ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558

ชีวีที่พัฒนา? : กาพย์ยานี๑๑



ชีวีที่พัฒนา? : กาพย์ยานี๑๑

    เย็นย่าง แดดยังร้อน......................แสงสะท้อน ทองอ่อนไหว
สาดสกาว แผดผ่าวไอ........................อย่างไม่ยอม ผ่อนออมแรง

    (นก)พิราบ ปีกบาดเจ็บ....................เดินกินเก็บ อย่างแข็งแกร่ง
ชีวาตม์ อาจพลิกแพลง........................มิแจ้งจิต คิดใส่ใจ

    คนคล้าย ใช้ชีวิต............................มิค่อยคิด วินิจฉัย
สุขสรร วันๆไป....................................(ปล่อย)อายุขัย ไวสั้นลง

    ตามนับ แต่ทรัพย์สิน........................เฝ้าถวิล จินต์ใหลหลง
ยศศักดิ์ ประจักษ์คง.............................ดำรงคู่ ลู่ชีวี

    กลไก ใจศรัทธา.............................เชื่อแต่ตา ประสบศรี
นอกนั้น มั่นไม่มี..................................วิถีเทิด บรรเจิดทาน

    ต่างใย ไตรประหวัด.........................เสมอสัตว์ เดรัจฉาน(ไตร=ไกร)
กิริยา ก่ออาการ...................................หาพิสดาร แปลกอันใด

    กิน-กาม-บ้าอำนาจ..........................ตามสัญชาต ญาณเหิมให้
เบียดเบียน เปลี่ยนกันไป.......................ไร้สันติ-นิรมาน(นิรมาน=ไม่มีความถือตัว)

    แก่ตาย ใหม่เกิดกล้า........................สืบชีวา ปทัสถาน
(การ)พัฒนา ประสบพาน........................แค่บรรลุ วัตถุเอย ฯ

๓๐ เมษายน ๒๕๕๘

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

ฤดีปฏิญาณ : กาพย์ฉบัง๑๖



ฤดีปฏิญาณ : กาพย์ฉบัง๑๖

    สุริยงหลบหลังก้อนเมฆ.................รังสรรค์ปั้นเสก
รจเรขโสภีสีสัน

    ครองผืนนภายามสายัณห์................คือเมฆฝนอัน
สูงชันน่าพรั่นสะพรึงกลัว

    ฟ้าแลบแปลบปลาบวาบทั่ว...............สลับกับมืดมัว
ระรัวเสียงร้องก้องภูผา

    ฝึกฤดีต้องมีเวลา................พินิจพิจารณา
พิเคราะห์สัมมาธรรมกุศล

    อยู่ว่างๆร้างราผู้คน.................ภาระอลวน
ปลีกตนพ้นความวุ่นวาย

    มาทำจิตใจให้สบาย.................ตั้งมั่นขวนขวาย
มิคลายสมาธิสติสังค์(สังค์=ความข้องอยู่)

    สิ่งผิดอย่าคิดปิดบัง................สิ่งถูกปลูกฝัง
สรรสร้างอย่างวิจิตรศรี

    ยึดมั่นครรลองคลองความดี................อันประดาเมธี
ปฏิบัติสืบมาช้านาน

    อำนาจแห่งสัญชาตญาณ...............มิอาจต้านทาน
จิตใจไกรหาญยรรยง

    ฤดีปฏิญาณมั่นคง.................พลังเพิ่มเสริมส่ง
บรรลุประสงค์จงจินต์เทอญ ฯ

๒๙ เมษายน ๒๕๕๘

วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558

ชายไม่เอาถ่านกับฝันกลางวัน : นิทานสอนใจ


ชายไม่เอาถ่านกับฝันกลางวัน : นิทานสอนใจ
(ดัดแปลงจากนิทานที่เคยอ่านตอนเด็กๆ )

   กาลครั้งหนึ่ง
มีชายผู้ไม่เอาการเอางาน นอนฝันกลางวันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
เขาเพิ่งเสร็จจากรับจ้างทำงาน ได้เงินมาเล็กน้อย และเริ่มคิดว่า
เขาจะเอาไปซื้อลูกไก่มาเลี้ยง 2 ตัว
เป็นตัวผู้ 1 ตัว กับตัวเมีย 1 ตัว
เขาจะเลี้ยงจนมันโต ออกไข่ แล้วฟักเป็นลูกไก่ฝูงใหญ่
เขาจะเลี้ยงจนมันโต

    แล้วเขาจะขายไก่ทั้งฝูง ไปซื้อหมูมาเลี้ยง 2 ตัว
เป็นตัวผู้ 1 ตัว กับตัวเมีย 1 ตัว
เขาจะเลี้ยงจนมันโต ออกลูกมาครอกใหญ่
เขาจะเลี้ยงจนมันโต

