ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กาพย์ยานี ๑๑ : ห่มผ้า ห่มกาย






กาพย์ยานี ๑๑ : ห่มผ้า ห่มกาย

      ฟุ้งฟ่อง ละอองฝน                   ลมพัดพ่น จนห้องเข้า
หาผ้า มาบรรเทา                            ห่มกายเนา ให้หนาวคลาย

      ห่มผ้า ถ้ากายหนาว                  ห่มสาวๆ หนาวใจ(ค่อย)หาย
ห่มหนุ่ม ชุ่มฉ่ำกาย                         ห่มอาลัย ใจอาวรณ์

      เปลี่ยวเปล่า หนาวดวงจิต         ห่มผ้าชิด จมมิดหมอน
ใจหนาว จนร้าวรอน                        กอดก่ายหมอน นอนเดียวดาย

      หาแฟน แทนผ้าห่ม                   แสนนานนม ไม่สมหมาย
ผ้าห่ม ถมทับกาย                            หนาวไม่คลาย หน่ายระทม

      หลับตา กอดผ้าแน่น                 ไม่ทดแทน ใจแคลนขม
ลืมตา มองผ้าชม                            ไม่ชวนห่ม สมฤทัย

      คืนหนาว แสนยาวนาน              ทรมาน ปานไฉน
กอดผ้า ฝันหาใคร                           มาห่มใจ ให้แก่กัน

      ตื่นนอน ยิ่งย้อนหนาว               ยั่งยืนยาว ใจเฝ้าฝัน
ไร้ผ้า มาห่มพัน                               ไร้กันและกัน พันห่มกาย

      หนาวใจ ไร้ใครห่ม                     ทนระทม ตรมไม่หาย
ห่มผ้า ไม่ระคาย                               ต้องอาศัย ใครห่มเอย ฯ

๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๔

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

โคลงสี่สุภาพ : เวลา ไม่ คอยใคร



    โคลงสี่สุภาพ : เวลา ไม่ คอยใคร

     ๑.รุ่งสางสว่างแล้ว         แก้วตา
    นกกู่ก้องพนา               เพรียกพร้อง
    แสงทองส่องนภา          จรัสแจ่ม
    วันใหม่บัญชรห้อง          เปิดแง้มปรุงขวัญ ฯ

     ๒.วันจันทร์วันแรกซ้อง     สัปดาห์
    หมายมั่นฉันท์นันทา         สรรค์สร้าง
    ชีวีมีเวลา                     จำกัด
    อย่าอิดออดเอ่ยอ้าง        ย่อมพ้นโอกาส ฯ


     ๓.คืนวันผันผ่านพ้น        เร็วไว
    เวลาบ่คอยใคร               เชื่องช้า
    หน้าที่มีทำไป                ลุล่วง
    อัปมงคลถ้า                  คั่งค้างงานการย์ ฯ


    ๔.อย่ารอคอยพรุ่งนี้          วิริยา
    หากบัดนี้มีเวลา              เริ่มต้น
    ประกอบกรรมสัมมา         สุจริต
    ทำดีมีค่าท้น                  ผลได้ดีสนอง ฯ


    ๕.สังขารนับวันใกล้          ตายสูญ
    แต่สามารถเพิ่มพูน          เร่งรู้
    ปัญญาวิชากูล                รุ่งโรจน์
    กุศลจิตคิดสู้                   เพริศแพร้วอบรม ฯ


    ๖.อย่าปล่อยฤดีท้อ           รอใด
    บุญกุศลผลไกร                สืบสร้าง
    พัฒนาปัญญา-ใจ              ขัดเกลา กิเลส
    จิตงามนำสล้าง                 สู่ห้วงสุคติ ฯ

    ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๔

กาพย์ยานี ๑๑ : กระแส แห่ง ชะตาชีวิต

          
                     


กาพย์ยานี ๑๑ : กระแส แห่ง ชะตาชีวิต

      นาวา แห่งชีวิต               ดวงจิต เลื่อนไหลใดหน ?
ชะตา กระแสชล                   พัดผจญ ดลแดนดง

