ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

การใช้ชีวิต : กลอนคติชีวิต



การใช้ชีวิต : กลอนคติชีวิต

      สายแล้วนะ พระอาทิตย์ อยู่ไหน ?.......ไม่มาให้ ส่องสว่าง ห่างเห็น
ทั่วท้องฟ้า เมฆขจิต ปิดเป็น.....................ลมพัดเย็น มิเจนชัด ฤดูใด ?

      ใบไม้หล่น กิ่งก้านโกร๋น ค้นเร้น...........เวิ้งว้างเว้น ลำเค็ญจิต คิดไข
ฟ้ามืดหม่น มาปรนเศร้า เหงาใจ.................นึกสงสัย ช่างกระไร ใดดล ?

      ปราชญ์สอนว่า รักษาใจ ให้นิ่ง.............อย่ากลอกกลิ้ง ขึ้น-ลงเลื่อน เคลื่อนไหว
ไม่ว่าจะ ต้องเผชิญ อะไร..........................อย่าเสียใจ หรือรักใคร่ ยินดี

      ชีวิตนั้น มันไม่แน่ ไม่นอน...................โลกซับซ้อน ย้อนยอกทุกข์-สุขศรี
ปล่อยอารมณ์ จมตามใจ ไม่ดี....................ไหวหวั่นมี สติตัน ปัญญา

      มองภาพกว้าง ทุกสิ่งอย่าง เกิด-ดับ.......ยึดติดสบ ย่อมพบกับ ปัญหา
มองเห็นไหม ความเปลี่ยนไป นานา.............ดั่งมายา ใช่อัตตา ตัวตน

      ถึงยามเที่ยง มีเพียงแดด รำไร..............หนาวเย็นให้ ในทั่วทุก แห่งหน
ยินสำเนียง เสียงวิหค วกวน........................จากไพรสณฑ์ ซ่อนพ้นกาย สายตา

      ฝึกจิตใจ ให้แกร่งไกร เข้มแข็ง..............จะได้แหล่ง ที่พึ่งแห่ง ยากหา
ใช้ชีวิต พินิจ พิจารณา...............................ให้ทรงค่า อย่างระมัด ระวัง

      ใชัวันวัย ใจประเสริฐ เกิดก่อ..................ยามใดต่อ พอรำลึก นึกหลัง
ภาคภูมิใจ ในชีวา ประดัง.............................ความดียัง แม้ฝังกาย ใต้ปถพี ฯ

๓๑ มกราคม ๒๕๕๕

กิเลส คือเภทภัย : กลอนคติสอนใจ




กิเลส คือเภทภัย : กลอนคติสอนใจ

      กิเลส เหตุปิดกั้น.................กมลมาน พานความดี
บังไว้ มิให้มี.............................ตาสว่าง เห็นทางธรรม

      บอกไป ก็ไม่เชื่อ.................ฟังจนเบื่อ ใจเขือขำ
ฟังไป ก็ไม่จำ...........................ถึงจำได้ ทำไม่เป็น

      ทุจริต จิตอกุศล..................ทำลายผล พึงยลเห็น
บาปกรรม ที่บำเพ็ญ...................เป็นวิบาก ทุกข์ยากตาม

      เห็นภัย ในกิเลส..................เป็นอาเพศ ควรเข็ดขาม
ตามใจ จะไหลทราม..................ทุคติ อวิชชา

      รักชั่ว ไร้หัวคิด....................ปัญญาปิด จิตบาปหนา
ยิ่งถลำ ยิ่งนำพา........................สู่อบาย อเวจี

      ยิ่งยาก จักมาเกิด................โลกประเสริฐ ประภาศรี
ยิ่งยาก ที่จักมี............................สุขิตา อภิรมย์

      พึงหัด ขัดเกลาจิต................พึงเห็นพิษ กิเลสสม
อย่าชื่น ระรื่นชม.........................กิเลสชั่ว น่ากลัวเอย ฯ

๓๑ มกราคม ๒๕๕๕

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

โลก -> อวสาน : กลอนสุภาพ ( กลอนแปด )

