ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประกาศชัยชนะเหนือเผด็จการ : กาพย์ฉบัง๑๖



ประกาศชัยชนะเหนือเผด็จการ : กาพย์ฉบัง๑๖

    อยากยึดทำเนียบรัฐบาล..............โค่นล้มเผด็จการ
ชั่วช้าสามานย์ทักษิณ

    อยากไปได้เห็นได้ยิน...............คนล้นแผ่นดิน
ถอนรากกังฉินสิ้นสูญ

    อยากไปช่วยเหลือเกื้อกูล..............มวลชนพ้นพูน
เทิดทูนประชา-อธิปไตย

    อยากประกาศร้องก้องไป..............โห่เสียงเกรียงไกร
ชูชัยชนะในครั้งนี้

    อยากเป่านกหวีดเปรมปรีดิ์...............ประชุมสามัคคี
บดขยี้ขี้ข้ารัฐบาล

    สู่เสรีภาพอัประมาณ..............ตราบนานเท่านาน(อัประมาณ=ไม่มีที่สิ้นสุด)
สุขศานติ์ทั่วบ้านเมืองเรา

    กำจัดเผด็จการพาลเขลา..............โกงเอากินเอา
ด้วยสองมือเปล่าเท่านั้น

    อย่าเกียจกลัวขลาดหวาดหวั่น..............ร่วมกาย-ใจกัน
ขับไล่มันเสียวันนี้

    อหิงสาสันติวิธี.............พลังพลคนดี
ทรงฤทธีวิเศษเอย ฯ

๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประชาชน ปฏิวัติ : กลอนการเมือง



ประชาชน ปฏิวัติ : กลอนการเมือง

    ประชาชน ได้ลุกขึ้นแล้ว.............ด้วยกายกาจแกล้ว หัวใจกล้าหาญ
ประกาศยึด อำนาจรัฐบาล...............ทุนสามานย์ ทรราชทาสทักษิณ

    กองทัพ ประชาชน....................รวมพลังพล ท้นท่วมแผ่นดิน
กระจายกันไป ไม่สุดสิ้น.................โค่นระบอบทักษิณ ให้สิ้นไป

    ทนอดกลั้น กับการกดขี่..............ถึงวันนี้ มิอาจทนไหว
จึงร่วมกัน ประสานกาย-ใจ...............ทวงอธิปไตย กลับมาไว้คืน

    ออกไป ! ออกไป ! ออกไป !......." ชินวัตร " จัญไร เงื่อนไขยื่น
จงไปอยู่ ประเทศอื่น......................อย่ามาแข็งขืน ปกครองประชา

    ออกมา ! ออกมา ! พี่น้อง............มาร่วมเรียกร้อง ร่วมแสวงหา
ร่วมกัน ประสานปัญญา....................แก้ปัญหา ปฏิรูปประเทศไทย

    คลื่นพลัง ประชาชน....................ท่วมท้องถนน หลากล้นหลั่งไหล
สำแดง พลังบริสุทธิ์ไล่....................ล้างแผ่นดินไทย ให้ใสสะอาด

    ประชาชน เจ้าของประเทศ...........ประชุมเผด็จ ศึกทรราช
ถอนรากถอนโคน จนเด็ดขาด............มิฉะนั้นมันอาจ ฟื้นคืนมี

    ชนะ ! ชนะ ! เราต้องชนะ !...........จะเป็นอิสระ ชีวาสุขี
ลูกหลานเรา จะอยู่ดีกินดี...................มีอนาคต สดใสร่วมกัน ฯ

๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

กุศลดลสุนทรีย์ : กาพย์ฉบัง๑๖



กุศลดลสุนทรีย์ : กาพย์ฉบัง๑๖

    ทัศนคติที่ถูกต้อง................เป็นกุญแจทอง
เปิดประตูท่องทางกุศล

    เห็นแจ้งสัจจ์-วัฏฏะจล...............ซาบซึ้งบึ้งมน
คือกลไกใจขับขัน

    ละอัตตาสาระธรรม์.............เปลื้องปลดลดพัน-
ธนาการชีวันเบาใส

    ตัวตนหลุดพ้นผ่อนไคล................ถือมั่นอันใด
ในชีวิตอนิจจา

    เคลื่อนไหวภายใต้จริยา..............พิสุทธิ์โสภา
ละบาปหยาบช้าอกุศล

    แม้มีทุกข์ยากลำบากยล.............ก็อดก็ทน
เชื่อกลวิบากกรากเข็ญ

    ปัญหาอุปสรรคหนักเป็น..............จิตใสใจเย็น
มองลำเค็ญเช่นบาปผล

    ตั้งอกตั้งใจไกรถกล.............ทำดีพิมล
ไม่อับจนกังวลจินต์

    กุศลหนทางสว่างทิน.............สุนทรีย์ชีวิน(ทิน=วัน)
ดั่งโภคินนรินทร ฯ(โภคิน=คนมั่งมี,นรินทร=ราชา)

๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เธอคือสุดที่รัก : กลอนจรรโลงใจ



เธอคือสุดที่รัก : กลอนจรรโลงใจ

    เคยหลงรัก สมัครหมาย มาหลายอย่าง...........ซึ่งก็ต่าง สร้างให้ ใจสุขี
ตามจังหวะ แห่งชีวา ชะตามี............................พาพบพาน สำราญพี ทิพาวัน

    วัยประถม ภิรมย์รัก มักวาดเขียน...................มัธยมเพียร กีฬา กล้าแข็งขัน
มหา'ลัย หมายล่า วิชาธรรม์.............................ทำงานยัน มันยุ่ง มุ่งทรัพยา

    หลากศัตรู อุปสรรค อันหนัก-เบา..................ฉุดชีวิต วิกฤติเข้า เฝ้าทุกขา
จนเทวษ เหน็ดเหนื่อย ใจเฉื่อยชา.....................ไม่เห็นค่า คุณชีวิต คิดพะวง

    กินข้าวปลา อาหาร ราญไร้รส.......................สิ่งเคยรัก สมัครลด งดใหลหลง
ไม่อยากนอน ไม่ย้อนตื่น ฝืนทระนง...................กายดำรง คงได้ ไร้วิญญาณ

    ดั่งเป็นบุญ วาสนา เทวะสนอง......................ดลเราสอง พ้องประสบ พบประสาน
เหมือนเราเคย เอ่ยสัญญา คำสาบาน..................เป็นเนื้อคู่ อยู่เคียงขาน นิรันดร

    เธอคือแสง แห่งอุษา แสนละมุน....................อ้อมอรุณ อุ่นอบ พิภพสร
คือสุคันธ์ กรรณิการ์ นิศาทร..............................มาดับร้อน ผ่อนคลาย หายทุกข์ตรม(นิศาธร=นิศา+อาทร)

    เธอคือฝน ชลธาร์ อำมฤต.............................ช่วยล้างพิษ วิกฤติครา ชีวาขม
คือเสาวรส หยดหวาน ชีวันพรม..........................ให้ชื่นชม รมณีย์ มีสุขใจ

    เธอคือเดือน ดารา หลังสายัณห์......................ประโลมฉัน รัญจวน ชวนหลับใหล
คือลำนำ นิทรา ทิพาลัย....................................ที่พาฉัน ฝันไป ในปรีดิ์เปรม

    คือวรรณพจน์ บทกวี พิมลแต่ง.......................ช่วยกล้าแกร่ง แปลงชีวา ชื่นเกษม
คือความดี ที่ดลใจ ให้อิ่มเอม..............................เสริมเติมเต็ม สิ่งที่ขาด อนาถไคล

    หวังว่าเธอ จะช่วยไป กล่อมใจชน....................ล่วงทุกข์ทน พ้นเหตุ เทวษไห้
ช่วยส้องสัจจ์ ทัศนา ชีวานัย................................บรรเทาโศก โลกย์ไส ตลอดไปเทอญ ฯ

๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

คติชีวิต : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



คติชีวิต : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ..............................ฝนหลง ฤดู
ตกไม่ ลืมหู...................ลืมตา ฉะนั้น
น้ำนอง ถนน..................จนท่วม ฉับพลัน
รวนเร เหมันต์................อัศจรรย์ ดาลใจ

    ..............................ลมพัด สาดฝน
รุนแรง เสียจน................แทบโค่น ต้นไม้
รวงข้าว เหลืองแก่...........ล้มแผ่ พื้นไป
ลม-ฝน ล้นไหล..............ไม่อาจ ต้านทาน

    ..............................ปกติ ชีวี
หากสบ สวัสดิ์มี..............ทวี สุขศานติ์
สบาย สบาย..................ใจ-กาย เกียจคร้าน
คงไม่ คิดอ่าน.................ขยัน อดทน

    ...............................แต่เพราะ ธรรมชาติ
คับแค้น แร้นขาด.............อนาถ ทุกหน
สารพัด เภทภัย...............ไกรกล้ำ ลำบน
ยุ่งยาก หลากล้น.............ผจญ ผลพลี

    ...............................จึงปอง จำเป็น
ชีวิต พิศเห็น...................โดดเด่น วิถี
คือต้อง ต่อสู้...................เพื่ออยู่ รอดมี
เสพสุข สวัสดี.................ตลอด ชีวัน

    ...............................จำต้อง ศึกษา
เรียนรู้ วิทยา...................วิริยะ ขยัน
สุขุม รอบคอบ.................ผิด-ชอบ เท่าทัน
อดทน อดกลั้น................มีศีลธรรม์ จรรยา

    ................................จึงจะ ได้ดี
สิ้นทุกข์ สุขี.....................สมมาด ปรารถนา
มีความ มั่นคง..................ธำรง ชีวา
ปกป้อง พงศา..................อนาคต สดใส ฯ


๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เมืองไทย ไม่เคยสิ้นไร้คนดี : กลอนการเมือง



เมืองไทย ไม่เคยสิ้นไร้คนดี : กลอนการเมือง

    มาลำบาก ตรากตรำ กันทำไม ?................นอนอยู่บ้าน สบายๆ ไม่ดี(กว่า)หรือ ?
เกลือกกลางดิน กินกลางแดด แปดเปื้อน;มือ....พร้อมใจถือ นกหวีด ปรี๊ด...เป่าไป

    การศึกษา ก็ดี มีฐานะ..............................ยอมเสียสละ ชุมนุมกัน มิหวั่นไหว
คนที่บ้าน เป็นห่วงแน่ แต่เต็มใจ.....................เพราะเธอกล้า กอบกู้ไทย ใจศรัทธา

    เธอเป็นไท ทั้งกาย-ใจ มิใช่ทาส................ไม่ยอมอยู่ ใต้อำนาจ รัฐ(บาล)โฉดช้า
ทุจริต (ทำ)ผิดกฎหมาย ใช้อาชญา.................เสมือนว่า ประเทศมอง เป็นของมัน

    เธอนอน-นั่ง อย่างนั้น นับวันคืน..................ใช่ชมชื่น พื้นถนน ดลสุขสันติ์
แต่ทุกข์ทน เพื่อผลท้าย ใช้ชีวัน......................ผดุงไทย ให้พ้นพัน ธะอันตราย

    " โค่นระบอบ ทักษิณ " ปฏิญญา.................เพราะมันพา ประเทศให้ ใกล้ฉิบหาย
เผาบ้านเมือง เขื่องตน ฆ่าคนตาย....................ออกกฎหมาย ล้างผิด ทุจริต(ของ)มัน

    ถ้าไม่ถอน รากพวกมัน เสียวันนี้...................ลูกหลานไทย จะไม่มี ชีวีหรรษ์
ต้องใช้หนี้ ที่มันกู้ โกงกินกัน...........................โคตรของมัน กระสันปอง ครอบครองไทย

    เธอไม่ยอม เป็นขี้ข้า โคตร " ชินวัตร "...........ขอยืนหยัด ยึดอำนาจ ประกาศไล่
พวก " ชินวัตร " ชาติชั่ว ไสหัวไป.....................ประเทศไทย ไม่ต้องการ พันธุ์โกงกิน

    เธอจะสู้ จนกว่า จะได้ชนะ...........................ร่วมล้านคน โค่นล้ม " ระ บอบทักษิณ"
ร่วมเป็นหนึ่ง ในประวัติ ศาสตร์อาจิณ.................ว่า คนดี มีไม่สิ้น แผ่นดินไทย 

๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

อ่อนไหว : กลอนจรรโลงใจ



อ่อนไหว : กลอนจรรโลงใจ

    ยะเยือก อย่างเช่น เย็นนี้............ดุษณี สัญฌา หน้าหนาว(ดุษณี=การยอมรับ,สัญฌา=สนธยา)
ปลายฝน บนฟ้า สกาว...................เดือนดาว เคล้าเคียง เมฆี

    ดวงเพ็ญ เด่นพ้น ภูเขา..............พร่างเพรา ประเสริฐ เพริศศรี
แสงผ่อง ส่องพื้น ปัถพี..................ทัศนีย์ ศุภระ เสาวภา (ศุภร-=บริสุทธิ์ไม่มีตำหนิ)

    สงบ แต่ไม่ เงียบสนิท...............ชีวิต สัตว์ดง พงศา
ค่ำคืน ตื่นฟื้น ขึ้นมา......................ประกอบ นานา กิจกรรม

    ราตรี มากมี ผีเสื้อ.....................สัตว์เบื้อ หากิน ยามค่ำ(เบื้อ=สัตว์ป่าทั่วไป)
บ้างเพียร เวียนมา ประจำ................ตรวจตรำ ทำความ คุ้นเคย

    ธรรมชาติ ของการ ใกล้ชิด..........พาสนิท จิตเพริศ เปิดเผย
ไม่น้อย พลอยล้ำ พล้ำเลย..............พิศเชย เลยเร้น เป็นรัก

    โดยเฉพาะ จิตใจ ไหวอ่อน..........เหมือนไม้ เลื้อยซอน ซบหลัก
ชิดใหม่ ให้ระทึก คึกคัก...................คอยตก หลุมรัก ปักใจ

    ชีวี มักมี ปัญหา.........................เพราะกมล มารยา สาไถย
มักหลง รักง่าย หลายใจ..................ไม่เคย คบใคร จริงจัง

    หากคอย คล้อยทำ ตามจิต...........ชีวิต วัฒนา อย่าหวัง
จิตชัฏ สัตว์ดื้อ ถือดัง.......................ต้องคุม ต้องขัง จังไร ฯ


๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

รอยชีวัน : กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒



รอยชีวัน : กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒

    วิถี ชีวิต.....................ชวนพิศ พิจารณ์
อดีต ล่วงผ่าน.................อวสาน สุดสิ้น
รอยหลาก ฝากไว้............ฝังใจ ใฝ่จินต์
ทั้งชวน ถวิล...................และกิน กัดใน

    ชีวา วิถี......................ที่ไร้ รอยเท้า
ทรงจำ นำเอา..................เก็บเข้า รวมไว้
เป็นประ สบการณ์.............ล่วงวาร เลยวัย
หากรู้ จักใช้.....................ย่อมได้ คุณา

    ปวดเจ็บ เก็บไว้............ในความ ทรงจำ
บทเรียน เพียรนำ..............พิชญ์พร่ำ ศึกษา(พิชญ์=นักปราชญ์)
ปรับปรุง มุ่งมั่น.................สำคัญ สัญญา
ปริวรรต พัฒนา................ชีวา ถกล(ปริวรรต=เปลี่ยนไป,ถกล=งาม)

    ความทุกข์ เศร้าไซร้......เปลื้องไป ให้หมด
โศกศัลย์ รันทด................ทอนประ โยชน์ผล
ไม่มัว เสียใจ....................จะไม่ มืดมน
สงบจิต คิดดล..................เห็นหน ทางไกล

    วิถี ชีวัน.......................สัจธรรม์ บัญชา
มิใช่ นิทรา.......................พากัน ฝันใฝ่
ตนเป็น ผู้สร้าง..................ปลายทาง อย่างไร
เป็นผู้ เดินไป....................ในห้วง มรรคา

    หนทาง สร้างโดย..........โรยกลีบ กุหลาบ
หรือหนาม หลามอาบ..........ฉาบด้วย พิษา
เราเป็น ผู้เลือก..................กลิ้งเกลือก น้ำตา
หรือสราญ เริงร่า................สุขะ สวัสดี ฯ


๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

โอวาทปาติโมกข์ : กาพย์ยานี ๑๑



โอวาทปาติโมกข์ : กาพย์ยานี ๑๑

   
    สพฺพปาปสฺส อกรณํ................กุสลสฺสูปสมฺปทา
สจิตฺตปริโยทปนํ.........................เอตํ พุทฺธานสาสนํ ฯ

    ละบาป หลาบทั้งมวล..............ความดีถ้วน ทำทั่วถึง
สุทธี ฤดีตรึง..............................ซึ่งคำสอน ทุกพุทธองค์

    โอวาท ปาฏิโมกข์................สรุปโศลก ผลานิสงส์
หลักธรรม ชีพดำรง........................ประกอบกิจ นิตยา

    ปรับใช้ ได้แก่ตัว....................ทั้งครอบครัว ทั่วพงศา
สังคม สมธรรมา..........................สมาคม สมานมิตร

    ขันติ ความอดทน....................อดกลั้นกมล ผลประสิทธิ์
อดทน ผจญชีวิต.........................ให้หฤษฏ์ พิชยา(หฤษฏ์=ยินดี,พิชย=ความชนะ)

    ไม่เบียด เบียนทำร้าย................การกล่าวร้าย ไม่ปรารถนา
บริโภค พอประมาณ์......................ใช้ชีวา สงบมี

    อบรม อธิจิตต์.........................กิเลสลิด ประวิตรศรี
แจ้งสัจจ์ ทัศนีย์..........................มิตัณหา อุปาทาน

    สรรพถ้วน ล้วนไม่เที่ยง.............ชีวีเมียง เพียงสังขาร(สังขาร=สิ่งปรุงแต่ง)
เก่ากรรม ตามบันดาล...................ประสบการณ์ สัมพันธ์เป็น

    ลดละ อัตตาติด.......................จะประสิทธิ์ อิสระเห็น
บุญงาม ที่บำเพ็ญ........................สุข-สงบ-เย็น เป็นผลพลี ฯ


๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เส้นทางสายยาว : กาพย์ฉบัง๑๖



เส้นทางสายยาว : กาพย์ฉบัง๑๖

    มนุษยชาติวิวัฒนา-..............การยาวนานมา
อยู่ในโลกาสองแสนปี

    ตรากตรำดำเนินชีวี..............ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี
ทดสอบวิถีมีช้านาน

    สั่งสมเป็นประสบการณ์..............ถ่ายทอดลูกหลาน
เดินตามสำราญสุขสม

    เส้นทางกว้างขวางอุดม..............สูง-ต่ำ-ทราม-รมย์ ฯลฯ
คือคมนาคมหลากหลาย

    ลางคนเกิดมาสบาย.............ทาง(เลือก)หลากมากมาย
ส่วนใหญ่บุญน้อยคอยขวาง

    มากมีที่ในระหว่าง..............ดั้นด้นหนย่าง
นอกลู่นอกทางพลั้งหลง

    ใจเบาเข้าป่าเข้าดง..............มัวเมาเขลางง
ประสงค์ทางลัดสุขี

    กลับต้องลำบากชีวี.............ระกำฤดี
อยู่ในวิถีมืดมน

    จึงควรเตือนเหล่าเยาวชน.............ทุจริตจิตฉล
กมลนอกลู่นอกทาง

    จะไม่พานพบสบสว่าง..............สุขไร้กลายร้าง
เส้นทางหวนกลับสรรพหาย

    สิ่งฝันอันตรธานกลาย..............ทุรนทุราย
ทรมานจวบวายวารเอย ฯ


๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ดั่งอ้อมอกแม่ : กลอนจรรโลงใจ



