ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ไม่ได้ดั่งใจ : กลอนคติสอนใจ



ไม่ได้ดั่งใจ : กลอนคติสอนใจ

    ฝนตก ต่อเนื่อง..................เป็นเรื่อง เหล่าชน สนทนา
บางคน บ่นว่า.........................ตากผ้า ไม่แห้ง แช่งสวรรค์
บางคน สนใจ.........................ข้าวไม่ ตายแล้ว แวววัน
อกใคร อกมัน.........................หมายมั่น ฝันเฟื่อง เนื่องมี

    อันความ ปรารถนา...............(ของ)อุรา สารพัด เกิดผุด
ธรรมดา มนุษย์........................ไม่หยุด คิดใคร่ ไล่บี้
สุขสันติ์ หรรษา........................แปลกใหม่ ให้มา พามี
สัมผัส สวัสดี............................สุขี ชีวะ ประชัย

    แต่เคย พบใคร.....................ที่ได้ ดั่งใจ ไปหมด?
ความเศร้า สลด........................หดหู่ คู่ฤดี พิสัย
ทุกคน เคยพบ..........................เคยประสบ (สิ่ง)ไม่ได้ ดั่งใจ
แต่จะ มีใคร..............................เข้าใจ ทำใจ เท่าทัน?

    ไม่ได้ ดั่งใจ..........................ไม่ใช่ ไม่ได้ ทุกอย่าง
มีสม หวังบ้าง............................ไม่สม ใจบ้าง สังสรรค์
ถ้าพึง พอใจ..............................เท่าที่ มี-ได้-เป็นกัน
จะมี ชีวัน..................................อัศจรรย์ หรรษา ชาตรี

    ทำนุ สุจริต...........................ทำจิต ทำใจ ให้ประเสริฐ
กุศล กลเกิด.............................บรรเจิด เจตนา จลศรี
บรรลุ สุขะ................................บรรจุ ศุภะ สวัสดี
ชีวัน สั้นนี้.................................ทำให้ มีค่า สาธุเทอญ ฯ

๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ปณิธานเข้าพรรษา : กาพย์ยานี๑๑



ปณิธานเข้าพรรษา : กาพย์ยานี๑๑

    เทียนจุด ประดุจเจ้า....................ศิระเกล้า ขอ ษมา
ต่อองค์ พระปฏิมา.............................คุณพระรัต (ตะ)นตรัย

    โสภา แสงประทีป........................ปลายเปลวลีบ สะบัดไหว
ยามต้อง ลมล่องไล้...........................คล้ายวิจิตร ชีวิตมี

    แสงธรรม ที่นำส่อง........................ชีวาท่อง คล่องวิถี
ปลอดภัย พิไลพี................................สุคติ สุขิตา

    ตั้งจิต อธิษฐาน.............................ปณิธาน เข้าพรรษา
ตั้งใจ ใช้เวลา....................................ปฏิบัติบูชา พุทธคุณ

    ก่อการ ทานสุจริต...........................ทำ-พูด-คิด ลิดสถุล
เว้นบาป สำทับบุญ..............................จำรูญผล จำเริญพาน

    เทียนสาด ประกาศส้อง....................จะปกป้อง ครรลองศานติ์
ตัณหา จะระราน..................................กิเลสผลาญ บั่นสิ้นไป

    คนเก่า จะก้าวพ้น............................เพียรพิมล เป็นคนใหม่
พฤติเก่า จะก้าวไกล.............................เปลี่ยนนิสัย ที่ไม่ดี

   ขอเอา เข้าพรรษา...........................ตั้งสัญญา ตราสักขี
มุ่งหมาย ใช้ชีวี...................................มีคุณค่า สาธุเทอญ ฯ

๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ฟูมฟักรักษากุศลจิต : กาพย์ฉบัง๑๖



ฟูมฟักรักษากุศลจิต : กาพย์ฉบัง๑๖

    หยาดฝนหล่นโรยละออง.....................จรดขอบฟ้าครอง
ชวนมองระรื่นชื่นไฉน

    ปัฏพีมีน้ำอำไพ....................ชลธีปรี่ไป
บอกใบ้พิบูลพูนสม

    แซ่ซ้องสกุณาระงม..................ไพเราะเพาะรมย์
อุดมชมชูแสนสุขี

    มรสุมกุมชะตาธาตรี................แล้ง-ท่วม น่วมฤดี
ชีวีลำบากยากขัดสน

    มิแตกต่างจากจิตใจคน................มโนกรรมนำกล
วนเวียนเปลี่ยนได้ตลอดวัน

    ยามฤดีมีมานกันดาร................บาปเปี่ยมเหี้ยมหาญ
แห้งแล้งห้วงลานพานพบเห็น

    ยามมีน้ำใจใสเย็น................พบรู้ดูเป็น
ประดุจเพ็ญจันทร์อันอาทร

    อกุศลมนมานลาญรอน...............พิบูลสุนทร
ขาดความอ่อนโยนถกลศรี(ถกล=งาม)

