ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ดอกไม้ชีวิต : กลอนคติสอนใจ



ดอกไม้ชีวิต : กลอนคติสอนใจ

    ชีวิต พิศวัย พาให้นึก................รู้สึก ลึกซึ้ง ถึงแผกผัน
ของห้วง วิถี แห่งชีวัน...................ประดุจ พฤกษ์สัณฑ์ พรรณนา

    วัยเยาว์ ราวดอก บุปผาตูม.........อวบอูม สังขาร เสาะหรรษา
เริ่มต้น ฝึกหัด พัฒนา....................ยังไร้ ปัญญา และค่าคุณ

    วัยรุ่น ดุจดอก ไม้แรกแย้ม..........แต่งแต้ม โลกา โสภาสุนทร์
ยังอ่อน ต่อโลกย์ อกละมุน.............ดรุณ สุนทรีย์ สิริชน

    วัยหนุ่ม วัยสาว ราวดอกบาน.......สำราญ แสวง พลิกแพลงผล
ประสบ การณ์สอน ยอกย้อนยล........เห็นเหตุ เห็นสนธิ์ กลสัจจา

    วัยของ ผู้ใหญ่ ไม่สะสวย............เปรียบด้วย ดอกไม้ กลายผลา
ก่อคุณ มากมาย ในกรรมา................ตระหนัก มรรคา แห่งความจริง

    เหี่ยวแห้ง ผลไม้  ใกล้หลุดร่วง......ดุจช่วง ชรา สรรพาสิ่ง
ไม่สวย ใสสด ไม่โลดลิง....................ยามนิ่ง ยิ่งดู หดหู่ใจ

    ผลไม้ เมื่อหลุด คือจุติ................เข้าสู่ วิถี ชีวิตใหม่
แตกกิ่ง สาขา เติบกล้าไกร...............ออกดอก ผลไป ตามวัยวัฏฏ์

    วัยเยาว์ เขลาโง่ ด้วยโมหะ...........หากพละ มากท้น ซนถนัด
เรียนรู้ ดูง่าย ดายพิพัฒน์..................เร่งฝึก เร่งรัด ศรัทธาเรียน
   
    วัยรุ่น มองโลก แสนสดสวย..........แต่ด้วย อ่อนหัด มักพลาดเพี้ยน
อย่าผลี อย่าผลาม บุ่มบ่ามเบียน........สร้างฝัน สรรค์เขียน สู่เธียรคน

    วัยหนุ่ม วัยสาว เอาใจใส่..............ระเบียบ วินัย และกุศล
หลากสิ่ง ล่อใจ ให้อดทน..................อย่ารน หาที่ มีโทษทัณฑ์

    ความสวย ความใส ที่หายไป.........ชีวิต ผู้ใหญ่ ไม่อัดอั้น
ความรู้ เข้าใจ ในชีวัน.......................คือคุณ อนันต์ สรรค์สุขวัย

    ในวัย ชรา จงละลด......................อุปาทาน ให้หมด จักสดใส
ความดี ที่ทำ จำเริญใจ......................จนใกล้ วันจบ สงบเอย ฯ

๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๖

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

โลกใกล้กาลวิบัติ : สุรางคนางค์ฉันท์ ๒๘



โลกใกล้กาลวิบัติ : สุรางคนางค์ฉันท์ ๒๘

............................เพราะเสียง สกุณ
ณ ครา อรุณ............ละมุน ฤดี
นิทรา ภวังค์.............ก็พัง ผละหนี
มิสม ประดี...............สติ ก็คืน

.............................ประจักษ์ รุจี
สะแสง สุรีย์..............วิภา ระรื่น
สุทรรศ (ศะ)ไนย........ไศล ชระดื่น(ไศล=เขาหิน,ชระดื่น=ดื่น)
พนา คระครื้น............วสันต์ ฤดู

..............................ณ ปัจ จุบัน
พิภพ ประจัญ.............สภา วะสู่
อุทก กระฉ่อน............และร้อน ก็กรู
พิบัติ (ติ)พรู...............พินาศ (ศะ)ภัย

...............................มนุษย์ (ษะ)เหตุ
ระบบ นิเวศน์...............กระหน่ำ วิลัย(วิลัย=ย่อยยับ)
บ่มัธ (ธะ)ยัส...............ประหยัด ระไว(ระไว=คอยระวัง)
จะพบ พิไร..................เทวษ ทวี ฯ(พิไร=ร่ำร้อง,เทวษ=ความลำบาก)

๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๖

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ความดี คือ ดาวสกาวใจ : กลอนจรรโลงใจ



ความดี คือ ดาวสกาวใจ : กลอนจรรโลงใจ

    ไม่รู้ เป็นเพราะ เมฆฝน............หรือยาม สุริยน สนธยา
แสงลับ สูญกับ ฟากฟ้า................พนา มามืด หม่นมัว

    ลมปัด พัดเป่า ผ่าวร้อน.............พาก้อน เมฆกรี ฑาทั่ว
หยาดฝน หล่นริน ดินรัว................ชุ่มฉ่ำ น้ำนัว ไหลนอง