ดั่งอ้อมอกแม่ : กลอนจรรโลงใจ

    รัตติกาล สัญจร สาทรหล้า.............ศศิมา วิภาใส ระบายศรี(สาทร=เอื้อเฟื้อ)
ไพรสถล อนธการ พลันโสภี...............พร้อมดนตรี พิเราะ เพราะเรไร(อนธการ=ความมืดมน)

    แม่อุ้มลูก วัยเยาว์ เข้านิทรา............เจ้ามิ่งขวัญ มารดา มาหลับใหล
ท่องโลกฝัน สนานสนุก สุขหัวใจ..........กล่อมลูกไป สายตา นภามอง

    เมฆทะมึน ครืนคราม กำลังเคลื่อน....บดบังเดือน เบือนดาว ราวผยอง
อสุนีบาต ฟาดผ่า ฟ้าคะนอง................ดังกึกก้อง ต้องตระหนก ตื่นตกใจ

    เด็กสะดุ้ง พุ่งผวา ร้องหาแม่.............ที่รีบปลอบ โยนดูแล พูดแก้ไข
อ้อมอกอัน อบอุ่น ละมุนละไม...............ถนอมหทัย ลูกน้อย ค่อยคลายกลัว

    แม่ชวนพ้อง ร้องเพลง ครื้นเครงขับ.....เจ้าร้องรับ เริงร่า พากันหัว
ฝนกระหน่ำ หนักใย ไม่รู้ตัว.....................จนทูนหัว งัวเงีย เพลียหลับไป

    ให้คำนึง ถึงชีวา ปัญหาชิด...............ปัจจามิตร วิกฤตการณ์ รุกรานไหล
กลัดกลุ้มอก สะทกสะท้าน หวาดหวั่นใจ...มิแก้ไข ปัญหา นานามี

    สู้แข็งจิต คิดให้ หัวใจสงบ................จะสยบ สรรพทุกข์ เป็นสุขี
สู้มั่นคง ธำรงใจ ไม่โศกี........................จะบรรเทา เบาธุลี ที่บังตา

    อย่าโศกเศร้า เมามาย ดวงใจเอ๋ย.......คร่ำครวญไห้ ไม่เคย แก้ปัญหา
จงยิ้มแย้ม แจ่มใส ใจเริงร่า....................จึงเกิดมี สติปัญญา มาเกื้อกูล

    อย่ายึดมั่น ถือมั่น ติดฝันใฝ่................จนความสุข เสื่อมไร้ กลายเป็นศูนย์
เท่าที่มี เท่าที่ได้ ไม่อาดูร......................สุขเพิ่มพลัน สันติ์พูน ไพบูลย์เอย ฯ


๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เคารพธงชาติ : โคลงสี่สุภาพ



เคารพธงชาติ : โคลงสี่สุภาพ

. เพลงชาติดังกึกก้อง..............เกรียงไกร
ตำรวจเป่านกหวีดไตร...............ค่ำ-เช้า
บังคับเหล่าคนไทย..................เคารพ
ธงชาติ=รักชาติเค้า..................ปองเฝ้าปลูกฝัง ฯ

. รถวิ่งอยู่ยังต้อง....................หยุดรถ
คนที่มาตลาดสด.....................ขาย-ซื้อ
ยืนตรงทั่วกันหมด....................สงบนิ่ง
ใครขืนทำฝืนดื้อ......................จักต้องลงทัณฑ์ ฯ

. รักชาติใยกาจกล้า.................โกงกิน ?
รักกษัตริย์ประกาศจินต์..............หมิ่นเจ้า ?
รักศาสน์เสาะทรัพย์สิน...............แลกเปลี่ยน บุญฤา ?
รักแต่ปากปราศเข้า...................ถ่องแท้สัจจ์สถาน ฯ

. ความตลบตะแลงเฝ้า.............ปลูกฝัง
ปากอย่างใจอย่างดัง.................ชาติเชื้อ
ทุจริตคิดคดหวัง.......................แต่ตน สุขมี
กลับกลอกยอกย้อนเอื้อ.............อยู่ยั้งชีวัน ฯ

. เคารพธงชาติต้อง.................ซื่อสัตย์
รักชาติ-ศาสน์-กษัตริย์...............ทั่วแท้
กฎหมาย-ระเบียบปฏิบัติ.............มิย่อ หย่อนเฮย
ทำหน้าที่มิแพ้..........................เหนื่อยคล้ำลำเค็ญ ฯ