      เผลอใจ ผ่านไกลแสน      สู่ดินแดน แล่นลับหลง
ใจจัก พะวักพะวง                  งันงวยงง พงเภทไพร

      ตลอด ทั้งสองฝั่ง             แลท่ามกลาง ทางยังไกล
อุปสรรค หนักมากภัย              รักษาตน ให้พ้นพาน

      กุสลา อานิสงส์               ช่วยธำรง ส่งสุขศานติ์
กระแส แห่งเวรวาร                 ลงโทษทัณฑ์ รันทดใจ

      ปัญญา ประจักษ์สัจจ์        พุทธศาสน์ สุทัศน์ใส
สังสาร ประธานไท                 ชักพาไป ชดใช้กรรม

      แหงนมอง ดูท้องฟ้า          สุดสายตา นภาล้ำ
เหลียวมอง ดูคลองธรรม           แสนงดงาม สุดอำไพ

      ท้องฟ้า อากาศโปร่ง          แม้ไพรพง โล่งไสว
ชะตา ชลาลัย                         มองไม่เห็น เช่นมืดมน

      บูชา สาธุศรัทธ์                 โปรดประสาธน์ ภัทร์กุศล
พ้นใน ภัยวัฏฏ์วน                      สงบสันติ์ นิพพานเทอญ ฯ

๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๔

กลอนเปล่า : กวี รำพึง



กลอนเปล่า : กวี รำพึง

บทกวี....
ที่กวีได้บรรจงเรียงร้อย.....
น้อยคนนัก ที่จักล่วงรู้ว่า....
มีเนื้อหา มาจากประสบการณ์ อันหลายหลากจากชีวิตจริงๆ....
มาก / น้อยเพียงใด...?


กาพย์ กลอน โคลง ฉันท์....
อันบอกเล่าเรื่องราว ของ....
สัจจะ...

ธรรมะ....
ความรัก....
อกหัก....
รักสลาย....
ขมขื่น....
ขบขัน....
ฯลฯ

หาได้เกิดจาก จินตนาการ แห่ง สูญญากาศ
หาได้มีที่มาจาก การเขียนวาด สร้างสรรค์
ด้วยสุนทรียภาพที่ไร้ชีวิตและจิตวิญญาณ


หากแต่เนื้อหา และเรื่องราว เหล่านั้น...
ได้กรองกลั่น สรรค์สร้างมาจาก ความเป็นจริง....
ของเหตุการณ์ อารมณ์ ความรู้สึก ความสุข ความทุกข์.....
จากสัมผัสแห่งประสบการณ์ ของชีวิต และจิตใจมนุษย์...
ที่แสนสุดจะ หลากหลาย อ่อนไหว เปลี่ยนแปลง แปรปรวน .....
ไม่แน่นิ่ง อย่างมิไร้ชีวิตชีวา...


ผสมผสานกับจินตนาการ สามัญสำนึก และมโนธรรม...
อันบริสุทธิ์ วิจิตร งดงาม อย่างไร้ขอบเขต และยากจะหาที่สิ้นสุด....
ปรากฏเป็นผลงานแห่งบทกวี ....
ที่เป็นประดุจดั่งอนุสรณ์....
บอกกล่าวเล่าย้อน....
ให้ผู้อ่านได้ร่วมล่องลอย...
ไปกับ...
ศิลปะแห่งการบรรยาย ด้วยอักขระวิธี....