    กุศลมนงามความดี................อบอุ่นสุนทรีย์
มีความเอิบอิ่มปริ่มไพศาล

    ฟูมฟักรักษาตลอดกาล................ดวงอุระตระการ
ศานตินิรันดรเทอญ ฯ

๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประสาคน? : กลอนเจ็ด



ประสาคน? : กลอนเจ็ด

    สกุณ สุนทรีย์ เสรีท่อง.......................เพรียกร้อง พร้องรับ ขยับขยาย
ฟ้ารอบ ขอบเร้น เป็นเรือนตาย.................โลกคือ ที่หมาย จุดปลายทาง

    อาศัย ไพรพง ดำรงชีพ......................ไม่รีบ ไม่เร่ง เคร่งเหินห่าง
อยู่วัน วันไป ใจปล่อยวาง.......................เพียรสร้าง รังซ่อน ลูกอ่อนแอ

    กาจก่อ ต่อสู้ เพื่ออยู่รอด.....................จิตปลอด ปรารถนา สะสมแส่
สุขี ชีวัน สันติ์ดวงแด..............................ถึงแม้ (เป็น)แค่สัตว์ ขาดปัญญา

    เสรี มีไหม? ในหมู่ชน..........................ดิ้นรน วนเวียน เจียรจรดหา
สารพัด ทรัพย์สิน (ที่)ดิน-เงินตราฯลฯ.........ยศถา บรรดาศักดิ์ อยากมี-เป็น

    เหมือน(คือ)จุด มุ่งหมาย ใช้ชีวิต............วิจิตร อัศจรรย์ ฉันทาเห็น
พร้อมพลี ชีพไป เพื่อใช้เซ่น.....................สรวงเล่น สังเวย เชลยวาร

    เชิดชู บูชา (ที่)ฐานะคน.......................เหยียดหยาม ความจน พ้นสงสาร
เห็นแต่ แก่ตัว มัวสันดาน..........................สืบสาน พันธุ์เผ่า เพิ่มเท่าไว

    โลกา ระกำ (ถูก)ทำลายล้าง.................เหมือนอย่าง ไม่สู่ อยู่อาศัย
กอบโกย โหยหา มาครองใคร่...................เหมือนไม่ ตายลับ ดับชีวี

    สมเพช เวทนา ประสาคน.....................ทำตน ฉลสัตว์ ตระบัดศรี
หลงใหล ในตัว แม้ชั่วมี............................ทวี บีฑา โลกาเอย ฯ

๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ไม่พัฒนา : กลอนสะท้อนสังคม



ไม่พัฒนา : กลอนสะท้อนสังคม

    ตั้งแต่ เติบใหญ่...................ไม่เคย สนใจ ใฝ่รู้
วัยเยาว์ เฝ้าสู่.............................อยู่ไป วันวัน ขวนขวาย
ครอบครัว ยากจน........................บรรพชน โง่เขลา เมามาย
รู้จัก(แต่) มักง่าย.........................กระหาย อยากได้ อยากดี

    ไม่มี ศีลธรรม..........................ต้นทุน คุณธรรม จำกัด
ไม่ตรึก ฝึกหัด.............................พัฒนา ศักยภาพ สดับศรี
รักความ สนุก..............................ความสุข เฉพาะหน้า ชาตรี
ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี............................ไม่มี รอบคอบ กรอบธรรม์

    ไม่เคย ตระหนัก.......................รู้จัก ยับยั้ง ชั่งใจ
อยากทำ อะไร.............................ก็ทำ ทันใด ไม่หวั่น
ความคิด แคบ-ใกล้.......................ทำให้ ไม่เคย เท่าทัน
วิถี ชีวัน......................................ทุกครัน อันตราย ไคลคลา

    สัญชาต (ตะ)ญาณ....................สันดาน สรรค์สร้าง ทางทิศ
ดำเนิน ชีวิต..................................ไม่ผิด ประหลาด สัตว์ป่า
ทั่วโลก ก้าวไกล............................กลับไม่ ประหวัด พัฒนา
ดำเนิน ชีวา...................................เหมือนว่า ยุคหิน ชินกาย