    แล้วเขาจะขายหมูทั้งหมด ไปซื้อวัวมาเลี้ยง
เป็นตัวผู้ 1 ตัว กับตัวเมีย 1 ตัว
เขาจะเลี้ยงจนมันโต ออกลูกมาฝูงใหญ่
เขาจะเลี้ยงจนมันโต

    แล้วเขาจะขายวัวไปครึ่งฝูง
ซื้อที่ดิน-สร้างบ้าน และแต่งงานกับสาวสวยประจำหมู่บ้าน
แต่ภรรยาสาวสวยกลับขี้เกียจทำงานบ้าน
ทำอาหารไม่เป็น หุงข้าวไหม้ ฯลฯ
เขาจึงตบตีภรรยา 
ก่อนจะไล่เธอออกจากบ้าน ให้กลับไปอยู่กับพ่อแม่

    คิดมาถึงตอนนี้ 
ชายไม่เอาการเอางานก็ทอดถอนใจ
และตัดสินใจว่า
จะเอาเงินที่มีอยู่ไปซื้อเหล้ามากินดีกว่า

    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
คนไม่เอาถ่าน ไม่เอาการเอางาน ดีแต่ฝันว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้
แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรให้จริงจัง เป็นคนจับจด ไม่มีวันที่จะประสบความสำเร็จ
จะเป็นคนที่อยู่แต่ในโลกแห่งความฝัน
มีอนาคตที่เลื่อนลอย ไร้แก่นสารสาระ
และมีชีวิตที่ลำบากยากจนไปจนตาย ฯ

๒๘ เมษายน ๒๕๕๘

หมายเหตุ : ตรงกันข้ามกับพระพุทธเจ้า ที่ทรงนั่งตรัสรู้อริยสัจจ์ ๔ ใต้ต้นโพธิ์

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558

ชีวิตต้องสู้ : กลอนเจ็ด



ชีวิตต้องสู้ : กลอนเจ็ด

    ดินปก รกร้าง กลางพงไพร.....................ดอกไม้ ตั้งต้น จนแกร่งแข็ง
ต่อสู้ อุตส่าห์ ชีวาแปลง.............................อาบแสง สุรีย์ ศรีสุวรรณ

    สังคม สมเพช สังเกตดู...........................กิน-อยู่ สู่แย่ง เสียดแข่งขัน
ปกติ วิถี แห่งชีวัน.....................................ปัจจุบัน ประจักษ์ คือหลักเกณฑ์

    ชีวิต ต้องสู้ อย่าดูดาย............................แต่เกิด จนตาย มิวายเว้น
กฎกรรม ธรรมชาติ สัจจาเป็น.......................เฉกเช่น เกณฑ์กฎ บทชีวี

    คนชั่ว ทั่วมี คนดีน้อย.............................จึงยาก จักคอย ถอยหลบลี้
แหล่งพัก ยากพบ สงบพี............................ในวัด อลัชชี ยังมีมาร

    ต้องสู้ ดูบ้าง กรุยทางออก.......................หนามยอก (เอา)หนามบ่ง ธำรงศานติ์
วิธี ป้องกัน อันธพาล..................................ใช่การ อ้อนวอน (แต่ต้อง)อย่าอ่อนแอ

    จิตใจ เข้มแข็ง คือแรงหลัก......................ดันผลัก แหวกว่าย ในกระแส
โลกีย์ พิภพ อบอวลแล...............................พฤติเบียด เบียนแก่ กันและกัน

    ลวงล่อ ฉ้อฉล ช่างล้นหลาก.....................จนยาก จักไว้ ใจทั้งนั้น
คอยหา ความรู้ ให้สู่ทัน...............................ใจสัตว์ จัดสรร คราญกว่าคน

    ฉกฉวย ด้วยเล่ห์ เพทุบาย........................แพร่หลาย โลกา โกลาหล
ความ อ ยุติธรรม นำมืดมน............................สร้างผล พิบัติ ชัฏดินแดน

    นับวัน ลำบาก ยากเป็นอยู่.........................อย่าสู่ มักง่าย ตามใจแหน
คุณธรรม ความดี ที่ขาดแคลน........................ทดแทน อย่างไร จนใจเอย ฯ

๒๗ เมษายน ๒๕๕๘ 

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2558

ภัยคน-ภัยธรรมชาติ : กลอนคติเตือนใจ



ภัยคน-ภัยธรรมชาติ : กลอนคติเตือนใจ


    ปีนี้ มี(ผล)มะ ม่วงน้อย.........................ผู้เฒ่า เฝ้าคอย เก็บไข่-
มดแดง (ขาย)แพงล้ำ กำไร......................ปรับให้ ไปทัน การณ์เป็น

    วันนี้ ยังดี มีเมฆ..................................สรรค์เสก ร่มเงา เบาเข็ญ
ฝนดาล วานย้อน ผ่อนเย็น.........................หลังเป็น สถิติ (ร้อน)มีมา

