ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

กฎแห่งกรรมเกินคาดเดา : กลอนหก



กฎแห่งกรรมเกินคาดเดา : กลอนหก

    ตอนบ่าย ภายใต้ เมฆหม่น...............หากไร้ สายฝน หล่นฝอย
เมฆเทา เอาแต่ เลื่อนลอย...................เคลื่อนคล้อย ผ่านไป ผ่านไป

    นายัง ขาดน้ำ ย้ำขัง........................ข้าวยัง มิรู้ (จะ)รอดไหม ?
ทุนรอน ทอนแรง ลงไป.......................จะได้ หรือไร้ ผลคืน ?

    เสียงดัง ข้างบ้าน ด่าทอ..................ผัวหนอ บ้าบอ ระรื่น
เล่นพนัน บั้งไฟ ไม่ฟื้น........................ลูกขม เมียขื่น กลืนกิน

    รวยหลาย ใครเร่า เฝ้ารอ.................สุขใจ ใครก็ ถวิล
แต่การ ชาญมี ชีวิน............................เกินลิ้น จินดา อาลัย

    ที่ว่า ชะตา ลิขิต............................ถูก-ผิด จริงแท้ แค่ไหน ?
ผลกรรม ทำเรา เท่าไร ?.....................ผลใด มิใช่ เพราะเรา(ทำเอง) ?

    คิดใคร่ ไม่แคล้ว เป็นบ้า..................ธรรมชาติ สัจจา อย่าเฝ้า
เกินจะ สามารถ คาดเดา......................ของคน มนเมา มายา

    กิเลส ตัณหา ขจัด..........................สมาบัติ ขัดสี พิษฐาน์(พิษฐาน=มุ่งหมาย)
เบื้องต้น ดลดาล ปัญญา......................แก่กล้า ปรากฏ พรตพร

    เมื่อยัง โง่เขลา เบาสติ....................ควรสิ เชื่อศาสน์ ปราชญ์สอน
บาปชั่ว หยาบช้า ละทอน.....................ไร้เหือด เดือดร้อน บวรเอย ฯ

๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ณ วัฏฏสังสาร นิรันดร : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



ณ วัฏฏสังสาร นิรันดร : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ..............................เขียดร้อง หลังฝน
ในคืน มืดมน.................เสกสณฑ์ สดใส
หยดน้ำ ยังค้าง..............อยู่กลาง ไม้ใบ
สะท้อน แสงไฟ.............พิไล ไพรวัน

    ..............................หายใจ (เอา)ไอเย็น
มองคืน มืดเร้น...............มองเห็น สุขสันติ์
ในความ สงัด.................ทัศนีย์ ชีวัน
ที่ไม่ ยึดมั่น....................บันเทิง โลกีย์

    ...............................อุระ สงบ
สะคราญ พานพบ............ประสบ สุขศรี
ตัณหา ระหาย.................เมื่อไร้ ไม่มี
อิ่มเอม เปรมปรีดิ์.............สติ วิกรม

    ...............................วิตก วิจารณ์
โทสะ ประหาร................ศึกศานติ์ สุขสม
เยือกเย็น เป็นอยู่.............ระลึกรู้ ระดม
คติ ภิรมย์.......................ชโลม ชีวา

    ...............................โมหะ ปราชัย
ปัญญา ไสว...................ในห้วง นิศา(นิศา=กลางคืน)
นิพิท อนิจจัง..................ทุกขัง อนัตตา(นิพิท=ให้รู้ชัด)
โลกเยี่ยง มายา...............จงอย่า อาวรณ์

    ...............................วัฏฏะ สังสาร
ดำรง บงการ...................สำราญ/ทุกข์ร้อน
คล้องกฎ แห่งกรรม..........ทำมา แต่ก่อน
คู่นิ รันดร.........................มิคลอน แคลนเอย ฯ

๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ความงามภายนอก-ความงามภายใน : โคลงสี่สุภาพ



ความงามภายนอก-ความงามภายใน : โคลงสี่สุภาพ

. ดูแลเรือนรักให้..................ปัดกวาด
ถูหมั่นขยันขนาด...................ค่ำ-เช้า
ทุกซอกทุกมุมสะอาด.............หมดจด
อาศัยอยู่ออก-เข้า..................ช่างแม้นสุขศานติ์ ฯ

. การสวมใส่เสื้อผ้า...............แพรพรรณ
ควรย่อมพิถีพิถัน....................เลือกเฟ้น
งดงามสะอาดสรรค์.................สวยเด่น
เป็นปกติมิเว้น........................ว่างแท้ทุกคราว ฯ

. ชนเอาใจใส่หน้า.................ตาเสมอ
ตกแต่งทุกแห่งเจอ.................แว่นจ้อง
เครื่องสำอางไป่เผลอ..............พกติด ตัวตน
ชีวิตวนเวียนข้อง....................แต่ให้งามศรี ฯ