    เมื่อจน ความคิด........................ชีวิต จึงจน ทุกอย่าง
มืดมน หนทาง...............................ไร้แสง สว่าง กระจ่างฉาย
อยากเป็น คนสวย...........................อยากรวย อยากสุข สบาย
ไม่อยาก เดียวดาย..........................ไม่อยากตาย...ไร้ปัญญา

    มองดู สังคม..............................(หาก)อุดม ด้วยคน เยี่ยงนี้
อย่าได้ หมายมี...............................โสภี อภิชาต ปรารถนา
ทำตัว มักง่าย.................................ตัวตาย คนเดียว ไม่ว่า
แต่จัก ลากพา................................ประชา ล้มหาย ตายตาม ฯ

๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

จงอย่าประมาท : กาพย์สุรางคนางค์๓๒



จงอย่าประมาท : กาพย์สุรางคนางค์๓๒

    กิ้งกือ หลบฝน...................เดินวน บนบ้าน
สำรวจ สำราญ..........................ศานติ์อัธ ยาศัย
คนต้อง ระวัง............................พลั้งเท้า ก้าวไป
ปรารถนา อย่าให้.......................กลายอาช ญากร

    "จงอย่า ประมาท"..................ชีวาตม์ ปรัชญา
กระทำ กรรมา............................ไม่สา มารถย้อน-
กลับคืน แก้ไข...........................ได้แท้ แน่นอน
เตือนตน เสียก่อน.......................มิถอน ทุกข์ใจ

    วัยเยาว์ เฝ้าเพียร....................พากเรียน ศึกษา
สะสม วิชา.................................(สร้าง)อนาคต สดใส
อย่าเอา แต่เล่น..........................(ริ)รักเป็น พิษภัย
เผอเรอ เมื่อไร............................มักไม่ ได้ดี

     วัยหนุ่ม วัยสาว.......................อย่าห้าว เหิมหาญ
จริยา อาจาร................................บันดาล สวัสดิ์ศรี(อาจาร=แบบแผน)
สังคม นิยม..................................สั่งสม ราคี
(จง)ยั้งใจ ใคร่ลี้............................(จะ)สุทธี ชีวิน

    ทำงาน การกิจ.........................ประสิทธิ์ ฐานะ
ทางสู้ อุตสาหะ.............................เพิ่มระดับ ทรัพย์สิน
ทะนุ สุจริต...................................พิชยา ประทิน
ยศศักดิ์ จักริน...............................ล้นหลั่ง พรั่งพรู

    สุขะ อนามัย.............................อย่าไป ประมาท
ระวัง พลั้งพลาด............................ชีวาตม์ ฆาตสู่
ภยัน ตราย...................................มากหลาย ใกล้กรู
อย่า(ทำตัว)เป็น ศัตรู......................มุร้าย ใส่ตน ฯ   

๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๘

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ควบคุมใจ : กลอนหก



ควบคุมใจ : กลอนหก

    ความต้องการ ทางธรรมชาติ................คนสามารถ อาจยับยั้ง
ดวงฤดี มีพลัง..........................................บงการสั่ง ได้ดั่งใจ

    แรงขับดัน สัญชาตญาณ........................มหาศาล สักปานไหน
จิต(ที่ผ่านการ)ฝึกฝน จนแกร่งไกร...............กำราบได้ ง่ายดายดี

    ใจเป็นใหญ่ เป็นประธาน.........................ดลบันดาล สรรค์สรรพศรี
จุดประสงค์ จำนงมี....................................สุทธิหวัง ตั้งอุรา

    ควบคุมใจ ให้ได้ก่อน.............................หยุดโอนอ่อน ตามตัณหา
บังคับใจ หมายเจตนา................................มั่นศรัทธา สาธุธรรม

    กุศลจิต สุจริตใจ...................................เป็นหลักให้ ใช้อุปถัมภ์
มิเอนเอียง มิเพลี่ยงพล้ำ.............................หล่อหลอมค้ำ ล้ำเลิศคุณ

    ไม่ด้านดื้อ ถือทิฏฐิ................................ฝึกสมาธิ สติหนุน
ทรงศีลธรรม ก่อกรรมบุญ............................ปราศสถุล สุนทรไท

    จะเป็นคน กมลสัตย์...............................กิเลสตัด อัชฌาศัย
จะเป็นคน พิมลใจ......................................หาได้ยาก ในจักรวาล

    สมาธิ วิปัสสนา.....................................แลวิชา หลักกรรมฐาน
อบรมใช้ ให้ชำนาญ...................................ประสบการณ์ ศานติ์สุขเอย ฯ

๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เปลี่ยนปัญหาเป็นพลัง : กาพย์ยานี๑๑



เปลี่ยนปัญหาเป็นพลัง : กาพย์ยานี๑๑

    หอยทาก (จำศีล)จากปีกลาย............คงวางวาย (เพราะ)ไม่เคยขยับ
ฝนชื้น รื่นกระชับ................................หอยทากสรรพ กลับสาละวน

    แห้งใบ ไม้ทับถม............................ถูกประพรม บ่มน้ำฝน
เริ่มสลาย กลายเปื่อยป่น.......................ท้นผืนดิน ถิ่นพงไพร

    ธรรมชาติ สะอาดตา.........................เอื้อบรรดา สัตว์อาศัย
ใหม่มา เก่าลาไป.................................ไม่เคยขาด วัฏจักรเวียน

    ดำรง คงชีวา..................................หลากปัญหา พาปวดเศียร
รู้แปร และแปลงเปลี่ยน.........................เป็นบทเรียน เชียรชีพชนม์

    อย่าเห็น เป็นความทุกข์.....................ลำเค็ญมุข คลุกอกุศล
สุขหลาย ในสากล................................รอให้คน ค้นหาเจอ

    รู้ว่า ปัญหามี....................................ระวังให้ดี มิพลั้งเผลอ
ไม่ทุกข์ ไม่ปลุกเท้อ..............................เอ่อล้นใจ ไม่เป็นคุณ

    ป้องกัน ปัญหาเกิด............................สิ่งประเสริฐ เลอเลิศหนุน
(ถ้า)ยังมี(ปัญหา) จงธีระดุน.....................(เพราะ)เวรกรรมหมุน สนองมี

    ปัญหา ถ้าผ่านพ้น.............................(จะ)ภูมิใจตน พิมลศรี
องอาจ สามารถดี..................................สมควรที่ คือวีรชน ฯ

๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เชื่อว่าความดีมีผล : กลอนเปล่า



เชื่อว่าความดีมีผล : กลอนเปล่า

    หลังฝนล้นหลั่งลา ในวันที่ฟ้าครึ้ม
บรรยากาศเซื่องซึมอบอ้าว
ฝูงนกแอ่นเล็กบินว่อนสลอนแต่เช้า
เพราะมีแมลงมากมายเร่าให้มากิน

    สายลมพัดแผ่ว ลูบลามตามแนวยอดไม้
ที่ขยับใบคล้ายใคร่โผผิน
ความชื้นชุ่มยังความอ่อนนุ่มสุมผืนดิน
แห้งแล้งวารผ่านไปสิ้น
ชีวินอุดมสมบูรณ์สุนทรีย์

    ฟ้าหลังฝน
ยังไม่รื่นกมลเท่าฝนหลังแล้งแห้งยาวนาน
ชีวิตที่อดทนจนพ้นผ่าน
ย่อมได้รับรางวัลอันสุขี
การกระทำที่ช่วยให้ยืนหยัด
อาจเป็นประเสริฐปฏิบัติวิธี
ชีวิตที่ดำรงคงอยู่นี้
เท่ากับมีคุณสมบัติแข็งแรง

    ระหว่างวิถีชีวีย่อมมีปัญหา
จงเลือกใช้ปัญญา จรรโลงอุราให้กล้าแกร่ง
กุศลหนทางเปิดกว้างไว้ย่างก้าว
พึงเลือกเอาเฝ้าแจกแจง
ความดีมีวิธีมากมายให้พลิกแพลง
อย่าคิดขัดแย้งแฝงใจไปใฝ่ชั่วอกุศล

    ศรัทธาในความดี
คือวิถีทางเบื้องต้น
เป็นธรรมหลักชักนำประจญ
ใช้ผ่านพ้นทุกๆปัญหา

    การเชื่อว่าความดีมีผล
เป็นหนทางสร้างความถูกต้องครองชีวา
เพิ่มพลังพรั่งพีให้ฤดีแกร่งกล้า
ฟันฝ่าอุปสรรคแม้หนัก-ยาก-มากเพียงใด ฯ

๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คือวิถีชีวิต : กลอนแปด



คือวิถีชีวิต : กลอนแปด

    โพยมยล หม่นหมอง พร่องรุจี...................มวลเมฆี ปรี่ห่ม อุดมหาว(โพยม=ท้องฟ้า)
ทว่าไร้ ไม่มี พิรุณ;ราว....................................รอต้นข้าว ยาวยอด รอดชลธร

    สกุณา เสนาะ ฉอเลาะเสียง.........................แว่วไกลเกรียง เพียงเพลง บรรเลงสร
ท้องทุ่งนา ป่ากว้าง ดังอมร-.............................สถานพร พินิจ พิจารณา