อันไม่มีกรอบ หรือ ขอบเขต ของสิ่งใดๆ จะมาบังคับ-ควบคุมไว้ได้....
ให้ผู้ร่วมเดินทางไปกับบทกวี
ได้ร่วมอยู่ในสัมผัส....
ประดุจเดียวกับ กวีผู้ที่ได้สร้างสรรค์ผลงานเหล่านั้น
ให้ได้ร่วมอยู่ใน....
ประสบการณ์ อารมณ์ ความรู้สึก ความสุข ความทุกข์ สนุก และโศกเศร้า....ฯลฯ

รวมทั้ง ได้ร่วมสัมผัสถึง ความคิด ความรู้  และญาณทัศนะใดๆ
อันกวีได้หยั่งรู้....
ซึมซับ ตระหนัก ล่วงรู้ และชื่นชม
โดยหวังว่า คุณค่าแห่งผลงาน จะถูกจรรโลงไว้.....
เพื่อประโยชน์ แห่ง มวลมนุษยชาติ ....
ไปตราบนานเท่านาน....ฯ

๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๔

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พรรค ( พัก ) นี้: กลอน..อกหัก..ขำขำ




พรรค ( พัก ) นี้: กลอน..อกหัก..ขำขำ 


      พรรค( พัก )นี้ ไม่มี เวลา โปรดอย่าเลือก            หัวใจเสือก มาแผ่ว แล้วจอมขวัญ
คิดถึงเธอ เสมอบ้าง เป็นบางวัน                              เพราะสารพัน ปัญหา ขอสาธยาย

      พรรค( พัก )นี้ ไม่มีตังค์ ถูกรังเกียจ                  กระเบียดกระเสียด ใช้สอย พลอยใจหาย
มีแต่เรื่อง เปลืองตังค์ ซังกะตาย                              ขาดรายได้ ไม่เหลือ โปรดเชื่อคำ

      พรรค( พัก )นี้ ไม่มีเสียง หยุดเถึยงกัน               สมานฉันท์ กันดีกว่า ประเสริฐสัมม์
เรื่องเคืองโกรธ โปรดนิ่งๆ อิงหลักธรรม                      หยุดต่อคำ อย่าโมโห เครียดโกรธา

      พรรค( พัก )นี้ ไม่มีคะแนน แฟนห่างหาย              เดินเดียวดาย ไร้คู่ สู้อุตสาห์
ได้แต่หวัง ตังค์หมด โปรดโทรฯมา                          เสวนา ภาษารัก อย่าจากกัน ( T _ T )

      พรรค( พัก )นี้ ไม่มีหวัง ไร้ทางออก                   แฟนมาบอก จะออกไป จากใจฉัน
หากขาดเธอ ฉันคงดิ้น สิ้นชีวัน                              โอ้...จอมขวัญ สงสารเถิด อย่าเปิดไป

      พรรค( พัก )นี้ ยังมิหา สมาชิก                         หัวใจฉีก พลิกพาน มานหวั่นไหว
ยอมว้าเหว่ ขอเวลา รักษาใจ                                 ไม่รับสาย ใครอย่าโกรธ โปรดโทรฯซ้ำ

      พรรค( พัก )นี้ ยังมิมี นโยบาย                        จะรักใหม่ พ่ายกระเจิง อย่าเพิ่งขำ
ขอรักษา แผลหัวใจ หายระกำ                             ค่อยมาคร่ำ นโยบาย รักใหม่เอย....ฯ

๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๔

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กลอนสุภาพ : คำกลอน สอนลูกชาย



คำกลอน สอนลูกชาย : กลอนแปด


      เกิดเป็นคน สนใจ ใฝ่ศึกษา                    วิชาภักดิ์ ทักษะ พาสุขศรี
ไม่เรียนรู้ โง่เง่า เขลาสิ้นดี                           คือวิถี  ทุกข์โศก โรคเภทภัย

      รับสิ่งที่ มีประโยชน์ เว้นโทษถ่าง           โลกสมสร้าง สิ่งดีแท้ แลสาไถย
รู้รับผิด ชอบ-ชั่ว-ดี มีวินัย                             อย่าปล่อยใจ ใช้อารมณ์ จมเสื่อมจำ

      สังคมล้น คนดี มีคนชั่ว                          อย่าเมามัว คบผิด คิดถลำ
คบคนดี ได้ดี มีศีลธรรม                               คบคนทราม ต่ำช้า พาระทม