. คนดีคอยจับจ้อง.................นิสัย
อารมณ์แลจิตใจ.....................ไม่เว้น
พบความชั่วขับไส...................ไกลส่ำ
เพิ่มความดีพลีเร้น...................ไขว่ข้องหมองทราม ฯ

. ศีลธรรมนำจิตให้..................ใสสะอาด
พฤติกรรมสำรวมปราศ..............ชั่วช้า
ละอายในบาปขลาด.................ทุจริต
สุจริตสฤษฏ์กล้า......................เกริกพ้องกรรมภักดิ์ ฯ

๖ บุคลิกลักษณะผู้...................งามจิต
กรรมสะอาดมีความคิด...............ผ่องแผ้ว
มิหวาดหวั่นความผิด.................ซุกซ่อน
ทอนทุกขา ทแกล้ว..................อยู่ยั้งยืนนาน ฯ

. ปัจจุบันผลย่อมได้.................ผดุงเห็น
อนาคตประโยชน์เป็น.................ประเสริฐแท้
กุศลกรรมบำเพ็ญ......................เพียรหมั่น
สุขศานติ์สวรรค์แล้....................ภพหน้าผลานิสงส์ ฯ

๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สังคมแห่งการข่มขืน : กาพย์ยานี ๑๑



สังคมแห่งการข่มขืน : กาพย์ยานี ๑๑

    (ข่าว)ข่มขืน ขืนข่มจิต.............ให้ขบคิด วิกฤติขัน
รอบกาย เกิดรายวัน....................ชีวานั้น ช่างอันตราย

    โรงเรียน โรงพยาบาล.............ล้วนสถาน รานเสียหาย
นักเรียน เพียร(เป็น)ผู้ร้าย.............เจ้าหน้าที่กลาย(เป็น) อาชญากร

    ความดี กี่คนใคร่ ?..................ความชั่วไซร้ ไม่ต้องสอน
ข่าวขรม สังคมสะท้อน.................ขืนนิ่งนอน คงร้อนรน

    กลียุค ทุกข์สมัย.....................คนสาไถย ไร้เหตุผล
คิดคล้าย ไม่ใช่คน......................ยลเยี่ยงสัตว์ ชอบอาชญา

    รู้หน้า หารู้ใน(ใจ)...................อย่าไว้ใจ ใครแปลกหน้า
เพื่อนฝูง จูงมือมา.......................มันยังกล้า ก่อฆาตกรรม

    เตือนใจ ไม่ประมาท................เพียงผิดพลาด อาจถลำ
ถึงตาย ไร้ถ้อยคำ.......................มาปรักปรำ จำเลยจร

    (มี)กฎหมาย เหมือนไร้กฎ........พิพากษ์บท ลงโทษอ่อน
เงินคัด ตัดสินคลอน....................ฐานันดร ทอนยุติธรรม

    คนชั่ว ปกครองบ้าน................อันธพาล การเมืองพล้ำ
ราชการ ระรานกรรม....................เกิดซ้ำซาก ทุกข์ยากเอย ฯ

๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗

รวบแล้ว!! จนท.ห้องเอ็กซเรย์หื่น! ข่มขืนคนไข้วัย 70 คารพ.ดัง หลังเผ่นหนีกบดานhttp://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1406391678



ตร.รวบ 4 นร.ชาย ข่มขืนเด็กหญิงม.1 คาบ้านพักครูร.ร.ดัง จ.ชัยนาทhttp://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1406374234


ขับรถเฉี่ยวให้ล้ม
แล้วฉุดสาวไปข่มขืนhttp://bit.ly/1nOgk3h

วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

มาทำความดีกันเถิด : กาพย์ฉบัง๑๖



มาทำความดีกันเถิด : กาพย์ฉบัง๑๖

    ทำดีให้เป็นนิสัย............ไม่ว่าเรื่องอะไร
ตั้งใจใฝ่แค่ความดี

    ละเว้นบาปวัชบัดสี.............ดำเนินชีวี(วัช=โทษ)
บนวีถีแห่งศีลธรรม

    ระลึกตรึกตรองคลองกรรม.............ที่ประเสริฐเลิศล้ำ
อย่าทำความชั่วมั่วหาญ

    กุศลจะดลบันดาล.............ประสบสุขสำราญ
พบพานศานติพิชยา(พิชย-=ความชนะ)

    ไม่ทำบาปทรามสำหา..............ก็ไม่ต้องมา
ทนทระอาภัพอับจน(ทุร-=ยากลำบาก)