    ความกันดาร ผ่านไป กลายอดีต....................ปานลิขิต ขีดลาก โดยฟากฟ้า
อำนาจกุม คลุมโลก โชคชะตา..........................ให้เป็นมา เป็นไป ในสัจการณ์

    สิ่งที่มี ที่เป็น เห็นปรากฎ.............................เป็นกำหนด บทร่าง แรงสังสาร
ตอบสนอง ผองกรรม ทำบันดาล.......................บรรจบศานติ์ ทุกข์เศร้า เคล้าฤดี

    (เมื่อ)เข้าใจพลอย ปล่อยวาง สิ่งบังเกิด..........หารู้สึก ตรึกเลิศ ประเสริฐศรี
ทรัพย์สมบัติ พัสถาน หลากลานมี......................แค่โลกีย์ มายา ค่านิยม

    มิปราโมทย์ (ต่อ)ยศ-ศักดิ์-รัก-สรรเสริญฯลฯ.....ไม่รู้สึก เพลิดเพลิน เผชิญสม
ความยินดี ปรีดา ธรรมารมณ์.............................ค่อยจางจม ล้มหาย ไร้สัญญา(ธรรมารมณ์=อารมณ์ที่เกิดทางใจ,สัญญา=ความจำ)

    ซึ้งสงบ สบศานติ์ มานสถิต...........................มองชีวิต ชิดเป็น เช่นวัสสา(วัสสะ=ฝน)
ในบางครั้ง ลางที ยากมีมา................................ในบางครา ถาโถม จมท่วมทัณฑ์

    มีประโยชน์ โทษเท่า เข้าใจคิด.......................คือวิถี ชีวิต วิจิตรผัน
ไม่ลบหลู่/บูชา น่าอัศจรรย์.................................ไม่ยึดมั่น ถือมั่น ชีวันเอย ฯ

๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘

วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิธีเลือกคู่? : กาพย์ฉบัง๑๖



วิธีเลือกคู่? : กาพย์ฉบัง๑๖

    ฝนซาหลังสุระอัศดง....................ความชื้นคืนพง
บุษบงส่งกลิ่นประทินหอม(บุษบง=ดอกไม้)

    ดินอุ้มชุ่มน้ำงามงอม..................สมบูรณ์พูนพร้อม
ยอมให้ชีวิตวิจิตรสรรค์

    เมฆายังครองสายัณห์..................พรางดาวเพลาจันทร์(เพลา=เบาลง)
พนวันมืดมิดพิสมัย

    เพียงเสียงหริ่งหรีดเรไร.................โต้ตอบปลอบใจ
มิได้อยู่เดียวเปลี่ยวเอกา

    คู่ชีวิต(คน)ต่างคิดปรารถนา..................สอดส่ายสายตา
แน่ใจหรือว่าถูกวิถี?

    ตัดสินคนด้วยยลดูดี..................รูปลักษณ์โสภี
หมายมีชีวีศรีสรร

    ของใช้ทันสมัยไหวหวั่น.................ของแพงแรงดัน
เชื่อมั่นฐานะอานิสงส์

    อำนวยช่วยนำดำรง..................ชีวาทระนง
ยืนยงคงความสุขสบาย

    จึงเกิดกระบวนขวนขวาย.................ศัลยกรรมงามง่าย
ใช้เครื่องช่วยอวยสำอาง

    นิสัยใจคอเปราะบาง..................จริยาเหินห่าง
ละวางคุณงามความดี

    จับคู่อยู่ยากจากหนี...................หลายใจไหลมี
กดขี่บีฑาฆ่ากัน

    เป็นข่าวป่าวเห็นไม่เว้นวัน..................(แต่)คนยังคลั่งขัน
ยึดมั่นฐานะหน้าตา ฯ

๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ถึงคราวเข็ญ : กลอนหก



ถึงคราวเข็ญ : กลอนหก

    ฝนตก ลาม ข้ามราตรี......................อรุณรุจี มิสาดสาย
เมฆมืดมัว ทั่วฟ้าปลาย.........................มีจุดหมาย ให้วารี(วารี=น้ำ)

    แลยอดข้าว (ยัง)บ่ยาวไสว................จมน้ำใต้ ไม่อาจหนี
คาดหวังข้าว ยืดยาวพี..........................คงจะดี มีอุดม

    ข่าวถิ่นไทย ในบางแห่ง....................เกิดภัยแล้ง ข้าวตายล่ม
น้ำกิน-ใช้ ในกรุงกรม............................เริ่มเค็มขม (เพราะ)ผสม(น้ำ)ทะเล

    ปีนี้แล้ง เป็นสถิติ.............................ปีหน้าสิ ยิ่งหักเห
แล้งฉกาจ ตามคาดคะเน.......................น่าสนเท่ห์ ทำอย่างไร?