    คนยัง ต่างอยาก กระสัน.......................เหมือนไม่ สำคัญ ปัญหา
ประหวัด ตัดไม้ ทำลายป่า.........................มุ่งหา ประโยชน์ โจทย์แจง

    สมดุล ธรรมชาติ ขาดหาย.....................ถูกล้ำ ทำลาย (แทบ)ทุกแห่ง
พิบัติ พัฒน์ภัย ร้ายแรง.............................บทเรียน ราคาแพง แบ่งปัน

    เงินที่ ได้มา ดารดาษ...........................ไม่อาจ ทำให้ หทัยหรรษ์
เมื่อมี วิถี ชีวัน.........................................เสมือน โลกันตร์ อันตราย

    ต่างคน ต่างเห็น แก่ตัว..........................ต่างทำ ความชั่ว ทั่วสยาย
ต่างสิ้น ศีลธรรม กำจาย.............................ต่างคล้าย คลึงสัตว์ ประหลาดเป็น

    ใจบาป หยาบช้า กระด้าง. .....................ทุกอย่าง หวังผล ประโยชน์เฟ้น
ทุจริต คิดร้าย ใจเย็น.................................ว่างเว้น สำนึก มโนธรรม

    ภัยคน ปนภัย ธรรมชาติ.........................เพิ่มพี ชีวาตม์ อนาถพล้ำ
สัมพันธ์ สรรพา ระกำ................................ระส่ำ สังคม โทรมทราม ฯ


๒๖ เมษายน ๒๕๕๘ 

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558

เดินทางกุศล : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



เดินทางกุศล : กาพย์สุรางคนางค์๒๘


    .......................................ลมผ่าว เป่าปัด
พฤกษา สะบัด........................ขจัด ใบหล่น
ส่วนใบ ใดยัง..........................เหี่ยวดัง แดดดล
รังสี สุริยน..............................บ่ายล้น ระอา

    .......................................เดือนเพ็ญ เย็นพร่าง
นิศา สว่าง..............................แทบทั้ง เวหา(นิศา=กลางคืน)
ทว่า อากาศ............................ขาดพระ พายพา
อาบน้ำ อาบท่า........................ออกมา เหงื่อริน

    ........................................เป็นเรื่อง ธรรมดา
ดำรง ชีวา...............................ปัญหา ไม่สิ้น
ประดิษฐ์ กิจกรรม.....................ทำมา หากิน
อดทน รนดิ้น...........................สร้างถวิล จินต์จล

    ........................................ศึกษา ชีวิต
กำกับ ความคิด........................ปิดทาง โฉดฉล
เข้าใจ สัจจา............................มุ่งหน้า นิรมล
จึงจะ ประสบผล.......................เลิศล้น ยั่งยืน

    ........................................มิควร เยื้องย่าง
นอกลู่ นอกทาง........................(ที่)สังคม อุดมดื่น
ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี.........................มีสำ นึกมืน(มืน=แย้ม)
ระเบียบ เรียบรื่น........................แช่มชื่น วินัย

    .........................................เดินทาง กุศล
ฝึกหัด ดัดกมล..........................บ่พ้น พิสัย
ชีวิต ก้าวหน้า...........................ปัญญา ก้าวไกล
ทั่วทุก เพศวัย...........................สุขไสว ได้ดี

    .........................................เส้นทาง กุศล
ไร้เร่า ร้อนรน............................ดลสง่า ราศี
อยู่เย็น เป็นสุข..........................ในทุก นาที
พิพัฒน์ สวัสดี...........................โสภี ชีวีเอยฯ

๒๕ เมษายน ๒๕๕๘ 

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

อยู่เย็นเป็นสุข : โคลงสี่สุภาพ



อยู่เย็นเป็นสุข : โคลงสี่สุภาพ

. คิมหันต์ม่านเมฆไร้................ลอยบัง
ตามถนนหนทางดัง...................เตาร้อน
ซุกตัวซ่อนเรือนยัง...................ระอุ
สุริยนรนสะท้อน.......................แดดจ้าระอาเหลือฯ

. เมื่อไม่มีป่าไม้......................ปัน(ร่ม)เงา
ป่าคอนกรีตสีเทา.....................แทบไหม้
ถนนดินยังแบ่งเบา...................เย็นหย่อน
ถนนยาง-คอนกรีตให้................แต่ร้อนทอน(แรง)ทวีฯ

. กามคุณมีสุขเคล้า.................ระคน
ปลุกปั่นดวงกมล......................รุ่มร้อน
รูป-รส-กลิ่น-เสียงจน................สัมผัส
ประหวัดใจใฝ่ป้อน....................อิ่มไร้ระหายเหมือนฯ

. บริโภคโดยไม่ข้อง................คุณกาม
เพื่ออยู่รอดปลอดความ..............ทุกข์ร้อน
มิหลงใหลในกาม.....................สัมผัส
อย่าตกเป็นทาสย้อน..................ยับยั้งเจตจินต์ฯ