                                                                              Flickr

โลก -> อวสาน : กลอนสุภาพ ( กลอนแปด )

      ประชาชน ล้นหล้า สุดจะแก้..............ที่เพิ่มแล้ หลากคน จนยากหลาย
ขาดศึกษา อาหาร ปัญญาดาย.................ลูกมากมาย ตาย-อด ปรากฏออ

      ปลายศตวรรษ อุบัติคน ท้น ๒ เท่า......แล้วจะเอา อะไร ให้กินหนอ ?
เสื้อผ้า-บ้าน-อาหาร-น้ำ ฯลฯ ย้ำ..ไม่พอ.....ไม่แคล้วก่อ อาชญา ปล้น-ฆ่ากัน

      สภาวะ โลกร้อน บ่อนทำลาย..............ความเสียหาย อาหาร กาลคับขัน
ทุพภิกขภัย ร้ายแรง สำแดงดัน..................ให้สิ้นสันติ์ หั่นสุข ทุกข์ทวี

      ทรัพยากร-พลังงาน ผลาญเข้าไป........ป่าตัด-ไถ-เผา-โค่น จนป่นปี้
ความเสียหาย หลายเท่า ไม่เข้าที..............แล้งไม่มี น้ำ-ท่วม อ่วมอรทัย

      ธรรมชาติ ขาดสูญ ดุลยภาพ...............โลกพิลาป อาบเภท เทวษไหล
ทัณฑ์กลียุค ทุกข์แสน ทั่วแดนใด...............มีแต่ภัย ร้ายเหตุ เวทนา

      คนจะอยู่ อย่างสัตว์ หวาดระแวง...........น้ำใจแห้ง แล้งเหือด เลือดหลั่งหรา
คนจะเห็น แก่ตัว ทั่วนครา..........................โลกถึงครา อวสาน ชีวันเอย ฯ

๓๐ มกราคม ๒๕๕๕

ไม่มีใคร ไม่ปาณาติบาต : วิชชุมมาลาฉันท์ ๘

                                                                       

ไม่มีใคร ไม่ปาณาติบาต : วิชชุมมาลาฉันท์ ๘

      ตื่นเช้า เรามา................ล้างหน้า แปรงฟัน
อาบน้ำ ฉ่ำฉันท์...................หรรษา แต่งตัว
เปิดห้อง ให้แสง..................แดดแรง ส่องทั่ว
ก่อนอ้าว เข้าครัว.................หุงหา อาหาร

      ค่อยเคี้ยว ค่อยกลืน.......เริ่มฟื้น กำลัง
อิ่มเอม เปรมหวัง.................ไป่รั้ง ล้างจาน
แล้วออก เดินทาง................เพื่อสร้าง สรรค์งาน
หาเงิน เหินหาญ..................ไม่คร้าน หมั่นเพียร

      เพื่อปัจ จัยสี่..................ชีวี มีไว้
ข้าวของ เครื่องใช้.................เจ็บไข้ ได้เถียร
ยารัก ษาโรค........................โภคภัณฑ์ มั่นเจียร
เกื้อหนุน หมุนเวียน................ชีพเชียร ปลอดภัย

      กิจกรรม นำกล่าว.............ล้วนก้าว ล่วงศีล
ทำลาย ชีวิน..........................จุลินทรีย์ พลีวัย
สัตว์เล็ก สัตว์น้อย...................ร่วงผล็อย น้อยไหม ?
ทุกวัน เท่าใด ?......................กว่าไคล วายคน

      กล่าวได้ ไม่ผิด................ใช่คิด บิดเบือน
ทุกคน ยลเหมือน....................ยากเคลื่อน เลื่อนพ้น
ปาณา ติบาต..........................พิฆาต สัตว์ดล
เพื่อปก ป้องตน.......................ให้พ้น ทุกข์ภัย ฯ

๓๐ มกราคม ๒๕๕๕

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

ทำดี ไม่ได้ดี : กลอนสุภาพ (กลอนแปด)




ทำดี ไม่ได้ดี : กลอนสุภาพ (กลอนแปด)