    ทำดีได้ดีมีผล............ร่มรื่นคืนตน
เสาวคนธ์ถกลวิถี

    ไม่ทำความชั่วทั่วมี..............สุขเขษมเปรมปรีดิ์
ห่างไกลไพรีนิรมล

    พิทักษ์รักดีสิดล..............ไม่เพียงแต่ตน
หากคนอื่นชื่นสุขี

    มาเถิดเพื่อนพ้องน้องพี่............มาทำความดี
ให้โลกนี้น่าอยู่เอย ฯ

๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗   

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

นางงามทรามนัย : กลอนคติเตือนใจ



นางงามทรามนัย : กลอนคติเตือนใจ

    ตำแหน่ง " นาง งาม " ใน สมัยนี้........ใยจึงมี ราคีฉาว คาวโฉ่ฉาน ?
สร้างบัดสี วีรกรรม ทำอาการ.................ทรามชั่วช้า สามานย์ สันดานมล

    ไม่อับอาย กายเปลือย เมื่อยมือปิด......ดัดจริต ประดิษฐ์ท่า ราคะล้น
ทำยั่วยวน ชวนชาย หมายเมียงตน..........อ้างเหตุผล คืองาน จรรโลงใจ

    เหล่าสัตว์ปา หน้ามืด กามยึดติด.........ต่างสรรเสริญ เจริญจิต พิสมัย
ยกย่องเป็น " นางฟ้า " สุราลัย...............มาโปรดให้ ได้เห็น เช่นบุญตา

    พวกขายรถ ขายสุรา ล้วนมาจ้าง........เครื่องสำอาง ต่างรัก หนุนนักหนา
อยากบรรลุ ธุรกิจ คนติดตา...................เร่โฆษณา ราคิน อาจิณมี

    พอเงินมา ผ้าหลุด ฉุดไม่อยู่..............เลิกรับรู้ อกุศล กลบัดสี
ภาพพจน์ทราม เสียหาย กลายเห็นดี.......รจเรข เซ็กซี่ หลงนิยม

    ชอบคบชู้ สู่ชาย คล้ายปกติ...............เป็นสิทธิ ส่วนตัว มัวเมาสม
เลิกคนนู้น รักคนนี้ รี่โสมม....................เป็นข่าวขรม สังคมด่า หน้าไม่อาย

    ศัลยกรรม ทำปลอม พร้อมโอ้อวด......งามยิ่งยวด ทรวดทรง อนงค์หมาย
คนโง่เขลา เบาปัญญา ต่างตาลาย.........น้อมถวาย ดวงจิต คิดเทิดทูน

    เป็น " นางงาม " ทรามนัย ใจสกปรก...ปริวิตก บกพร่อง คลองธรรมสูญ
ใครจับเป็น คู่จอง ต้องอาดูร...................เสมือนมี ปฏิกูล พูนพอกเอย ฯ

๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ฝนทำน้ำท่วม ? : ภุชงคประยาตฉันท์๑๒



ฝนทำน้ำท่วม ? : ภุชงคประยาตฉันท์๑๒

    ระลอกฝน ระรนฟาด...................พนาสาด มิขาดสาย
ระทึกเสียง กระเกรียงกราย...............ประหนึ่งหมาย มลายราน

    ณ ราตรี มิมีแสง.........................ตระหนักแรง พระพายผ่าน
ณ มืดมน ผจญมาน.........................สะทกการณ์ สะท้านกาย

    กระแสน้ำ กระหน่ำเนื่อง...............ประจักษ์เบื้อง ธราหาย(ธรา=แผ่นดิน)
กระแสชล ยุบลชาย.........................อุทกผาย อบายพรู(ยุบล=เรื่องราว,อบาย=ความฉิบหาย)

    ทะลักขอน และท่อนไม้................ศิลาไส ไศลซู่
ทะลึ่งโคลน กระโจนจู่......................ระห่ำสู่ ณ ชุมชน

    ละอ่อน-เฒ่า นิทราหลับ................ก็ถูกทับ ขยับท้น
ทะลายบ้าน ทะยานบน.....................ผลิตผล เกษตรกรรม

    มิเพียงแค่ พนัสคาม....................กระแสน้ำ สิลามล้ำ
ลุเมืองใหญ่ ละม้ายย่ำ......................พิบัติพร่ำ พยานภัย

    เพราะความโลภ ละโมบมาก..........ซิเกิดจาก มนุษย์ไซร้
กระทำตาม กระสันไตร.....................เลาะป่าไม้ และธรรมชาติ

    อุบัติเภท เทวษเพิ่ม.....................จิซ้ำเสริม มิเติมขาด
สนองกรรม ริยำยาตร.......................มนุษย์ชาติ วินาศเอย ฯ

๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

จารีตประเพณี : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



จารีตประเพณี : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ...................................วัสสะ จารีต
เมฆหลาย กรายกรีด.............ประดิษฐ์ น้ำฝน
หล่อเลี้ยง โลกา..................วนา ชระชล(ชระ=บริสุทธิ์)
สมบูรณ์ พูนผล...................สกล กระจาย