. กิน-อยู่อย่างล่วงรู้.................เท่าทัน
เพื่อดำรงชีวัน..........................ผ่านได้
อยู่เย็นเป็นสุขสันติ์....................ปกติ
มิลำบากยากไร้........................เพราะได้(รู้จัก)เพียงพอฯ

. ต่อการชีวันใช้......................เชิดชู
กุศลสรรค์ถวัลย์ดู.....................เลิศล้ำ
เห็นชัดสัจจาหู........................ตาสว่าง
สร่างเมากามคุณค้ำ..................จุนให้ใจสงบฯ

. พบพานเพียงแค่ผู้................ประเสริฐ
บุญทำนำมาเกิด.......................เพื่อรู้
เท่าทันปัญญาเปิด....................โลกสัจ
ฝึกหัดพิพัฒน์สู้........................สลัดพ้นมลทินฯ

๒๔ เมษายน ๒๕๕๘ 

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558

สุขสัมพันธ์ : กาพย์ยานี๑๑



สุขสัมพันธ์ : กาพย์ยานี๑๑

     ริ้วปอย รอยปุยเมฆ.....................รจเรข เสกอัศดง
รองสี สุรียง.......................................อลงกต เรืองสดใส

    ความร้อน เร่าระอุ............................รอประทุ พายุภัย
ตกค่ำ มิร่ำไร......................................สายฝนพรำ กระหน่ำริน

    ความดี มีแก่กัน..............................ทุกชีวัน มั่นถวิล
ยิ่งกว่า อยากหากิน..............................ต่างจินดา เอื้ออาทร

    สัจจะ ความจริงใจ...........................สัมพันธ์ไถ่ ไร้ทุกข์ร้อน
สุขะ สถาพร.......................................เมื่อทอนฉล มนคลางแคลง

    ความรัก จักไร้โทษ..........................ถ้าผลประโยชน์ ปลดเปลื้องแฝง
รักมั่น มิผันแพลง.................................เป็นแหล่งพรั่ง พลังใจ

    แม้นว่า มีอุปสรรค............................ความเหนื่อยยาก หนักแค่ไหน
เพียงคน ปรนน้ำใจ..............................อุปสรรคไซร้ กลายเบาพลัน

     แม้นว่า ปัญหามี...............................เหมือนชีวี แทบอาสัญ
เผื่อแผ่ พลีแก่กัน................................ความโศกศัลย์ พร้อมบรรลัย

    ปัญหา โลกสารพัด...........................จริงใจจัด อาจแก้ไข
ร่วมกัน ประสานไกร..............................ทำให้โลก สิ้นโศกเทอญ ฯ

๒๓ เมษายน ๒๕๕๘ 

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

ความละอายใจ : กลอนแปด



ความละอายใจ : กลอนแปด

     หัวจิตของ คนใด ไคลหยาบด้าน....................ทรงสันดาน สุจริต พิสมัย
เมื่อทำผิด พลาดพลั้ง ครั้งคราใด.........................ละอายใจ ในกมล ถกลมี

    ใช่เพียงแต่ ชั่วทำ กรรมวาจา..........................แค่ความคิด พิจารณา ถ้าบัดสี
(จะ)รู้สึกผิด จิตคล้าย ใจราคี...............................ไม่ยินดี ปรีดา ปราโมทย์ดล

    ความละอาย ในบาป กำราบจิต........................ให้ยั้งคิด หยุดทำ กรรมอกุศล
ภูมิคุ้มกัน พาลช่อง ผองพีรชน.............................ให้หลุดพ้น มลทิน ภินท์พิลัย

    (เป็น)คุณสมบัติ คนศรี ที่ประเสริฐ.....................ก่อให้เกิด ดวงฤดี ที่ผ่องใส
ละอายบาป สาปชั่ว กลัวโทษภัย...........................คุ้มครองให้ ไม่เกลียด เบียดเบียนกัน

    เหล่านรา ถ้าไร้ ละอายจิต................................คอยทุจริต คิดร้าย ใคร่โฉดฉันท์
เห็นแก่ตัว ชั่วช้า สารพัน.....................................ชอบดึงดัน นันทะ หน้าด้านทน

    โลกคงมี แต่ทราม กำซาบสิทธ์.........................คนทุจริต คิดชั่ว ทั่วทุกหน
 จิตโหดร้าย เหลือสัตว์ อนาถชน...........................สร้างทุกข์ล้น ท้นโลก โศกเศร้าเยือน

    ครอบครัวคง บ้านแตก สาแหรกขาด...................สังคมปราศ ปลอดภัย ประลัยเหมือน
ประเทศชาติ บัดซบ สงบเชือน..............................มิคสัญญี สิเคลื่อน สะเทือนยิน