    ชาวธานี มีเงินตรา............................แต่น้ำท่า หามิไหล
การพัฒนา ประโยชน์ใด?.......................เมื่อทำให้ (เกิด)วิกฤติการณ์

    ตัดป่าไม้ ทำไร่นา............................กลับนำพา ขาดอาหาร
สร้างเขื่อนขัน กั้นชลธาร........................กลับกันดาร น้ำไม่มี

    ความละโมบ ลบล้างสุข.....................สร้างความทุกข์ ลุกล้นปรี่
สมดุลเสีย เรี่ยปัถพี...............................สรรพชีวี ทวีลำเค็ญ(เรี่ย=ราย,เรียง)

    ผลแห่งกรรม ทรามโง่เง่า...................ชีวิตเรา ถึงคราวเข็ญ
หากยังไพร่ คิดไม่เป็น...........................ย่อมได้เห็น อเวจีฯ(ไพร่=คนเลว)

๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘

2014 อากาศวิปริตทั่วโลก เอเชียเผชิญ "เอลนินโญ" ปีนี้.... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/world/news/377182

วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

รักตัว ต้องรักษาสิ่งแวดล้อม : โคลงสี่สุภาพ



รักตัว ต้องรักษาสิ่งแวดล้อม : โคลงสี่สุภาพ

. เมฆรอบขอบขัณฑ์คล้ำ....................นำอรุณ
มิผ่องใสไม่สุน-..................................ทรสร้าง
อาภากรอ่อนละมุน..............................สว่างส่อง
ต่างจิตตรอง..อ้างว้าง/.........................สงบ/เศร้า/เหงาหงอยฯลฯ

. คอยฝนจนกล้าข้าว...........................เฉาตาย
ทุนรอนสูญเสียดาย..............................หมดสิ้น
เศรษฐกิจปีปัจจุบันทาย.........................ตกต่ำ
จะระกำลามดิ้น....................................ปีหน้าคณาเข็ญ ฯ

. เป็นเพราะว่าป่าไม้.............................มลายลาญ
ทรัพยากรพลังงาน................................ผลาญใช้
เกิดวิกฤติการณ์....................................เรือนกระจก
ตกสู่สภาวะใต้......................................โลกร้อนแผดเผา ฯ

. หากคนเรารู้คิด.................................พิสมัย
อย่าทำตามแต่ใจ..................................เรียกร้อง
ถูก-ผิดวินิจฉัย......................................ปฏิบัติ
หัดข่มใจไม่ข้อง....................................หยาบช้าโฉดฉล ฯ

. ฝึกตนกุศลสร้าง.................................ธรรมสนอง
เป็นอยู่อย่างครรลอง...............................ความรู้
เอาใจใส่ไตร่ตรอง..................................รอบสิ่ง
อิงจริยสรรพขับสู้....................................เยี่ยงผู้มโนศานติ์ ฯ

. อภิบาลสิ่งแวดล้อม..............................รอบตน
ประหยัดทรัพยากร วน.............................เวียนใช้
อย่าจับจ่ายเสียจน..................................เฟือยฟุ่ม
ชุ่มจิตประสิทธิ์ได้...................................รักษ์หล้าสถาพร ฯ

. รักตัวอย่ามัวสร้าง................................ปัญหา
อย่าทำลายโลกา....................................เล่นแล้ว
มหันตภัยไหลหลั่งมา...............................ประสบ
โลกพิภพไป่แคล้ว...................................คืบคล้ายโลกันตร์ ฯ

๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ลำพองใจ : กลอนเจ็ด



ลำพองใจ : กลอนเจ็ด

    น้ำนอง ท้องนา หลังฟ้ารั่ว...................มืดมัว เมฆา สุดตาเห็น
แสงสูรย์ สลัว ทั่วป่าเป็น............................เยือกเย็น ชื้นอยู่ ชูชื่นใจ

    หลังจาก หนักหนา ปัญหาแล้ง................ทุกหน ทุกแห่ง ค่อยแจ้งไข
มรสุม รุมเร้า บ่อยเข้าไป.............................ทำให้ น้ำท่วม น่วมธานี

    เพื่อความ จำเริญ ทางวัตถุ......................กลับลุ แก่กรรม ทำบัดสี
ทำลาย ธรรมชาติ พินาศมี...........................ย่ำยี อุดม เสียสมดุล

