
อย่ามั่นหมายมาท้ามอง

      พราวประภากระพริบ ริบรอง.............บริสุทธิ์ผุดผ่อง
เหลืองล่องลอยในไพรพนา

      คือแสงแห่งหิ่งห้อยสา-..............มิตสืบชะตา(สามิต=ความเป็นเจ้าของ)
ชีวาธรรมชาติดัชนี

      หิ่งห้อยมิไร้ไพรี................ยังคงยินดี
ให้สีให้แสงแต่งไพรสัณฑ์

      แรงต่ำทรามค่ากว่าตะวัน.............ด้อยจ้วงดวงจันทร์
คงยังขยันแบ่งสรรค์ศรี

      วาววับพลับพลาพนาพี.................มนตราราตรี
เหมือนมีชีวาตม์อัศจรรย์

      แม้นเนื่องเบื้องหน้าจาบัลย์ ...............ไม่ช้าอาสัญ
ยังคงสนองส่องแสงใส

      ตราบสิ้นวิญญาณวารใด...............สังขารสานไข
มอบให้จุนค้ำบำรุงดิน

      ปีกกล้าสัมมาหากิน...............หิ่งห้อยน้อยบิน
ชีวินสิ้นไซร้มิไร้คุณ

      คนเราอย่าเขลาเมาสถุล.................ทำตนเป็นคุณ
เกื้อหนุนโลกหล้าสาธารณ์เทอญฯ

๒๓ เมษายน ๒๕๕๕