    พระคงเป็น เช่นผี ล้นกิเลส...............................ข้าราชการ ปานเปรต ทุเรศสิ้น
เยาวชน สนแค่ แส่ราคิน......................................ทั้งแผ่นดิน ดิ้นเดือด ด้วยเลือดนอง ฯ

๒๒ เมษายน ๒๕๕๘ 

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

ด้อยคุณภาพ : กาพย์ยานี๑๑



ด้อยคุณภาพ : กาพย์ยานี๑๑

     เกิดน้อย ด้อยคุณภาพ....................คือสภาพ คนรุ่นใหม่
อนาคต ประเทศไทย............................ฝากชาติไว้ ในกำมือ

    เตี้ย-อ้วน ชวนกังวล.........................ร่างเยาวชน ล้นหลากชื่อ
อีคิว-ไอคิวฤา.....................................ถือว่าต่ำ กว่ากำหนด

    สมาธิ ก็มีสั้น...................................ส่วนศีลธรรม์ แสนรันทด
ชั่ว-ดี มิสลด........................................ความอดสู ดูวังเวง

    ลูก(มี)น้อย พลอยทำให้....................พ่อตามใจ แม่ไม่เคร่ง
วินัย ไร้ยำเกรง....................................ยกตัวเอง ยอดสำคัญ

    จึงเป็น (คน)เห็นแก่ตัว.......................มิเห็นหัว ใครทั้งนั้น
รัก(ละ)เล่น เช่นชีวัน..............................ดื้อดึงดัน มากมารยา

    ผู้ใหญ่ ยังไพร่เป็น.............................ตัวอย่าง(ให้)เห็น เด่นมิจฉา(ไพร่=คนเลว)
บกพร่อง คลองจรรยา.............................ว่าแต่เด็ก ก็เกินไป

    โกงกิน แผ่นดินแม่.............................หมดทางแก้ แพร่นิสัย
ทำงาน เกียจคร้านไกร............................เด็กจึงได้ ใจลอกเลียน

    ศีลธรรม มินำพา................................กิเลสตัณหา กล้าหันเหียน
เยาวชน ย่อมวนเวียน..............................ยากแปลงเปลี่ยน ไปจาก(จารีต)เดิม ฯ

๒๑ เมษายน ๒๕๕๘ 

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

กุศลกมลมี : กาพย์ฉบัง๑๖



กุศลกมลมี : กาพย์ฉบัง๑๖

     ฤดูร้อนที่ไร้เมฆา...................สุดรอบขอบนภา
ชักพาหัวใจให้ฉงน

    แสงแดดแผดเร่าเผาจน...................เหลือที่จะทน
ปราศฝนดลดาลศานติ์สุขเย็น

    ความแห้งแล้งระแหงเห็น....................ป่าไม้กลายเป็น
สถานหลีกเร้นเข็ญผ่อนคลาย

    บรรเทาเร่าร้อนทอนกาย..................ร่มเงาเหย้าสยาย
ช่วยให้สบายใจจริงหนอ

    สัทธรรมล้ำเลิศเกิดก่อ...................ร่มเย็นเช่นชะลอ
ชะล้างเศร้าโศกวิโยคถอน

    ประคองใจมิให้แคลนคลอน..................สะท้านบั่นทอน
ในตอนที่ต้องข้องปัญหา

    ศีลจริยวัตรศรัทธา...................เลิศล้ำธรรมา
เป็นปราการป้องกันภัย

    จากบาปหยาบช้าสาไถย.................โฉดฉลกลไก
ที่ใจฝ่ายทรามจำนง

    กุศลกมลมีอานิสงส์..................ระงับดับลง
ซึ่งความหลงใหลในธุลี

    เสริมความงามสง่าราศี................บังเกิดประเสริฐมี
แก่เมธีคนดีเอย ฯ

๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ 

วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

รอบรั้วมหา'ลัย : กลอนคติเตือนใจ



รอบรั้วมหา'ลัย : กลอนคติเตือนใจ

    รอบรั้ว มหา'ลัย...................ทำไม มากมี ร้านเหล้า ?
เตรียมพร้อม มอมเมา..................หนุ่มสาว เหล่านัก ศึกษา
หรือเพราะ สาวหนุ่ม....................ชอบสุมหัว มั่วสุรา ?
จึงมี ร้านค้า...............................เปิดมา ปราณี บริการ ?