    มิต่าง ห่างไกล (การ)ใช้ชีวิต....................ยึดติด อัตตา ตัณหาหนุน
หลงใหล ในรส นทกามคุณ..........................หมกมุ่น มนา อัชฌาใน(นท=แม่น้ำ)

    บกพร่อง คลองธรรม ความสำนึก...............ตรองตรึก แต่อยาก ตรำผลักไส
ก่อกรรม ทำเข็ญ เป็นสุขใจ...........................อย่างไม่ เกรงกลัว ชั่วบาปเวร

    ตราบที่ ผลกรรม (ยัง)มิตามสนอง..............ลำพอง อุรา มานะเล่น
โทษยัง ไม่ได้(รับ) กลับใจเย็น.......................ว่างเว้น ประจักษ์ ตระหนักใจ

    แต่เมื่อ ปัญหา เริ่มปรากฎ.........................มาบด มาบัง มล้างให้(มล้าง=ผลาญ)
สิ้นสุข ทุกข์ทรวง ถ่วงฤทัย............................จะชอก ช้ำใจ เจียนวายวาร

    ชีวิต ผิดพลาด พินาศผุด...........................เหมือนไม่ สิ้นสุด ไม่หยุดผลาญ
ทุกข์แล้ว ทุกข์เล่า เข้าโรมราญ......................ทรมาน ทารุณ อาดุรเอย ฯ

๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ชีวีนิยาม : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



ชีวีนิยาม : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ...................................นิยาม ชีวิต
ต่างคน ต่างคิด....................ต่างจิต ต่างใจ
ต่างประ สบการณ์.................มนมาน ฝันใฝ่
รวบรวม เข้าไว้.....................ให้เป็น นิยาม

    ....................................วิถี ชีวิต
ฤดี ลิขิต ?...........................ประดิษฐ์ คำถาม
ชะตา ลิขิต ?........................ฤทธิทำ อำพราง
อุตส่าห์ พยายาม...................ค้นคว้า ต่อไป

    .....................................คติ ชีวิต(คติ=ความเป็นไป)
ประหลาด คาดคิด..................อนิจจัง สร้างไส
ตริตรอง มองตน....................เหตุ-ผล กลไก
คติ ของใคร..........................ทำไม ? เป็น-มี

    ......................................เบิกตา ให้กว้าง
มายา อย่าสร้าง......................สว่าง สักขี
มองโลก ทั้งใบ.......................ให้ไกล ให้ดี
สัจจะ สัญญี...........................มีทาง หยั่งถึง

    .......................................ชีวิต ศึกษา
มนัส พัฒนา...........................สาระ ลึกซึ้ง
อย่ามอง ผิวเผิน......................เพลิดเพลิน คำนึง
สนุกส้อง สนองซึ่ง...................สูญเปล่า เวลา

    .......................................ชีวี นิยาม
ครอบคลุม เนื้อความ.................ดำรง ชีวา
ยิ่งรู้ เร็วไว...............................เข้าใจ คุณค่า
จะได้ มุ่งหน้า...........................รัถยา สวัสดี ฯ(รัถยา=ทางเดิน)

๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

รู้จักปล่อยวาง : กาพย์ฉบัง๑๖



รู้จักปล่อยวาง : กาพย์ฉบัง๑๖

    แล้วฝนบนฟ้าก็มาตก.................เมฆคล้ำคลุมปก
บังโลกจากแรงแสงสูรย์

    หากทว่าท้องนาอาดูร..................(ยัง)ปราศน้ำจำรูญ
เกื้อกูล(ต้น)ข้าวงอกออกงาม

    ที่สุดอุตส่าห์พยายาม................ได้แต่แค่(ปล่อย)ตาม
ธรรมชาติจัดการบันดล

    เฉกเช่นการเกิดเป็นคน................สดับสับสน
เงื่อนกลก่อกรรมงำเห็น

    วิถีชีวิตจิตเจน................ยากเลี่ยงเบี่ยงเบน
ลำเค็ญตลอดอายุขัย

    วิกฤติติดจำตรำใจ.................คับข้องหมองไหม้
คือวิสัยที่ไม่อาจฝืน

    อดทนมนทำกล้ำกลืน................อย่าโศกสะอื้น
ยังมีเรื่องอื่นให้ชื่นสม

    ได้ดั่งเจตนาปรารมภ์................ขับไล่ระทม
วิกรมชมชอบประกอบสันติ์

    (หาก)รู้แจ้งแทงทัศน์สัจธรรม์................อย่ามัวยึดมั่น
ถือมั่นหวั่นไหวในสังสาร