. รักชาติคอยปกป้อง................กันภัย
พัฒนาสู่ทันสมัย.......................รุดหน้า
มิเห็นแก่ตัวไกล........................เกินชาติ
ทุ่มเทเสียสละกล้า....................กอบกู้วิกฤติการณ์ ฯ

. อย่าทำตัวต่ำช้า....................สาไถย
อย่าทุจริตคิดไกร.....................ชั่วกล้ำ
อย่าทำไม่สนใจ.......................ต่อชาติ ปัญหา
อย่าก่อเหตุเภทพล้ำ..................ทำร้ายสังคม ฯ


๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วิบัติการของการศึกษาไทย

รอยเท้า..รอยแผล : กลอนเปล่า



รอยเท้า..รอยแผล : กลอนเปล่า

  ในการดำเนินชีวี
เราทำให้เกิดมี
รอยเท้า
และ รอยแผล

  รอยเท้า ทำให้เราได้ย้อนเห็น
สิ่งที่เคยมี-เป็น-ทำ-เว้น ฯลฯ มา
รอยแผล คือความผิดพลาดบาดชีวา
ทำให้ติดตราอุราตรึง

  ทุกครั้งที่หวนไปดูรอยเท้า
อันค่อยเลือนรางบางเบาไปตามกาล
จิตใจล่องลอยพลอยฟุ้งซ่าน
ปานได้ท่องเที่ยวไปในห้วงแห่งภวังค์

    เพลิดเพลินกับภาพที่เห็น
ชัดเจนกับเสียงที่ดังกังวาน
รู้สึกถึงสัมผัสทัศนสถาน
ทุกสิ่งประสบนั้นเหมือนจริง อย่างที่เคยเป็นมา

  เมื่อหวนกลับไปเห็น
รอยแผลเป็นที่ยังฝังรั้งอุรา
ความเจ็บปวดยิ่งยวดเกิดต่อหน้า
เสมือนว่าพยาธิยังมิเลือนหาย

  รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง
กับความเจ็บปวดลึกซึ้งที่ตรึงใจ
แม้เหตุการณ์จะผ่านไปนานเพียงใด
แต่คงยังรู้สึกเหมือนใหม่ เหมือนเพิ่งเกิดไม่กี่วินาที

  เอารอยเท้าเป็น..ครู
เอารอยแผลดูเป็น..บทเรียน
แบบฝึกหัดชีวัน หมั่นอ่าน-เขียน
พากเพียรให้เก่ง พัฒนาให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ

  สิ่งดีๆที่เคยทำจงคล่อง
สิ่งที่เคยผิดพลาดบกพร่อง
ต้องระวังระไว ในใจเสมอ
ดำเนินชีวีมิควรเผลอเลอ
แล้วเธอจะเป็นสุข สนุกไปกับมัน ฯ


๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ชีวีมีใจนำ : กลอนแปด



ชีวีมีใจนำ : กลอนแปด

    ผิดเวลา ฟ้าฝน ฉงนใฝ่...................(ฤดู)หนาวล่วงล้ำ ทำไม มิไร้ฝน ?
พายุกราก มากกว่า วัสสะยล................หนาว-ร้อนวน ฝนเปลี่ยน เวียนไปมา(วัสสะ=ฤดูฝน)

    ข้าวต้องเกี่ยว กลางฝน ผลเสียหาย...ชาวนาทน ทุรนทุราย ให้ปัญหา
ข้าวเปียกฝน โดนคัด ตัดราคา..............จำก้มหน้า รับกรรม กลืนลำเค็ญ

    ธรรมชาติ ปัจจัย ไม่ต่างกฎ..............ไร้คนนำ กำหนด บทบาทเน้น
ต่างก็แต่ วิถี ชีวันเป็น.........................เปลี่ยนแปรเช่น เฟ้นได้ ด้วยใจเรา

    คนเดียวกัน ขันแก้ แค่ความคิด.........เปลี่ยนชีวิต ผิดผัน สามานย์/เสาว์(เสาว-=ดี,งาม)
ความคิดนำ กรรมา วาจาเกลา...............เกิดดี/ชั่ว/มัวเมา/เพราพิไล

    การกระทำ กำหนด บทชีวา..............สร้างมรรคา อนาคต มืด/สดใส
อยากจะฝัน สรรหา ทำอะไร..................จงคิดใคร่ ให้รอบคอบ กรอบคลองธรรม

    แต่เบื้องหลัง ความคิด คือจิตใจ.........อยู่ภายใน สำนึก แสนลึกล้ำ
ประหนึ่งราก พฤกษา จินดางำ................งอกเป็นต้น สูง/ต่ำ เงื่อนสัมพันธ์

    จิตใจทราม ต่ำช้า หยาบสาไถย..........เป็นปัจจัย ใคร่ทั่ว ชั่วกระสัน
ทุจริต มิจฉา อาชญาชัน.......................ก่อบาปกรรม์ ทัณฑ์โทษ กำสรดกอง