      กามกรีฑา ระวัง ทางอบาย                    อย่าดีหมาย ได้หญิง อิงแอบสม
หญิงหยาบช้า พาใจ ให้ล่มจม                      ชีพเสื่อมตรม โทรมทุกข์ มุขโลกันตร์

      อย่าหลอกลวง ล่วงเกิน เพลินผู้หญิง      กรรมมีจริง บาปสนอง ต้องโศกศัลย์
เล่นกับรัก มักก่อเวร เป็นโทษทัณฑ์             มาก รัก-ราน บั้นปลาย ไม่ได้ดี

      จงเพียรหมั่น ภารกิจ รับผิดชอบ             จงน้อมนอบ อ่อนโยน (จะมี)คนส่งศรี
อย่าเบียนเบียด เหยียดหยาม ทรามชั่วมี       อย่าหลงดี หลงเด่น จะเป็นภัย

      อนิจจัง บังคับ สรรพสิ่ง                          อย่านอนนิ่ง อุตส่าห์ มนาใส
ทรัพย์สินสู้ แสวงหา ระดมไป                       สุขภาพ สรรพางค์กาย ให้ดูแล

      มีฐานะ มั่นคง จงค่อยคิด                       คู่ชีวิต พิสมัย ใจแยแส
มองคนดี รักดี ทำดีแล                                 สร้างรักแท้ สัมพันธ์ สรรค์สกุล

      ทำถูกต้อง คลองธรรม ความซื่อสัตย์     ปฏิบัติ ชัดเจน เช่นเขาขุน
ลูกหลานเห็น เป็นแนว ทแกล้วคุณ                กุศลจุน บุญส่ง จงเจริญ

      ทรัพย์สินที่ มิใช้ ไร้ประโยชน์                  แสนล้านโกฏิ์ โจษจัน ใครสรรเสริญ
ตายแล้วทิ้ง เหมือนกาย อย่าได้เพลิน           บุญทานเทอญ นำพา ชาติหน้ามี

      ทุกชีวี มีกรรม หลามปัญหา                     ธรรมศึกษา พาสงบ พบสุขี
พุทธศาสน์ ดีแท้ แม้นานมี                            จงรักดี ทำดี ได้ดีเอย ฯ


๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๔

กลอนสี่ : โบว์น้อย

              
               

กลอนสี่: โบว์น้อย

      โบว์น้อย ผูกพราย                   ประดับปลาย ปอยผม
งดงาม น่าชม                                ผมพริ้ว ปลิวไสว

      อนงค์ องค์อร                          หวานอ่อน เยาว์วัย
เริงร่า แจ่มใส                                 จิตใจ ใฝ่ดี

      โบว์น้อย รักเรียน                      พากเธียร เพียรศรี
วิทยาฯ กวี                                      ดนตรี กีฬา

      อดทน ตนดัด                           มัธยัสถ์ ศึกษา
คุณธรรม นำพา                              ชีวา เจริญ

      โบว์น้อย สายรุ้ง                       เฟื่องฟุ้ง สรรเสริญ
ก้าวเดิน ก้าวเดิน                            เผชิญ เรียนรู้

      อนาคต สดใส                          ยิ่งใหญ่ รออยู่
ไม่ท้อ ต่อสู้                                    ต้องลู่ ตรงทาง

      สิ่งชั่ว มัวเมา                            ล่อเรา ผิดหมาง
เท่าทัน หันห่าง                              สว่าง สดใส

      สิ่งดี มีมัก                                รู้จัก รักใฝ่
ตั้งหน้า ตั้งใจ                                 คิดไกล ใฝ่ดี

      เด็กน้อย ดีเด่น                         ดั่งเพ็ญ ผ่องศรี
โบว์น้อย รักดี                                 มากมี สุขเทอญ ฯ

๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๔

กาพย์ยานี ๑๑ : ขออภัย คอมพ์ฯพัง



กาพย์ยานี ๑๑ : ขออภัย คอมพ์ฯพัง

      ขออภัย คอมพ์ฯพัง                      ต้องเหินห่าง รั้งแรมไกล
คิดถึง เธอ.ดวงใจ                               กินไม่ได้ นอนไม่ดี

      นอนหงาย ก่ายหน้าผาก               ครุ่นคิดมาก พรากสุขี
มารู้ ตัวอีกที                                       อ้าว...นี่เรา หลับยาวเลย

      กินข้าว ก็ไม่ได้                             แค่เป็ด-ไก่ ฯลฯ + ไม่เปิดเผย.....
ทำไร ไม่เสบย                                    เลยต้องเที่ยว เหี่ยวหัวใจ

      หลายคืน ตื่นมาเหงา                    ฝันเห็นสาว เพรารุ่นใส
โอ๊ะ! ขอโทษเธอ...เผลอไป               คิดถึง( เธอ ? )แทบตาย นัยนา...

      พักนี้ มีแต่ฝน                               ใจหมองหม่น ทนอิดหนา
ฝนใส รินไหลมา                                 เหมือนน้ำตา ข้า ฯ ไหลริน

      คอมพ์ฯพัง ขังหัวใจ                     ขาดเยื่อใย ในยุพิน
ต้องสั่ง ไก่ย่างมากิน                          คุ้นลิ้น ข้าวเหนียว-ส้มตำ

      กลัวใจ เธอกลายจาก                   สู้ลำบาก กินมากจ้ำ
น้ำตา ไหลทุกคำ                                เผ็ดระยำ( ขอโทษ ) ส้มตำอะไร ?

      คิดถึง เพียงยุพิน                          น้ำตาริน กินไม่ไหว.....
ส้มตำ เหม็นบรรลัย                          สั่งแล้วไง...ไม่ใส่ปลาร้า....ฯ

( โธ่... รู้ งี้ ไปซื้อเอง ดีกว่า....เซ็ง ! )

๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๔

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กาพย์ยานี ๑๑ : รักบริสุทธิ์ ดุจเมฆา

 

กาพย์ยานี ๑๑ : รักบริสุทธิ์ ดุจเมฆา

      รักที่ บริสุทธิ์                  เปรียบประดุจ เมฆสุดสาย
บางเบา พราวพร่างพราย         สวยสยาย ในนภา

      สูงส่ง จรรโลงจิต             ใครต่างคิด สิเนหา
หมายปอง ครองบัญชา            เป็นเจ้าของ ฉลองชัย

      เสือกสน กระสันหา            รักโสภา สุทธาใส
เสี่ยงสุ่ม ทุ่มกายใจ                   บาดเจ็บจม ระทมรวย

      เปรียบไป ไล่จับเมฆ             ความคิดเด็ก หมายเมฆสวย
ล้มลุก ทุกข์ระทวย                     อนาถเหน็ด เข็ดใจจำ

      หากได้ อยู่ปลายเขา            สูงเทียมเท่า เมฆขาวขำ
ใหญ่น้อย เลื่อนลอยลำ               สัมผัสผิว พลิ้วประไพ

      บางเบา กล่อมเกลาจินต์        ไร้ราคิน มลทินใส
บริสุทธิ์ ผุดผาดใจ                      สูงสะอาด มาดวิมล

      มองดู รู้ดวงจิต                     ใครประสิทธิ์ วิจิตรผล
ดวงใด มากมายมล                      จิตฉ้อฉล บ่จริงใจ

      ไม่ต้อง ทดลองเสี่ยง              คอยหลีกเลี่ยง เพียงสาไถย
ส่องหา สุทธาไท                        บริสุทธิ์ รุจเรืองรอง

      เอาใจ ใสเท่าเทียบ                สุทธาเลียบ เปรียบเมฆผอง
สุดปลาย สมหมายปอง                 บริสุทธิ์ ดุจเดียวเอย ฯ

๑ มิถุนายน ๒๕๕๔