    ...................................ฝนพร่าง ทั้งคืน
ไพรสณฑ์ ผลชื้น.................รื้นสม ร่มสยาย
ลมรำ เพยแผ่ว....................เสพแล้ว สบาย
จรรโลง ส่งท้าย...................ก่อนสาย กรายมา

    ....................................จารีต ประเพณี
สนับสนุน ชีวี.......................ลดมี ปัญหา
คลองกรรม์ สันติ..................โสตถิ กติกา(โสตถิ=ความสวัสดี)
สังคม รมยา........................ชีวา สถาพร(รมยา=รมย์)

    ....................................เลยละ จารีต
ปราชญา อดีต......................คิดใคร่ ไถ่ถอน
กระทำ ตามใจ......................อย่างไม่ อาวรณ์
ผลขื่น คืนย้อน......................เดือดร้อน ยากเย็น

    .....................................หลงตน คนฉลาด
เริงร่า ประมาท .....................ผิดพลาด พบเห็น
แทนที่(จะ)มีสุข.....................กลับทุกข์ ลำเค็ญ
ยุ่งยาก ลำบากเป็น.................อยู่เร้น รุ่งเรือง

    .....................................รักษา ประเพณี
ขจัด บัดสี............................ความดี ฟุ้งเฟื่อง
ศีลธรรม กำกับ......................อัประมาณ์ ประเทือง(อัประมาณ=กำหนดไม่ได้)
เกื้อกูล หนุนเนื่อง..................เบื้องหน้า สุขสบาย ฯ

๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗

วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ใจสะอาด : กลอนเจ็ด



ใจสะอาด : กลอนเจ็ด

    หลังฝน หล่นริน (ผืน)ดินสะอาด.............น้ำพัด ปัดกวาด ผุดผาดให้
สวยสัน สดสี แลพิไล...............................เหมือนเป็น เช่นใหม่ ไร้ราคี

    หลังฝน หล่นริน ก้อนหินแห้ง.................กลับแปลง เป็นสด ปรากฏศรี
พื้นผิว สะอาด ปราศธุลี.............................สะท้อน แสงสี สุริยน

    หลังฝน หล่นริน เหล่าติณชาติ................วิลาศ วาดใบ ไวเหิมหรรษ์
ขจี สีเขียว เรี่ยวแรงรัน..............................กลับฟื้น คืนฝัน บันเทิงไท

    กิเลส เฉทไร้ ใจสะอาด.........................ปราศจาก มลทิน จินดาไถย
งดงาม ความคิด และจิตใจ........................ประเทือง เรืองไร ในกมล

    ตัณหา คลาไคล ใจสงบ........................พานพบ พสุ แห่งกุศล
เคลื่อนไหว (แต่)ไร้ร่าน การดิ้นรน...............อยู่บน โลกา (แต่)ละโลกีย์

    มลทิน สิ้นไป ใจพิสุทธิ์.........................ประดุจ หลังฝน ถกลศรี
ธรรมชาติ พงไพร ใสโสภี..........................ธรรมชาติ ฤดี สิโสภา

    อย่าปล่อย ใจลาม ตามอารมณ์...............โสมม กิเลส กับตัณหา
อย่าจับ ดวงจิต อวิชชา.............................เป็นที่ ปรารถนา ประสันนาการ(ประสันนาการ=อารมณ์เลื่อมใส)

    จิตใจ ได้รับ การดูแล............................จะไม่ พ่ายแพ้ และสุขศานติ์
กุศล ผลดี จิบันดาล.................................ประสบ พบพาน พิมานเอย ฯ

๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ฝนมาเมื่อต้นกล้าตายหมด : กลอนหก



ฝนมาเมื่อต้นกล้าตายหมด : กลอนหก

    ฝนมา เมื่อ(ต้น)กล้า ตายหมด............ปรากฏ ในนา ปีนี้
เพาะไว้ ไม่เหลือ เรื้อมี..........................เห็นที ต้องหว่าน ธัญญา

    นาดำ เมื่อทำ ไม่ได้.........................น้ำไร้ ตาย(ตั้ง)แต่ เป็นกล้า
นาหว่าน ต้องการ พ่นยา.......................ฆ่าหญ้า ล่วงหน้า กระทำ

    ฝนฟ้า มามี วิกฤติ............................ชีวิต ชาวนา ระส่ำ
ลูกหลาน คร้านการ กสิกรรม...................เลือกร่ำ เลือกเรียน เพียรลา

    มุ่งใช้ ชีวา ทันสมัย...........................แต่งกาย วิไล ไขว่หา
วัตถุ นิยม รมยา....................................เริงร่า โลกีย์ ปรีดิ์เปรม(รมยา=รมย์)