    รู้จักปล่อยวางทางดาล................ลดละอุปาทาน
ดำเนินการเปลื้องปราศวัฏฏ์เอย ฯ

๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๘

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ความสวยความงาม : กลอนแปด



ความสวยความงาม : กลอนแปด

    ขนตาปลอม ย้อมผม คมคิ้วปัด..................ผิวหน้าผัด ชาดใช้ สมใจฉาย
ริมฝีปาก หลากสี มีมากมาย.........................ให้เลือกป้าย เลือกแปลง แต่งตนงาม

    สะดุดตา สาสม สังคมกิเลส......................น่าสมเพช เวทนา อวิชชาหลาม
หลงรักใคร่ ของปลอม ปองของทราม.............ขาดซึ่งความ สำนึก คิดตรึกตรอง

    ความสุภาพ ขับศรี โสภีลักษณ์..................ให้จิตมัก อยากคุ้น หนุนสนอง
ไม่ถือสิน-ถิ่น-ทรัพย์ เอื้อรับรอง......................เป็นที่ใคร่ หมายปอง ข้องกิจกรรม

    ความเสงี่ยม เจียมตน ยลพิสิฐ...................ผูกใจมิตร คิดมุ่ง จรุงค้ำ
ไม่ถือตัว ถือตน ถกลทำ...............................สวยประเสริฐ เลิศล้ำ ความเป็นคน(ถกล=งาม)

    ความสงบ สบมอง งามต้องตา...................มีปัญญา สามารถ พิลาสล้น
ไม่อวดโอ้ โอหัง รังสรรค์ยล..........................สดุดี วิมล ชวนสนใจ

    มีระเบียบ เรียบร้อย พลอยสัมผัส................ความสะอาด พัฒนา อดิศัย
ความขยัน ขันแข็ง กล้าแกร่งไกร....................คือวิไล ลักษณะ เสน่ห์มี

    ทรงศีลธรรม ความคิด นิสัยชอบ.................ตามระบอบ กรอบธรรม กรรมาศรี
สาธุเจต เมตตา เอื้ออารี...............................คุณความดี สิดล สร้างคนงาม

    อนิจจัง สังขาร นับวันแก่...........................สกปรก รกแปร ควรแลข้าม
เจ็บป่วยไข้ ได้เป็น เห็นรูปทราม......................กเฬวราก มากหลาม ต่ำช้าเอย ฯ

๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ฝนตกไม่ทั่วฟ้า : กลอนคติชีวิต



ฝนตกไม่ทั่วฟ้า : กลอนคติชีวิต

    พูดพร่ำ ร่ำไร..............................ฝนตก ทำไม ไม่ทั่วฟ้า
ท้องไร่ ท้องนา................................น้ำท่า แตกต่าง ห่างหน
บางแห่ง น้ำขัง................................บางแห่ง แห้งยัง กังวล
มองฟ้า เบื้องบน..............................เมฆฝน ฝันเหมือน เลือนลาง

    โชคเคราะห์ เจาะจง......................มาตรง ตามวาร เวลา
สุขหรรษ์ ปัญหา...............................ชะตา ชีวิต ชิดสร้าง
ยากรู้ ล่วงหน้า.................................ยากตรา จุดหมาย ปลายทาง
ทุกสิ่ง ทุกอย่าง................................ล้วนต่าง ต้องเห็น เป็นไป

    หลักความ พยายาม.......................หัวใจ สู่ความ สำเร็จ
เป็นจริง และเท็จ...............................มิมี เจตนา สาไถย
ถ้าหาก โชคมี...................................มิพยายาม ก็กำชัย
(แต่ถ้า)เคราะห์หาม ยามให้.................ทนทำ แทบตาย (ก็)ไม่ได้ดี

    ขึ้นกับ บาปบุญ.............................สมดุล ของกฎ แห่งกรรม
อุ้มชู อุปถัมภ์....................................ชักนำ ล้ำหน้า สง่าศรี
แลตาม ลงโทษ................................ขัดประโยชน์ ขวางชีวี
ไม่ให้ ได้ดี.......................................ไม่มี ความสุข ทุกข์ระทม

    ก่อนจะ ก่อกรรม............................ทำจิต ทำใจ ให้สะอาด
สุจริต คิดคาด...................................ปัดกวาด มลทิน สิ้นสม
กุศล ศรัทธา.....................................มิใช่ โลกา ค่านิยม
เปรมปรีดิ์ ภิรมย์.................................ชื่นชม คุณงาม ความดี ฯ

๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