    กู้เงิน มาเรียน........................กลับมา พากเชียร เพียรชั่ว
ไม่รู้ สึกตัว................................ไม่มี หัวคิด พิษฐาน
แค่ไม่ กี่ปี.................................เพื่อมี โอกาส ชัชวาล
ยังโง่ ดักดาน............................ไร้จิต คิดอ่าน อนาคต

    ปล่อยตัว มั่วสุม.....................รุ่มเร้า เรื่องไร้ สาระ
ใฝ่ฝัก กักขฬะ...........................กามคุณ-การพนัน กันหมด
มโนธรรม สำนึก.........................สึกกร่อน สลอนงาม ความคด
มืดพราง บังบด..........................ชวนสลด ชีวะ มหา'ลัย

    แหล่งราม ความรู้...................ถ้ารู้จัก รักศึกษา(ราม=งาม)
ประดิษฐ์ วิทยา..........................อย่างหา ไม่มี จากที่ไหน
ปลูกฝัง พื้นฐาน.........................ให้พร้อม ทำงาน ชีวันไท
อนาคต สดใส............................จงใส่ ใจหัด พัฒนา

    ทำให้ พ่อแม่.........................ผู้แก่เฒ่า เขาภูมิใจ
ลูกมี วินัย..................................ตั้งใจ ใฝ่การ ศึกษา
ทำให้ มิตรสหาย.........................ทั้งหลาย เชื่อมั่น ศรัทธา
ความมี ปัญญา............................ควรคู่ คบค้า สมาคม

    ชีวา มหา'ลัย..........................อย่าเสื่อม เสียไป ไร้ประโยชน์
หลีกไกล ภัยโทษ.......................อย่าโฉด ชั่วช้า สะสม
เป็นปัญ ญาชน...........................อย่าเป็น คนโง่ โสมม
รักดี ภิรมย์.................................อย่ารัก ล่มจม อมทุกข์เอย ฯ

๑๙ เมษายน ๒๕๕๘ 

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2558

ฟ้ามิได้ลิขิตชีวิตคน : กลอนแปด



ฟ้ามิได้ลิขิตชีวิตคน : กลอนแปด

    มะม่วงต้น ฤดู ออกสู่ตลาด......................โลละสี่ สิบบาท สิหวาดผวา
ลูกก็เล็ก ไม่สวย ด้วย มกราฯ......................ขาดฝนฟ้า ชะดอก ออกผลแคลน

    มีเหตุ-ผล-กลไก ในสรรพสิ่ง...................คือความจริง ยิ่งใหญ่ เกรียงไกรแสน
กฎแห่งกรรม=ธรรมชาติ ฉกาจแกน..............จักรวาล สารแก่น แผน ครรลอง

    ฟ้ามิได้ ลิขิต ชีวิตคน............................แต่ประจญ ผลกรรม ตามสนอง
เทพยดา หาได้ ให้สมปอง..........................แก่คำร้อง ของคน ขอ บนบาน

    ไม่เคยมี ผีสาง หรือนางไม้......................มามอบร้าย/ให้คุณ จุนเจือ/ผลาญ
ไสยศาสตร์ อิทธิฤทธิ์ เรื่องพิสดาร................ล้วนเป็นจิน ตนาการ ปุราณจำ

    โชคชะตา หาได้ ไร้สาเหตุ......................วาสนา-อาเพศ-เทวษส่ำ
เป็นเพียงผล อัตตา บุรพกรรม......................ที่เคยทำ ทราม-ดี อตีตา

    ก่อนกระทำ กรรมใด คิดให้มาก................อย่าแค่สัก อยากทำ ระห่ำหา
ปัจจุบัน ปันผล ฉลฉ้อพา.............................ภายภาคหน้า สนอง หมองเศร้าตรม

    ทำความดี ดีได้ ไม่แปรเปลี่ยน.................บุญกุศล วนเวียน เจียรสุขสม
ชีวิตเย็น เป็นอยู่ อย่างอุดม..........................อภิรมย์ ชมชื่น รื่นฤทัย

    การการะทำ ของเรา คือเสาหลัก..............อย่าทึกทัก โทษ/อิง สิ่งอื่นไหน
เมื่อมีสุข/ทุกข์โศก ยืดอกไกร.......................ยอมรับไป เป็นผล ตนทำเอง ฯ

๑๘ เมษายน ๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

ก่อกรรมทำงาน/ทำเข็ญ : กลอนหก



ก่อกรรมทำงาน/ทำเข็ญ : กลอนหก

    คิมหันต์ครา ร้อนระอุ.....................เภทประทุ พายุเข็ญ
หลังคาบ้าน ลานกระเด็น....................เสมือนเป็น ของเล่นลม

    การกระทำ ของธรรมชาติ...............ล้วนดุลยมาตร แจ้งจัดสม
สิ่งแวดล้อม ซอมเสื่อมซม..................พิบัติโถม พรมทวี

    ภารกรรม กระทำกิจ(ของคน)..........พึงพินิจ พิจิตรศรี
ทุ่มเททำ ให้งาม-ดี...........................สร้างบารมี พีปุญญา

    งานส่วนใหญ่ ให้บริการ.................แก่สาธารณ์ แก้ปัญหา
ช่วยเหลือคน พ้นคณา.......................อุปัทวา อุปสรรคคลาย

    อย่ามองแค่ แส่หาทรัพย์................ค่าแรงรับ ลุยจับจ่าย
งานทอดทิ้ง นิ่งดูดาย........................เอื้อสุขสบาย มาใส่ตน