    เช่าหอ ฉ้อจิต ชิดไพร่........................กระทำ ตามใจ ใคร่เขษม(ไพร่=คนเลว)
ริรัก หลากแฟน แสนเอม.........................อิ่มกาย ในเกม กามกม(กม=กุม)

    เกิดท้อง ก็ต้อง ทำแท้ง......................เหือดแห้ง แล้งธรรม ค้ำข่ม
วิถี โลกีย์ นิยม......................................ยโส โง่งม จมจินต์

    กู้เงิน เพื่อการ ศึกษา..........................กลับมา เพาะมี หนี้สิน
การเรียน เพียรไร้=ไพริน.........................ชีวิน ชะงัก ดักดาน(ไพริน=ข้าศึก)

    วิถี ชีวิต ผิดพลาด..............................(เพราะ)ประมาท หัดชั่ว มั่วหาญ
ย่ำบาป หยาบช้า สามานย์.......................(จึง)ทุกข์ท้อ ทรมาน ดาลดล

    คิดได้ ก็สาย เสียแล้ว..........................ต้องแคล้ว ต้องคลาด พลาดผล
เวียนวก ตกต่ำ จำทน..............................เหมือนฝน (หล่น)มา เมื่อกล้าตาย ฯ

๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เสือ-สิงห์-กระทิง-แรด : กาพย์ฉบัง๑๖



เสือ-สิงห์-กระทิง-แรด : กาพย์ฉบัง๑๖

    เขาว่ายุงร้ายกว่าเสือ................แต่ที่ร้ายเหลือ
กว่ายุงและเสือก็คือ " คน "

    ผู้มีดวงฤดีฉ้อฉล................เปี่ยมด้วยเล่ห์กล
อกุศลมลทินจินดา

    โดยเฉพาะผู้ที่โสภา................รูปร่างหน้าตา
แต่ทว่าใจดำอำมหิต

    พูดจาปราศรัยคล้ายมิตร.................แต่ในดวงจิต
คอยคิดมิจฉาสาไถย

    ลวงหลอกให้เราตายใจ.................ตีสนิทชิดใกล้
ก่อนจะทำร้ายในภายหลัง

    ท่าทีมีความจริงจัง...............คอยให้ความหวัง
กลับสร้างแต่ความเสื่อมเสีย

    ไม่เลือกตัวผู้-ตัวเมีย................มาก ล้วนชวนละเหี่ย
ไว้ใจได้เสียที่ไหน ?

    ซุ่มรอก่อการจัญไร................ยามเราเผลอไผล
(คำกล่าวนี้)มิได้ใส่ร้ายป้ายสี

    ยากหาคนใดใจดี...............ในทุกวันนี้
มีเฝือ " เสือ-สิงห์-กระทิง-แรด " เอย ฯ

๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ละมุนฤดีชีวิน : กลอนจรรโลงใจ



ละมุนฤดีชีวิน : กลอนจรรโลงใจ

    ..................................เราเลือก ที่จะรับรู้
และปฏิเสธ การรับรู้.............สิ่งที่มีอยู่ ในโลก

    ..................................เราเลือก ที่จะบริโภค
และปฏิเสธ การบริโภค........สิ่งที่โลกย์สร้าง ทั้งหลาย

    ..................................ขึ้นอยู่กับ ความงมงาย
การดิ้นรน ขวนขวาย............และความมักง่าย ในแต่ละคน

    ..................................อาศัยความ มีเหตุมีผล
แลจิต อันเป็นกุศล..............เกื้อหนุนกมล ดลบันดาล

    ..................................ฝ่าวิถีทาง แห่งวัฏฏสงสาร
ที่ยังคงสับสน อลหม่าน........เพราะมายาการ ของจิตใจ

    ..................................ทัศนคติที่สัตย์ตรง จำนงใน
แก้ความคดโกง หลงใหล.....ให้ห่างหาย ไปจากฤดี

    ..................................มองเห็นความเป็น สัจวิถี
มรรคา ประจญชีวี................อย่างมีสันติ และอิสระ

    ...................................พ้นล่วงบ่วงทัณฑ์ พันธะ
ของราคะ-โลภะ-โทสะ..........แลโมหะทั้งหลาย ในปัจจุบัน

    ...................................ดำรงชีวี ที่สร้างสรรค์
บริบูรณ์ คุณอนันต์...............ไม่ฮึกเหิมหรรษ์ ร่านราคิน

    ...................................เป็นหนึ่งเดียว กับธรณิน
กระแสลม กระแสกระสินธุ์......ละมุนฤดีชีวิน จวบสิ้นวาร ฯ

๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

อยากได้รัก อย่ามักง่าย : กาพย์ยานี๑๑



อยากได้รัก อย่ามักง่าย : กาพย์ยานี๑๑

    นี่หรือ คือคนซึ่ง..................เธอติดตรึง พึงปรารถนา
มอบกาย ถวายชีวา..................ให้ชื่อว่า ได้มาครอง ?