      ยามเหมันต์ หันมา หวนหามอบ........หนาวเย็นรอบ พารา สุธาศรี
แดดละมุน อุ่นละไม ให้ยินดี..................ปานปราณี ปรีย์เวทย์ เมตต์บรรเลง

      ลำดวนดาล ลานดอก นอกฤดู..........ดอกตูมอยู่ ส่วนใหญ่ ไม่บานเบ่ง
บ้างบานได้ ไร้กลิ่น สิ้นไปเอง................เสน่ห์เคว้ง เซ็งคว้าง ร้างวิญญาณ์

      เปรียบได้ด้วย ช่วยคน ดลความดี......ผิดวิธี ผิดกาล ไม่หรรษา
ช่วยคนถ่อย น้อยธรรม ไม่นำพา.............." อุเบกขา " ถ้าเห็น เร้นผลใด

      เทียบได้กับ ทำดี มีศีลสัตย์..............แก่หมู่ชน ฉลชัฏ อัชฌาศัย
ไม่ได้ดี มิหนำซ้ำ อาจนำภัย....................หวนมาให้ ใช้ทุกข์ คลุกชีวา

      " อเสวนา จะ พา ลานัง " เถิด...........ผลประเสริฐ เกิดสุข ทุกสถาน์
" ปัณฑิตานัญจะ เสวนา "........................วัฒนา ผาสุก สิ้นทุกข์เอย ฯ

๒๙ มกราคม ๒๕๕๕

ครรลอง ครองธรรม : กาพย์ยานี ๑๑

                                                                             Flickr


ครรลอง ครองธรรม : กาพย์ยานี ๑๑

      มีปราชญ์ ประภาษไว้.................หากอยากให้ คนใคร่ศีล
ต้องทำ อิ่มหนำกิน..........................จึงสมจินต์ เจตนา

      มองโลก ที่รกร้าย......................คนรวยหลาย ไม่ใฝ่หา
ศีลธรรม นำชีวา..............................ยิ่งโลภา ยิ่งบ้างก

      มีปราชญ์ ประภ่าษผาย...............คนใกล้ตาย ไม่โกหก
คนชั่ว หรือกลัวนรก..........................ยังโกหก แม้ตกตาย

      คำเล่า กล่าวทำนอง...................จงหมั่นท่อง " ใกล้ต้องตาย "
ส่งผล กมลหมาย.............................ทำสิ่งที่ ดี-ถูก-ควร

      เท่าที่ มีเห็นมา..........................ยิ่งคิดกล้า ตัณหาหวน
สิ่งหวัง ฝังใจครวญ...........................ได้เสพส้อง ก่อนต้องตาย

      คนที่ มีความคิด..........................ไม่ทำผิด สัมฤทธิ์หมาย
ต้องเชื่อ ไม่เบื่อดาย...........................ในกำหนด " กฎแห่งกรรม "

      เชื่อ " ทำ ดีได้ดี  "........................" ทำชั่วมี ชั่วจิถัมภ์ "
วิบาก จักติดตรำ.................................กรรมสนอง ต้องอินทรีย์

      คือสัจจ์ ประภาษแท้......................ในดวงแด แน่วแน่ศีล์
ครรลอง ครองความดี...........................ถูกต้องมี วิถีเอย ฯ