    จิตดีงาม ธรรมคุณ จรูญฤทธิ์...............เกิดความคิด จิตรา สุทธาสนอง
สุจริต กิจกรรม์ สอดครรลอง...................อย่างถูกต้อง ถ่องแท้ แลเกรียงไกร

    ชีวิตจึง พึ่งใจ ชักใยอยู่......................นำไปสู่ เส้นทาง ดั่งเสือกไส
อย่าละเลย ศีลธรรม ประจำใจ..................ที่พาให้ สุขศรี นิรันดร ฯ


๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แค่รัก..ยังไม่พอ : กลอนเจ็ด



 แค่รัก..ยังไม่พอ : กลอนเจ็ด

    แค่มี ความรัก ยังไม่พอ...............ชีวี ต้องต่อ สู้แข่งขัน
(ความ)สามารถ ศาสตร์มี เลี้ยงชีวัน.....รักษ์พงศ์ เผ่าพันธุ์ กันเภทภัย

    แค่คำ บอกรัก อย่าปักจิต.............ความคิด ของคน ล้นสาไถย
เรรวน ปรวนแปร แลเปลี่ยนไป...........อย่างไม่ จีรัง ไร้ยั่งยืน

    (ยาม)รักใคร่ ไมตรี มีไม่ขาด.........(ยาม)รักคลาย ไร้คลาด อนาถขืน
(ยาม)รักพาน หวานพร่ำ ทุกค่ำคืน......(ยาม)รักล่ม ขมขื่น ทุกคืนวัน

    เลี้ยงดู ตัวเอง รอดหรือไม่ ?..........ก่อนคิด รักใคร่ ให้กวดขัน
ศีลธรรม-น้ำใจ-พร้อมให้ปัน...............เป็นสิ่ง สำคัญ จรรโลงรัก

    มั่นคง เข้มแข็ง แกร่งปานใด ?........หัวใจ ไม่ท้อ ต่ออุปสรรค ?
ธรรมชาติ ขัดสน ข้นแค้นนัก...............ความรัก มักแพ้ แก่(ความ)ยากจน

    ไม่ช่ำ ทำมา หาเลี้ยงชีพ................ปากกัด ตีนถีบ บีบคั้นท้น
สัญชาต (ตะ)ญาณ มานของคน...........มองหน ทางใหม่ ทันใดมี

    ความรัก (เห็น)มากไซร้ ไม่ศักดิ์สิทธิ์...เพราะจิต ใจสน ฉลบัดสี
ทุจริต คิดโกง คงฤดี...........................โลกีย์ วิสัย ในปุถุชน

   จงรู้ ลึกใน ใจคนก่อน.....................รีบร้อน ใจรัก จักขัดสน
ศีลธรรม จำรูญ จุนเจือดล....................ความรัก หลากล้น วิมลเอย ฯ


๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เลือกคู่ : กาพย์ยานี ๑๑



เลือกคู่ : กาพย์ยานี ๑๑

    เลือกคู่ ดูที่ไหน ?................ดูที่วัย ให้เป็นปฐม
วัยเรียน เพียรระดม...................สรรพสิ่งสม เพื่อพัฒนา

    เลือกคู่ ดูนิสัย......................อย่าหลงใหล รูป-ใบหน้า
หล่อ-งาม จำเริญตา..................ไร้คุณค่า ถ้า(นิสัย)ต่ำทราม

    เลือกคู่ ดูวิริยะ......................สุจริต มิคิดขาม
การงาน ไม่ครั่นคร้าม.................สู้ตรากตรำ สำคัญตรอง

    อย่าโลภ ละโมบมาก..............หลงของฝาก หลาก(หลุยส์)ติงต๊อง
รถหรู-บ้าน-เงิน-ทอง..................พาเที่ยวท่อง ตามต้องใจ

    ดูกาย ไม่อ่อนแอ...................จิตใจแล แปรปรวนไร้
เจ้าชู้ สู่หลายใจ.........................อย่าฝักใฝ่ ภัยเภทพี

    อย่าแล แม้ฐานะ....................ร่ำรวยระ ดับเศรษฐี
หากใจ ไม่ภักดี..........................เหมือนมารผี หนีให้พ้น

    คนโง่ ปัญญาเขลา..................(คน)เอาแต่ใจ ไร้เหตุผล
(คน)คิดแต่ เห็นแก่ตน..................พาทุกข์ทน รนร้อนใจ

    ดี-ชั่ว คือตัวเรา.......................ต้องไม่เขลา เมาวิสัย-
ทัศน์เจน เห็นกว้างไกล.................ในสัจจา มนุษย์มน

    เลือกคน ที่รักเรา.....................ไม่รักเหล่า ทรัพย์-รูป ฯลฯล้น
ทรัพย์สูญ รูปทุรพล......................หนีไม่พ้น ก่นเลิกรา ฯ


๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ศัลยกรรม : กลอนคติสอนใจ



ศัลยกรรม : กลอนคติสอนใจ
(ฉันทลักษณ์ที่ผมคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง)

    รำพัน ศัลยกรรม.............ทำเอา คนนั่ง ไม่ติด
กระสัน ครั่นคิด...................รูปลักษณ์ พักตร์ผิด แก้ไข
เห็นคน ขี้เหร่.....................ศัลยกรรม แล้วเท่ ทันใด
มั่นอก มั่นใจ......................ในความ สวยใหม่ วิมล

    เป็นเรื่อง ธรรมดา............ประสา คนปัญ ญาสั้น
คิดใกล้ ใคร่กัน...................แค่โล กียธรรม์ กรรม์ผล
ไม่พิ จารณา......................พฤติกรรม์ จรรยา กมล
ดวงจิต ติดจล.....................เอ่อล้น มลทิน จินดา

    กระแส เกาหลี................อยากมี รูปสวย รวยเสน่ห์
เงินจ่าย ถ่ายเท...................แลก รูป โก้เก๋ เร่หา
ลบเลือน ปมด้อย................. ลบรอย บาดแผล แก่ชรา
เชิดหน้า ชูตา......................ว่าข้าฯ งามค้ำ ล้ำแดน

    จากนาง ปีศาจ................ผงาด ปราดเปรียบ นางฟ้า
จากลักษณ์ อสุรา.................เป็นเท พาบุตร สุดแสน
จากคน เดียวดาย.................กลับกลาย เป็นล้น ท้นแฟน
จากเคย ขาดแคลน...............ไม่แร้น คนรัก มักเวียน

    แต่จิต ใจคน....................จำนน ; ศัลยกรรม ไม่ได้
ความคิด นิสัย......................อยู่ภาย ในใจ ไป่เพี้ยน
เคยทราม อย่างไร.................คงทราม ตามไป ไม่เปลี่ยน
ฉ้อฉล จลเจียร.....................คงเชียร ฉลฉ้อ ต่อไป(เจียร=ช้านาน)

    มีแต่ ศีลธรรม...................เป็นสิ่ง ศัลยกรรม กมล
แก้ไข ใจคน.........................หลุดพ้น มารยา สาไถย
เปลี่ยนคน ชั่วช้า....................มาเป็น คนดี พิไล
ลบหยาบ บาปไส...................จิตใจ งดงาม ล้ำเอย ฯ


๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ไม่เอาถ่าน ปัญหาชาติ : กลอนคติเตือนใจ



ไม่เอาถ่าน ปัญหาชาติ : กลอนคติเตือนใจ

    ไม่เอาการ เอางาน ปัญหาใหญ่..............ประชาชน-ประเทศไทย สมัยนี้
มุ่งแต่รัก มักสบาย ตามใจมี.......................ในฤดี ขี้เกียจ เดียดการงาน

    ตั้งแต่เด็ก เล็กเขลา เอาแต่เล่น..............มองไม่เห็น อนาคต หมดหลักฐาน
เหมือนเทวดา ว่าไป ก็ไม่ปาน....................ไม่เอาถ่าน  มานเพลิน เมินพัฒนา

    อันธพาล เกเร เสเพลพล่าน...................ใจแตกซ่าน กระสัน แต่ตัณหา
ไม่ซื่อตรง ต่อหน้าที่ จริยา.........................เสพเหล้ายา บ้าพนัน เที่ยวบันเทิง

    เรียนก็ไร้ ไม่รู้ สู่อาชีพ...........................ใจเร่งรีบ เมียผัว มั่วหลงเหลิง
รักสนุก ทุกข์สนอง ต้องกระเซิง...................เตลิดเปิดเปิง เบิ่งระเหี่ย เสียผู้คน

    เป็นผู้ใหญ่ ใจคุด ทุจริต.........................คอยครุ่นคิด คดโกง จงใจฉล
ไม่ยุ่งยาก หากมี ไม่กี่คน............................แต่นี่ท้น ล้นประเทศ คือเภทไทย(เภท=ทำลาย)

    ผลงานต่ำ ร่ำไร รายได้สูง.......................อ้างแรงจูง ใจน้อย พลอยแรงไร้
(พอ)รายได้สูง มุ่งทำ ตามแต่ใจ...................รักสบาย ไม่เอาถ่าน สันดานเดิม

    สังคมทราม คามเสื่อม เอือมสังเวช...........ทั่วประเทศ เลศล้น คนทรามเหิม
ใครมือยาว สาวได้ ก้าวไกรเกริม...................หนุนเนื่องเสริม เติมซ้ำ ต่ำแผ่นดิน

    อย่ามองข้าม ความสาไถย ไม่เอาถ่าน........สอนลูกหลาน สัมมา จรรยาถวิล
เป็นคนดี รักดี ตราบชีวิน..............................ก่อนเผ่าไทย ไร้สิ้น แผ่นดินเทอญ ฯ


๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