    ร่างเปล่า รอเน่าเปื่อย...........ทำเรื่อยเฉื่อย เนือยงานผอง
ระหาย หลายสิ่งปอง................ต้องรักษา อย่างระวัง

    ทรงสัญ ชาตญาณ...............คอยบงการ กระสันสั่ง
เกิดผุด ยากหยุดยั้ง..................ดังเฉกสัตว์ เดรัจฉาน

    ไม่มี มโนธรรม.....................คอยจุนค้ำ จำดวงมาน
ทำตาม ใจต้องการ...................พ้นพื้นฐาน ชอบ-ชั่ว-ดี

    พูดจา สัจจะไร้.....................กรรมสาไถย ไคลธรรมศีล์
กลิ้งกลอก หลอกลวงมี..............เป็นนิสัย ไม่ผันแปร

    เห็นแก่ ก็แต่ตน....................คิดโฉดล้น ฉลชั่วแล้
ทุจริต เป็นกิจแด.......................ไม่มีแม้ แต่ละอาย

    คบคน มาล้นหลาก................หลอกซ้ำซาก มามากหลาย
เลิกรา มากรีดกราย....................หมายเพียงเธอ เพ้อรำพัน

    เอาใจ ในวันนี้.......................จะไม่หนี วันหน้านั้น
เชื่อได้ เช่นใดกัน ?....................จงเท่าทัน ภยันตราย

    รักใคร่ ความประมาท..............จะประสาท ความเสียหาย(ประสาท=โปรดให้)
อยากรัก มักง่ายดาย...................จักแพ้พ่าย ใจทุกข์เอย ฯ

๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗

ความเกลียดชัง : กลอนแปด



ความเกลียดชัง : กลอนแปด

    ฝนไม่ตก ต้องตาม ฤดูกาล..................ก่อนหน้านั้น พานภินท์ แผ่นดินไหว
(พอ)ฝนชุกทำ น้ำท่วม อ่วมอรทัย.............ดูอะไร อะไร (ต่าง)ไม่พอดี

    คนรอบข้าง (แตก)ต่างไป ตามใจจิต......บ้างทุจริต อิดหนา กล้าบัดสี
ความบกพร่อง ของคน ผจญทวี................แปลกแยกเพิ่ม เริ่มพี ทุกวี่วัน

    ยิ่งกว่า(สร้าง)ความ รำคาญ (คือ)การเบียนเบียด.....ก่อความเครียด เกลียดชัง สั่งสมสรรค์
เอาแต่ใจ(ตน) ไม่เฟ้น เห็นใจกัน..............ชอบแกล้งกลั่น บั่นทอน รอนชีวา

    มุ่ง(แต่)สุขตน ล้นมี เป็นที่ตั้ง...............ใครทุกข์ท้อ ก็ช่าง ไร้กังขา
เทิดทูนคุณ ของตน ล้นอัตตา..................ไม่เห็นค่า คนอื่น ขื่นสัมพันธ์

    โลกียธรรม กำมะลอ คือข้อใหญ่..........เห็นแก่ตน (เป็น)กลไก การแข่งขัน
ไม่ทำชั่ว ก็เกือบชั่ว ทั่วหน้ากัน................(เพราะ)อยู่ตัวใคร ตัวมัน กันดารดล

    ความเกลียดชัง(กัน) ยังใจ ให้สกปรก....ปริวิตก บกพร่อง ต้องสับสน
เกิดโทสะ โมหะ มลมน...........................อกุศล จลจินต์ กัดกินใจ

    ถึงโลกา จะทะลาย กายแตกดับ............ชีวาลับ ล่วงสิ้น วิญญาณไส
จงสละ อกุศล พ้นจัญไร..........................เกรงกลัวภัย ในบาป ย้อนกลับคืน

    สติระลึก ฝึกฤดี บริสุทธิ์.......................เปรียบประดุจ น้ำค้าง กลางไพรผืน
มลภาวะ สละไกล ใสยั่งยืน.......................จิตแช่มชื่น รื่นดี นิรันดร ฯ

๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ 

วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บ้านป่าเมืองเถื่อน : โคลงสี่สุภาพ



บ้านป่าเมืองเถื่อน : โคลงสี่สุภาพ

. ติดตามข่าวสารบ้าน..............เมืองเนา
ทุกค่ำทุกวันเรา.......................รอบรู้
ข่าวคนดีมิเขลา.......................เลียนหัด
ข่าวคนชั่วคือผู้........................สอนสู้ระมัดระวัง ฯ