๒๙ มกราคม ๒๕๕๕

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2555

เสียงเรียกร้องของหัวใจ : กาพย์ฉบัง ๑๖



เสียงเรียกร้องของหัวใจ : กาพย์ฉบัง ๑๖

      เสียงเรียกร้องของหัวใจ...............ก้องกังวานไกร
อยู่ภายในจิตนิตยา

      มิใช่เหตุผล/มนตรา..................แต่เป็นตัณหา
ความอยากกรากกล้าระหาย

      อันสัตว์อัชฌาขจาย................กระวนกระวาย
ขวนขวายไป่ตรองปองตาม

      อำนาจแห่งราคะกาม................แรงรนลุกลาม
เหนือความบังคับควบคุม

      ปล่อยให้หัวใจไกรกุม................ปัญหาประชุม
ทุกข์กลุ้มรุมเร้าเผาทรวง

      เสียงเรียกร้องก้องกรอกกลวง.............มายามาลวง
หาใช่เสียงสรวงห้วงสวรรค์

      จงมีสติเชาว์เท่าทัน................เภทภัยนัยอนันต์
ปิดกั้นด้วยปัญญาตน

      เสียงร้องของความมืดมน................เกิดจากอกุศล
อย่าสนใจใคร่คล้อยตาม

      ละเว้นบาปชั่วกลัวทราม...............ชีวาสง่างาม
ศีลธรรมนำสุขสมเอย ฯ

๒๘ มกราคม ๒๕๕๕

ดอกกุหลาบ กับ กายคน : กาพย์ยานี ๑๑

                                                                           Flickr


ดอกกุหลาบ กับ กายคน : กาพย์ยานี ๑๑

      กุหลาบ อาบไอหมอก...............ชูช่อดอก ชมดอยสูง
อุษา มาชักจูง...............................แย้มรับทุ่ง รุ่งทิวา

      ช่อตัด คัดจากต้น....................บำเรอปรน ชนปรารถนา
ทรงกลิ่น ประทินทา.......................สวยโสภา ให้นาคร

      สุดหน จนเหี่ยวแห้ง.................กุหลาบแกร่ง แฝงกลิ่นสร
เก็บใกล้ ได้อาทร..........................คงงามงอน ซ่อนวิมล

      ตราบที่ ชีวียัง.........................กายนี้ครั้ง รั้งเรียก " คน "
ชีพหาย วางวายหน........................กายของคน ยลว่า " ผี "

      ตราบยัง ตั้งชีพวัย....................คราบเหงื่อไคล ไม่หายมี
ของเหม็น เป็นราคี.........................รี่ชำระ ผละชิงชัง

      ตายไป กายเน่าเปื่อย................ต้องเหน็ดเหนื่อย เมื่อยเผา-ฝัง
ตัวคน (ที่)ตนรักยัง.........................ใคร่ไกลห่าง ดั่งธุลี

      เกิดมา ทำอะไร ?.....................รำลึกไว้  ในสักขี
สักการ์ สาธุมี.................................เทิดความดี ธีร์คุณธรรม

      (คน)ชั่วบาป ถูกสาปแช่ง............กระทะทองแดง แทงถลำ
ไร้ค่า หาจดจำ...............................กุหลาบ(ยัง)ล้ำ ค่ากว่าเอย ฯ

๒๘ มกราคม ๒๕๕๕

วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555

ภาพขำขำ ๑๗


ภาพขำขำ ๑๗




อย่ามายุ่งกะเค้านะ


วันนี้ เค้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น...

จะขยันอยู่หน้าจอ...

ขอเล่น Facebook อย่างเดียว

ข้าวก็ไม่กิน...

น้ำก็ไม่อาบ...

ไม่หลับไม่นอนด้วย...

คริ คริ คริ




ไอ๋หยา ! วันอา รายนี่..........

ดูซี่ มีแต่ ของอาหย่อย

อั่งเปา เราได้ หลายร้อย.......

ยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ สบายอุรา

 ญาติศรี พี่น้อง นองเนือง.....

ต่างเมือง มุ่งหน้า มาหา

อวยพร ทุกท่าน วันทา..........

ซิงเจียอยู่อี่ ซิงนี้ฮวกช๊ายฯ





แผล็บ...

แผล็บ...

แผล็บ...

แบบว่า...อาหร่อย

ข้อย สิเลิกกินอาหารแมว

รสปลาแซลม่อน แล้วเด้อออออออ..

กิ กิ กิ






ตัวเอง...

วันนี้...

เค้าไปเล่นด้วยไม่ได้หรอก

เพราะแม่บอกว่า...

เดี๋ยวนี้ เค้าเอาแต่เล่น..

ซน..จนเป็นลิง

อยากให้อยู่นิ่งๆ...

อยู่กับเหย้า เฝ้ากับเรือนบ้าง

เสียใจด้วยนะจ้ะ...






โอ้....ชีวิน   กินกับนอน

ไม่ทุกข์ร้อน อาทรไฉน

อยู่เฝ้าบ้าน สำราญใจ

ปล่อยวารวัย ซำบายเอย ฯ

เมี๊ยววววววว

เมี๊ยววววววว







นี่ !