    นั่งใช้อำ นาจหน้าที่......................ทำอัปรีย์ กาลีฉล
เภทภัยหา มาให้คน..........................กระเสือกกระสน ท้นระกำ

    มิสร้างบุญ ยังตุนบาป....................ก่อเวรอาบ โทษถลำ
มิจำเป็น ยังเฟ้นทำ............................วิกฤติส่ำ กรรมอาชญา

    มีโอกาส ยังปัดไส.........................ผิด-ชอบใย ไม่ประสา
มีงานทำ ยังนำมา..............................สร้างบาปหนา ระยำเอย ฯ

๑๗ เมษายน ๒๕๕๘

วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558

น้ำตาไม่เคยแก้ปัญหาหัวใจ : กลอนเปล่า



น้ำตาไม่เคยแก้ปัญหาหัวใจ : กลอนเปล่า

    น้ำตา...
ไม่เคยรักษาหัวใจให้เข้มแข็ง
หยาดน้ำตากลับแสดง
ความอ่อนแอที่แอบแฝงอยู่ในหัวใจ...ให้รู้เห็น

    ร้องไห้...ให้สบายใจ
คำแนะนำจากใครหลายๆคน
ร้องไห้แล้วสบายใจ ?
ลองร้องไห้แล้วใยหัวใจยิ่งขัดสน
หนทางลางเลือน ปัญหาไม่เคลื่อนไปจากกมล
ช่วยให้คนสบายใจ ?

    เพราะหาทางออกไม่เจอ
ความทุกข์จึงเอ่อล้นท้นหัวใจ
รู้สึกโศกเศร้าเสียใจ
สถานการณ์บีบคั้นใส่ไร้ปราณี
เมื่อฤดีผจญทนไม่ไหว
ความอ่อนแอแผ่สยาย กลายเป็นหยาดน้ำตา
ไม่เพียงไม่แก้ปัญหา
แต่ยังทำให้ปัญญายิ่งพร่ามัว
การเศร้าเสียใจ
ยิ่งทำให้อะไรๆยุ่งเหยิงใหญ่ไปทั่ว
ขาดสติวิจารณญาณ
การตัดสินใจกลายเป็นเพิ่มภัยให้พัวพัน

    น้ำตาหาใช่กุญแจแก้ปัญหา
จงเตือนอุรา อย่าปล่อยใจให้เป็นทุกข์
เมื่อมีปัญหา จงมองหาสาเหตุและเลศนัย
ค้นหาเหตุผลกลไก
เงื่อนไข-วิธีแก้ไขให้บรรลุ

    ตราบเท่าที่หัวใจยังไร้ทางออก
จงบอกตัวเอง ให้เพ่งหัวใจไปในทางที่ถูก
ข่มใจอย่าไปเป็นทุกข์
ประคับประคองใจ อย่าเสียใจไม่เศร้าโศก
หยุดสงสารตัวเอง
เพราะนั่นจะยิ่งเร่งหัวใจให้ยิ่งอ่อนแอ

   ถึงไม่ชนะก็อย่ายอมแพ้
พึงตระหนักในหลักของความจริงแท้
ว่าปัญหาทั้งหลายแหล่
คือกระแสแห่งโชคชะตา

    เราเลือกได้ที่จะเป็น
มีจิตใจเยือกเย็น-คิดเป็น เฉกเช่นผู้กล้า
หรือจะจมอยู่ใต้น้ำตา
ตลอดชีวา...
ที่ปัญหาคือสิ่งสามัญ ฯ

๑๖ เมษายน ๒๕๕๘

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558

เลือกทางเลือกทำ : กาพย์ยานี๑๑



เลือกทางเลือกทำ : กาพย์ยานี๑๑

    โลกนี้ มีหนทาง.........................ให้เยื้องย่าง ช่างมากมาย
แตกอย่าง ต่างจุดหมาย...................มุ่งไปสู่ บรรลุผล

    บ้างเข็ญ เห็นขรุขระ....................เหลือที่จะ ประคองจล
เภทหลาย ภัยหลากล้น....................ทั้งมืดมน ท้นปัญหา

    มากที่ มีสะดวก..........................ผองพรรคพวก เคยผ่านมา
กล่าวขาน สืบกันว่า.........................น่าทัศนีย์ ที่สุดสวย

    ชีวี มีหนทาง..............................มิแตกต่าง สร้างอำนวย
ทางดี ที่สลวย................................และทวยร้าย ทำลายผล

    เลือกทาง ย่างให้ถูก....................ปลายทางขลุก ผูกพันคน
เลือกทำ กรรมกุศล..........................เป็นหนทาง พร่างสุขี

    ทำชั่ว ย่อมได้ชั่ว.........................ทำตัวดี ย่อมได้ดี
สัจจา ชีวานี้....................................คู่โลกีย์ นิรันดร