. ยาเสพย์ติดแพร่ล้อม.............เรือนเพียง
การพนันพลุกพล่านเรียง...........รอบบ้าน
กามราคีสถานเคียง..................เกิดผุด
อบายมุขรุกสะท้าน..................สะท้อนอาธรรม ฯ

. ชนช่างจิตใจร้าย..................ทุจริต
ยากจักหาใครสถิต...................มิตรแท้
ฤทัยดำอำมหิต........................ติดทราม
ความอารีมีแม้.........................แค่เพี้ยงผิวเผิน ฯ

. ตำรวจกับผู้ร้าย....................คล้ายคลึง
ผู้พิพากษา-อัยการพึง...............คดไคล้
ความอยุติธรรมจึง....................แพร่ระบาด
ขยาดแก่คนดีให้......................คิดท้อถอนใจ ฯ

. (เหตุให้)คนสาไถยใคร่กล้า.....สาไถย
(คน)จัญไรร่านจัญไร.................ลึกร้อย
อันธพาลพล่านก่อภัย.................มิสลด
(เพราะ)กฎหมายมีโทษน้อย........ให้ท้ายทรชน ฯ

. ภยันตรายทั่วแคว้น.................แดนสยาม
(เพราะ)คนส่วนใหญ่ใจทราม.......ชั่วช้า
ทุจริตผิดลุกลาม.......................(กลาย)เป็น(เรื่อง)ปกติ
ชีวิตชวนอ่อนล้า........................ง่ายม้วยมรณา ฯ

. คนดีมีส่วนน้อย......................ควรตระหนัก
ชีวาอย่าง่ายมัก..........................เริงรื้น
ความไม่ประมาทจัก....................ปักปก
ไคลโศกวิโยค;ครื้น.....................เครงให้หทัยหรรษ์ ฯ

๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗

วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

มนาผดุง : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



มนาผดุง : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    .........................ฝนริน กลิ่นฟุ้ง
อนธการ์ จรุง.............ปรุงใจ ใฝ่ฝัน(อนธการ=กลางคืน)
คิดถึง อนาคต...........กำหนด กฎกรรม์
ดำเนิน ชีวัน..............(เพื่อ)บรรลุ อุดม

    ..........................ปรับแล แก้ไข
ความคิด นิสัย............ไกลทราม งามสม
มิหลง มายา..............โลกา ค่านิยม
สติ วิกรม..................ภิรมย์ คุณธรรม

    ..........................ปมใด ในจิต
ปมด้อย คอยคิด.........พินิจ ซ้ำๆ
หาทาง ไถ่ถอน..........หยุดซ่อน จรจำ
ประเสริฐ เลิศล้ำ.........จำเริญ เพลินจินต์

    ..........................ฝนพรำ ย่ำรุ่ง
พนา ผดุง..................หอมฟุ้ง พลุ่งกลิ่น
น้ำหลาก จากฟ้า.........ลงมา โลมดิน
สร้างกระ แสสินธุ์........ภิญโญ โอฬาร

    ...........................ดูแล จิตใจ
โสภา อย่าให้..............สาไถย ใฝ่หาญ
กุศล กลจิต................ประสิทธิ์ กฤดาการ(บารมีอันยิ่งที่ทำไว้)
ผจญ พ้นผ่าน.............สารพัน อันตราย

    ...........................กุศล ดลจิต
ดำเนิน ชีวิต................พิทยา กระหาย
มุ่งความ จำเริญ...........เมินทาง วอดวาย
สุขะ สบาย.................มลาย ทุกข์เอย ฯ

๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

นาฬิกาชีวิต : กาพย์ฉบัง๑๖



นาฬิกาชีวิต : กาพย์ฉบัง๑๖

    สังขารคือนาฬิกา...............เคาะบอกเวลา
ชีวาให้เห็นเป็นไป

    จากปฏิสนธิถึงเยาว์วัย...............หนุ่มสาว->ผู้ใหญ่
เฒ่าเเก่แลกายได้รู้

    นาฬิกาของเราเฝ้าดู...............นับวันผันสู่
เหลือเวลาอยู่น้อยลง

    อย่ามัวเมาเขลาพะวง..............โลกีย์พิศวง
ไหลหลงปลงใจไขว่คว้า

    (จน)ละเลยศีลธรรม์จรรยา...............คุณธรรมกรรมา
นำพาชีวาภัยผจญ

    (ถูก)ราคีครอบงำจำนน...............อนาคตมืดมน
ย่อยยับอับจนผลผาย

    ชีวาตม์ขัดสนดลดาย................ทุรนทุราย
จนตายไร้ค่าละคุณ

    อย่าปล่อยชีวาอาดุร................(ใช้)เวลาเกื้อหนุน
กุศลผลบุญสะสม

    เมื่อหมดเวลาระดม...............ชาติหน้าอย่าตรม
เป็นผู้อุดมสุขเอย ฯ

๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ยามใจไหวหวั่น : กลอนคติเตือนใจ