เจ้าหนู...

มายื่นหมู ยื่นแมว กันหน่อย

เธอปล่อย หูชั้น ก่อน

แล้วชั้นก็จะผ่อน ปล่อย นิ้วมือ เธอ

โอเช ไม๊  ???

ว่าไง...หา





รอ รัก : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑




รอ รัก : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

      แสงสูรย์ อรุณส่อง................นภรอง ระเรืองไร 
โลกา อุษาไกร...........................ทิวะแย้ม แชล่มยอ

      บุปผา สุมาลี........................ผลิรี ระวีรอ
กลีบบาน สะคราญขอ..................พิสมัย ประไพภา

      ดั่งใจ หทัยเรียม...................เสาะเสงี่ยม แสวงหา
รอรัก สุภัคมา.............................รุจิตา ประดับไตร

      รักษา อุราสันติ์.....................ระตินัน ทะผ่องใส
มลทิน วศินไท...............................สุสวัสดิ์ พิพัฒนา

      ดุจรา สุมาลี.........................สุทธี วิจิตรา
รอแสง สุรียา..............................รุจิไล้ พิไลยล

      ใจข้าฯ จะเบ่งบาน.................สุวะคราญ สราญคนธ์
ศีลธรรม ประจำจล.......................ประจุจิต ประกิดใจ

      รอผู้ เหมาะสู่พงศ์..................จิตระตรง วรงค์ไตร
สิทธา มิสาไถย............................อุตสา หะพากเพียร

      บูชา กุศลเชิด........................มุทุเทิด ประเสริฐเถียร
ครองคู่ สิอยู่เคียน..........................อสุสันติ์ นิรันดร์เอย ฯ(อสุ=ชีวิต)

๒๗ มกราคม ๒๕๕๕

ล่วง...หลง : กลอนคติชีวิต

                                                                               Flickr

ล่วง...หลง : กลอนคติชีวิต

      หน้าหนาว คราวแล้ง..............ใบไม้ เหี่ยวแห้ง ร่วงหล่น
ท้นทาง สถล..............................ลานกล่น เกลื่อนกลาด ดาษดา

      กิ่งก้าน รานใบ......................ดูไร้ สูญสิ้น วิญญาณ์
ทุรพล ดลตา...............................แม้ว่า ชีวา ธำรง

      สังขาร คนเรา........................ยามเยาว์ อย่าเมา ใหลหลง
เปล่งปลั่ง ยังยง............................ความงาม ยังคง ส่งสะคราญ

      ถึงคราว เฒ่าวัน.......................ผิวพรรณ ผ่านวัย ไปนาน
เหี่ยวย่น ผลพาน...........................เปรียบปาน กิ่งก้าน รานใบ

      เมื่อหมด เวลา.........................วิญญาณ์ ลาร่าง สั่งไส
ทิ้งสัง ขารไว้.................................ดั่งใบ ไม้หล่น บนดิน

      มัวเอา เวลา............................เมาร่า เริงเบิ่ง ถวิล
ผิวพรรณ ประทิน............................สังขาร ประคิ่น ดิ้นไย ?

      ลุ่มหลง วัตถุ............................สุขะ ภาวะ ทันสมัย
ฟุ่มเฟื่อย เรื่อยไฝ่............................หลงใหล ไข่คว้า หาครอง

      สัจจา หาแล.............................แม้แต่ กายตน ยลผยอง
ชีวัน ครรลอง..................................สุดท้าย ตายต้อง แตกไป

      อนุชน จดจำ.............................กิจกรรม ความดี มีไหม ?
สร้างสรรค์ สิ่งใด..............................ฝากไว้ ให้รำ ลึกเอย ฯ

๒๗ มกราคม ๒๕๕๕

วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

เกิดมามีคุณค่า : กลอนสุภาพ (กลอนแปด)

                                                                                  Flickr

เกิดมามีคุณค่า : กลอนสุภาพ (กลอนแปด)