    (มี)ให้เห็น เป็นตัวอย่าง.................ความแตกต่าง สังคมสอน
ห้ามใจ ให้อาวรณ์.............................คอนกุศล คิดหนทาง

    ชีวา สะดวกสบาย.........................มีสุขหลาย ไสวสว่าง
ปลอดภัย ไม่อำพราง.........................สร่างทุกข์โศก วิโยคเอย ฯ

๑๕ เมษายน ๒๕๕๘

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558

โลกีย์รี่สับสน : กลอนแปด



 โลกีย์รี่สับสน : กลอนแปด

    ................................................ลมหนาว เหย้าเยือน เดือนเมษา
(นก)อีแอ่น เคียงคู่ ดูแปลกตา.............เกาะสาย ไฟฟ้า ยามอรุณ

    ฤดู อะไร ก็ไม่รู้............................เป็นอยู่ สับสน จนหัวหมุน
เพราะว่า ธรรมชาติ ขาดสมดุล.............ชุลมุน อลหม่าน พล่านโลกมี

    เสมือน สังคม ที่สมสั่ง...................อกุศล ล้นหลั่ง สร้างวิถี
ประดา ประดัง พลังโลกีย์...................วิปริต ผิดพี เพิ่มวี่วัน

    อะไร ไม่(เคย)เห็น ก็ได้เห็น............เด็ก-แก่ แลเป็น เช่นแผกผัน
หัวใจ ไม่มี ศีลธรรม์...........................อัดอั้น ตัณหา สาละวน

    มโน สำนึก ที่สึกกร่อน....................สะท้อน จิตใจ ไร้กุศล
ฤดี มีแต่ เห็นแก่ตน............................โฉดฉล วนเวียน เพียรพฤติทราม

    ให้การ ศึกษา ก็หาถ่อง...................บกพร่อง ทั้งระบบ ประสบหลาม
สามานย์ วิถี ทวีลาม...........................วัดวา บ้ากาม อำพรางบุญ

    การบ้าน การเมือง ก็เคืองขัด............สารพัด ประเด็น เซ่นสถุล
อาจหาญ ทำลาย ชาติให้พรุน...............เพียงเพื่อ เจือจุน ประโยชน์ตน

    มีชี วีมา หลายทศวรรษ...................โลกทัศน์ ยิ่งถอย ด้อยสถล
เห็นความ ต่ำช้า ชีวาชน......................เพิ่มจน เพิ่มจน อับจนจินต์ ฯ

๑๔ เมษายน ๒๕๕๘

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2558

ดับร้อนรนฤดี : โคลงสี่สุภาพ



ดับร้อนรนฤดี : โคลงสี่สุภาพ

. สายลมฤดูร้อน.......................พัดแรง
แทบไม่อาจเปลี่ยนแปลง.............โลกร้อน
แสงแดดสาดเสียดแทง...............ผิวสู่
อยู่ในร่มยังค้อน.........................จะร้อนถึงไหน ?

. ดีแต่ฝนตกให้........................คลายเข็ญ
สุธาทิพย์หยิบเย็น......................ยื่นล้ำ
สามารถเปลี่ยนแปลงเห็น.............เป็นสุข
ผ่อนทุกข์คลายรุกค้ำ...................จุนล้อมถนอมศรี ฯ

. ชีวีสามัญคล้อย.......................กามคุณ
สิ่งส่งเสริมเจือจุน........................สุขได้
รูป-รส-กลิ่น-เสียงสุนทร์...............สัมผัส
แต่ไม่อาจอิ่มให้..........................เบื่อเร้าใหม่หา ฯ

. ปรารถนายิ่งๆขึ้น......................รสกาม
ยิ่งเสพรสยิ่งทราม.......................เสื่อมไร้
ยิ่งคิดพิสดารความ......................แส่อยาก
เริ่มประหลาดแปลกไซร้................ไขว่คว้าหาสนอง ฯ

. ครรลองคุณธรรมเอื้อ................ฤดี
หลักดำเนินชีวี............................ถูกต้อง
มงคลดลดาลมี............................สันติสุข
ดับทุกข์เคืองขัดข้อง.....................ว่างเว้นลำเค็ญไข ฯ

. ปรมัตถ์สัจจะไซร้......................ส่องทาง
บำเพ็ญใจเป็นกลาง......................มั่นเกื้อ
วิถีอริยะวาง.................................วิจิตร
ชีวิตอุกฤษฏ์เอื้อ...........................ดับร้อนผ่อนระหาย ฯ

. สุขสบายก็เพราะได้...................ทำดี
ดูแลใจรักษ์มี...............................สติตั้ง
กุศลดลสุนทรี-.............................ยะดิลก
ไม่วิตกต่อโลกย์รั้ง.........................รู้เท่าทันเสมอ ฯ

๑๓ เมษายน ๒๕๕๘