ยามใจไหวหวั่น : กลอนคติเตือนใจ

    หยาดฤดี มีราคิน จึงรินหลั่ง ?...............ฤาสิ่งหวัง พลั้งสิทธิ์ ผิดประสงค์ ?(หยาดฤดี=น้ำตาในจิตใจ)
ความไหวหวั่น สั่นคลอน รอนดำรง.............มิอาจคง ความสงบ จบสิ้นพลัน

    อดน้อยใจ ไม่ได้ ในบางครา..................ยามชีวา หาได้ ดังใฝ่ฝัน
แม้ว่าจะ พยายาม กระทำกรรม์...................พิถีพิถัน สรรหา (สุด)สามารถมี

    ส่องธรรมบท พจนา สงบจิต..................อันชีวิต อนิจจา โศกา-ศรี
ความยากจน ข้นแค้น แร้นหรือมี.................ขึ้นอยู่ที่ วิบากกล้า ชะตากรรม

    อนัตตา ลักษณะ ละยึดมั่น....................." ตัวตน " อัน สรรสร้าง อย่างลึกล้ำ
มิใช่สิ่ง จริงแท้ แม้จดจำ............................เป็นเพียงคำ กำกับ ศัพท์หทัย

    ความรู้สึก ทุกข์-สุข ทุกสิ่งอย่าง..............ล้วนเวิ้งว้าง ร้างยล เป็น "ตน(อัตตา)" ไม่
ประสบการณ์ ผ่านมา คลาผ่านไคล..............มีอะไร ให้เพรียก เรียก " ของตน " ?

    สิ่งที่ได้ คล้ายเพียง เคียงพบเห็น.............มิได้เป็น " ของเรา " เค้าเหตุผล
(สิ่ง)ที่ไม่ได้ ให้นึก ตรึกกมล.......................เป็น " ของคน อื่น " ใด อย่าหมายเมียง

    เผลอทำผิด พลาดไป อย่าได้กลุ้ม............ความคิดต่าง ช่างชุม อย่าทุ่มเถียง
ความสมมาด ปรารถนา อย่าเทียบเคียง..........ต่างคนเพียง โลกา มายาการ

    กุศลสุนทร์ บุญเสพ เทพประสบ...............สู่วิถี คติภพ สงบศานติ์
ละชั่วบาป หยาบช้า กระแสธาร....................พาพ้นผ่าน ทุกข์ภัย อบายภูมิ ฯ

๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗   

วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

กู...พวกโลกสวย : กลอนประชด(ขำๆ)



กู...พวกโลกสวย : กลอนประชด(ขำๆ)
(อิสระ ฉันทลักษณ์)

    โลกสวย...............................เพราะกูร่ำรวย ไม่เดือดร้อน
วันๆ กิน-เที่ยว-นอน....................มิต้องอาวรณ์ ทุกข์ร้อนใจ

    (กู)หวังให้ โลกสวย................ถึงความจริงจะเฮงซวย ช่วยไม่ได้
(กู)ชอบทำตาม อำเภอใจ.............ให้มันรู้ไป โลก(ของกู)สวย ซะไม่มี

    (สู)จงฟัง คำจำนรรจ์................ต้องยึดมั่น สันติวิถี
(เพราะ)คนทุกคน เป็นคนดี............ไม่มีใครชั่ว กูมั่วนิยาม (เอาเอง)

    หยุดใช้ ความรุนแรง!...............ถึง(สู)จะถูกแทง-ข่มขืน-ฆ่าฯลฯ ก็ตาม (ไม่ใช่กู)
ความรุนแรง คือข้อห้าม................เดี๋ยวโลกสวยงาม(ของกู) จะช้ำชอก

    ทุกสถานที่ มีบุปผา...................ทุกปัญหา มีทางออก
คิดได้เมื่อไหร่ กูจะบอก.................ตอนนี้(กู)ยังคิดไม่ออก ต้องกลอกกลิ้งต่อไป

    ความรุนแรง ไม่แก้ปัญหา...........กูจำคำเขามา จึงพูดได้
ปัญหาอาชญากรรม จะทำอย่างไร ?.....เออ..ยังไงก็ได้ แต่อย่าใช้ความรุนแรง

    เรื่องสร้างภาพ กูถนัด................เห็นได้ชัด ว่ากูเสแสร้ง
ไร้สติปัญญา แต่อยากแสดง............กำแหงว่า กู " เป็นอารยชน "

    ใครกล้า มาขัดคอ......................กูขอประณาม ว่า " ด้อยพัฒนา-ไร้เหตุผล "
สูไร้คุณธรรม ความเป็นคน...............มีกูเป็นคน เพียงคนเดียว ฯ

๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