       สุรีย์ไซร้ ไร้แสง สำแดงส่อง.............ความร้อนอุ่น สูญพร่อง ขัดข้องไข
คุณค่าคง เสื่อมสิ้น อจินไตย...................แค่เศษหิน ชิ้นใหญ่ ในนภา

       ศศิมา หามี รังสีไม่..........................ล่องลอยไป ไร้ปราศ ภาสผลา
เห็นเพียงเงา เพราสิ้น พินทุทา.................ทาบท้องฟ้า ราตรี ไม่มีคุณ

       แม่น้ำหาย ใสเย็น เห็นขุ่นคร่ำ.............สกปรกดำ ทรามเหม็น เว้นเวียนหมุน
ไม่สามารถ ใช้สอย คล้อยเจือจุน...............ค่าสถุล โสโครก รกโลกมี

       เพราะอยู่เกื้อ เพื่อกูล พูนประโยชน์......มิเป็นโทษ งดงาม อร่ามศรี
เพราะคงไว้ ไตรตรึง ซึ่งความดี..................จึงสุพีร์ มีค่า น่านิยม

       ชีวิตคน สนใจ อย่าไร้ค่า.....................เมื่อเกิดมา อย่าทราม คุณงามสม
จงสรรค์สร้าง ประโยชน์ รุ่งโรจน์รมย์............ให้สังคม โลกา สาธุกรรม

        อย่าได้อยู่ เยี่ยงสัตว์ เสียชาติเกิด..........คอยละเมิด จรรยา ชั่วถลำ
ก่อบาปหนา กล้าเข็ญ เวรระยำ....................ชีพต้อยต่ำ ทรามชาติ อุบาทว์เอย ฯ

๒๖ มกราคม ๒๕๕๕

ที่พึ่งที่แท้ : กลอนหก

                                                                         

ที่พึ่งที่แท้ : กลอนหก

       อะไร ไม่เป็น เช่นคิด..............ชีวิต อนิจ จตา
วัยวาร สารพัน ปัญหา...................ปรารถนา อนาคต สดใส

       ประหวั่น พรั่นทรวง ดวงกมล.....กังวล จนคิด จิตไข
แสวงหา สิ่งพ้อง ป้องภัย................สิ่งใด ให้สม รมย์ทรวง ?

       น้องพี่ บิดา มารดร..................หาห่อน ทุกข์น้อย ด้อยหลวง
ญาติผู้ ใหญ่ชิด มิตรปวง.................วิบากหน่วง ห่วงน้อย ร่อยฤา

        พึ่งพา พระสงฆ์ องค์เจ้า...........หลงเมา โลกธรรม ล้ำถือ
ดีแต่ เทศนา ระบือ........................ไม่ซื่อ ไร้สัตย์ อัชฌา

       พึ่งไส ยศาสตร์ ขัดสน..............เวทมนตร์ บ่นท่อง ข้องคาถา
ยิ่งเขลา เมาบาป หยาบช้า...............สัจจา หาน้อย พร้อยมี

       พึ่งเรื่อง เครื่องราง ของขลัง.......สิ้นหวัง วาณิชย์ วิถี
พึ่งดวง โชคร้าย ไม่ดี......................มากมี เข้าเกาะ เคราะห์กรรม

       ผีสาง ร่างทรง สงสัย................สาไถย ลวงหลอก กลอกถลำ
พึ่งผู้ วิเศษ เพทพรำ.......................ทุศีล สิ้นธรรม งำใจ

       พึ่งพา วิท ยาศาสตร์.................ชีวาตม์ วัตถุ สู่ไส
ไม่อาจ พึ่งหวัง ทางใจ.....................สร้างปัญ หาใหม่ ใหญ่ทวี

       พึ่งศีล จินดา สงบสุข.................พึ่งธรรม นำทุกข์ ชุกหนี
พึ่งผล กลกรรม ความดี.....................ดำเนิน วิถี จริยา

       นับมี ที่พึ่ง ซึ่งแท้......................นับแต่ มีชี วิตหา
เป็นที่ พึ่งที่ ซึ่งพา...........................ชีวา อนาคต สวัสดี ฯ

๒๖ มกราคม ๒๕๕๕