    ราตรี ที่ไร้ ดารกา....................มืดกว่า ราตรี มีผอง
เสียงฝน หล่นนำ ทำนอง...............ซึ้งพ้อง เพลงเพราะ เสนาะไพร

    ชวนจิต คิดส้อง เสพสงบ...........จึงสบ สรรพความ เคลื่อนไหว
วิตก วิจารณ์ ลานใจ......................มาให้ วิเคราะห์ เจาะดู

    ยกเหตุ เภทให้ ใคร่ครวญ...........ทบทวน ธรรมทัศน์ ศาสตร์รู้
พินิจ พิเคราะห์ เพาะสู่....................บรรลุ รู้แจ้ง เห็นจริง

    ต่างจาก คิดตาม ใจตน...............อกุศล ล้นเลศ กิเลสสิง
ตัณหา ระเหหน รนวิ่ง....................หาสิ่ง อิงอยาก หลากราย(ระเหหน=เรร่อน)

    แทนที่ จะพบ สงบทาง...............กลับย่าง บนทาง กระหาย
แทนที่ จะสว่าง กระจ่างพราย...........กลับกลาย มืดมน อนธการ

    ราตรี ที่ว่า มืดมิด.......................ดวงดาว พราวพิศ พิจิตรฉาน
ชีวา ถ้าทุกข์ ทรมาน.......................กุศลจิต พิสดาร ศานติ์ดล

    ความดี คือดาว สกาวใจ..............สุกใส ไกรสุ กุศล
แม้ยาม ตกยาก ลำบากยล................ย่อมพ้น ทุกข์ยาก ลำบากใจ ฯ

๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๖

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

พุทธศาสนิกฉล : กลอนคติเตือนใจ



พุทธศาสนิกฉล : กลอนคติเตือนใจ

    พุทธศา สนิกฉล................สัปดน กมลมาน
สาไถย ไร้แก่นสาร.................สมาทาน ไสยศาสตร์

    ธรรมวินัย ไม่นำพา.............ไตรสิกขา ไม่สามารถ
มิจฉา หมายประมาท...............ปลื้มประหลาด ปรากฏการณ์

    ชื่นชู ผู้วิเศษ......................เมากิเลส ตัณหาร่าน
ทุจริต จิตจราญ.......................สืบสามานย์ พาลกมล

    เพียรพลี พิธีกรรม................ศรัทธาทำ ส่ำอกุศล
ปฏิเวธ ด้วยเพทมนตร์...............สาระวน สนกามา

    นิพพาน แก่นสารพุทธ...........บริสุทธิ์ บ่ปรารถนา
มุนิพพาน ภาพมารยา.................จินตนา การฝันใฝ่

    ความดี มิรักษา.....................ความชั่วช้า มิประสัยห์
ผ่องผุด สุทธ์จิตใจ.....................ไม่ประกอบ ชอบจรรยา

    จริตฉล จึงโดนหลอก.............ถูกปอกลอก กรอกมุสา
เสียทรัพย์ สูญเงินตรา.................เสียเวลา หาบุญปลอมๆ

    เป็นเหยื่อ 18 มงกุฎ................ชักจูงฉุด ทุจริตกล่อม
โง่งม จึงสมยอม.........................จ่อม อาจม โสมมเอย ฯ

๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ 

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หยาดฝนหล่นริน : กาพย์ยานี ๑๑



หยาดฝนหล่นริน : กาพย์ยานี ๑๑

    มืดยล เมื่อสนธยา...............สกุณา ละส้องเสียง
ดงไพร ได้ยินเพียง..................หริ่งหรีดพร่ำ รำพันเพลง

    ลมโชย ระโรยชื่น.................พฤกษาครื้น โยกครืนเครง
ฟ้าวน อลเวง...........................เมฆทะมึน ทะยานหมาย

    โปรยปรน สายฝนปรก...........ประหนึ่งยก พหลย้าย
สาดซัด ขจัดขจาย....................พลานุภาพ เพิ่มสำแดง

    ค่อยซา คละสาดซ้ำ...............เริงระบำ เล่นคำแหง
พงไพร พิไรแล้ง........................คืนกลับแกร่ง ฟื้นแรงมี

    กุศล รินหล่นใส.....................ณ หทัย ให้สุขศรี
สุธา ทิพวารี..............................เสมือนมี พิมานมน

    จิตนุ่ม ชุ่มชื่นนวล...................น่ารัญจวน ชวนฉงน
บางเบา เสาวคนธ์.......................ศุภภาคย์ บ่จากจร(ภาคย์=โชคดี)

    เปรมปริ่ม อิ่มเอมปาน...............วัสสะศานติ์ สนานสร(วัสสะ=ฝนตก)
เย็นชื่น รื่นเริงชร..........................ชโลงจิต นิตยา(ชร=น้ำ,ชโลง=จรรโลง)

    แจ่มใส ใจสว่าง.......................มิแรมร้าง จางเจิดจ้า
อุจเฉท เวทนา.............................เว้นอาทร ร้อนรนเทอญฯ(อุจเฉท=สูญ)

๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๖

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ความรัก ไม่เคยทำผิด : โคลงสี่สุภาพ



ความรัก ไม่เคยทำผิด : โคลงสี่สุภาพ

. ถูกหลอกชอกช้ำไห้................พ่าย " รัก "
เสียการเพราะราน " รัก ".............หลุดร้าง
หมกมุ่นวุ่นวาย " รัก "..................ขวักไขว่
" รัก " เขาอยู่เพียงข้าง-..............เดียวร้าว รวด ฤดี ฯ

. ยินคำคนก่นร้าย......................โทษ " รัก "
เฉกอาชญากรนัก........................ชั่วช้า
ก็ใครเล่าชวนชัก.........................." รัก " ไขว่
มีแต่ตน กมล ว้า.........................วุ่นได้หมายดี ฯ

. " ความรัก " มิเคยพล้ำ.............ทำผิด
คนอย่าเอาแค่คิด.........................ใส่ร้าย
อยาก " รัก " ตักเตือนจิต..............ตนก่อน
" รัก " ไป่ราบรื่นคล้าย..................คลึงเพ้อรำพัน ฯ

. มีเงินฤาอาจซื้อ........................" รัก " สัตย์
กายแค่ก่อกำหนัด........................กลัดเร้า
มารยาจริตจะก้านจัด......................ลวงหลอก
แก่นแท้ " ความรัก " เท้า..............เกี่ยวแท้แด ฤทัย ฯ(เท้า=อ้างถึง)

. จงจำนงรักผู้..............................รักสนอง
สัตย์ซื่อถือธรรมปอง........................ถ่องรู้
ประพฤติคล่องครรลอง.....................จารีต ประเพณี
อย่าริลอบเล่นชู้...............................สู่ยื้อแย่งใคร ฯ

. รักษาใจของผู้.............................รักเรา
รักอย่ามุ่นมัวเมา.............................เขลาไซร้
เตือนตนอย่าฉลเอา..........................แต่จิต
หากทุจริตผิดไคล้............................จักให้ทลาย หน ฯ

๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๖

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

นิยายข้าว -ชาวนา-ควาย : กาพย์ฉบัง ๑๖



นิยายข้าว -ชาวนา-ควาย : กาพย์ฉบัง ๑๖

    เสียงฝนพรำคือคำขาน................แห่งวัสสะวาร(วัสสะ=ฤดูฝน)
เปรียบปานดนตรีที่อ่อนทุ้ม

    ล่วงสู่ฤดูมรสุม..............คันนาชอุ่ม
ปกคลุมด้วยหญ้าขจี

    ท้องนาน้ำขังยังมิมี.............ชาวนาวันนี้
ใช้วิธีหว่านคร้านปักดำ

    จ้างรถไถแทนควายทำ...............ไถนาตระตรำ
ล้ำสมัยไม่เหมือนอดีต

    ลงแขกแรกนาจารีต...............ทำนาประณีต
มิดหายไปจากชนบท

    หลากสารเคมีฉีดรด...............ทุกหยาดทุกหยด
ปรากฏเป็นข้าวเรากิน

    ตกค้างอยู่กลางธรณิน................ชีพลับดับสิ้น
อินทรีย์สารพลันเสื่อมสูญ

    รวงยังไม่สุกสมบูรณ์...............รอช้าอาดูร
รถเกี่ยวข้าวเหมาเกี่ยวไป

    ข้าวชื้น-อ่อนป้อนถุงใส่...............เร็วสรรพฉับไว
รีบขนไปขายโรงสี

    รวงข้าวสีทองของกวี...............ท่ามกลางสางสุรีย์
บัดนี้มีแต่ในนิยาย

    ชาวนาชอบความสุขสบาย................หาเงินจับจ่าย
หาได้เห็นใจคนกิน

    " คุณข้าวชาวนา " ครายิน..............." ควายทุย-โคลนดิน "
ถูกฝนรินชะละลายเลือน ฯ

๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๖

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ฟ้าหลังฝน : กลอนจรรโลงใจ



ฟ้าหลังฝน : กลอนจรรโลงใจ

    ฝนปรายโปรย โรยหลั่ง ตั้งแต่เช้า.........เมฆาเทา เคล้านภา สุระสูญ
รุ่งล่วงสาย พรายฝน ยิ่งพ้นพูน.................เหมือนอากูล ร้อนกล้า ร่วมอาทิตย์(อากูล=คั่งค้าง)

    เมื่อชีวี มิเป็น เช่นปรารถนา.................อย่าแส่หา สุรา ยาเสพย์ติด
ยิ่งซ้ำเติม เสริมกลี ให้ชีวิต......................หลงทางผิด ทางพลาด ก่ออาชญา

    เมื่อชีวี มิได้ ดั่งใจประสงค์..................การธำรง คงมั่น ต่อตัณหา
ไม่ยอมรับ ข้อจำกัด ของอัตตา.................ปฏิเสธ สัจจา ได้อะไร ?

    เมื่อชีวิต ผิดหวัง ไม่ดั่งคิด...................การทุกข์ล้น ท้นจิต มิดหมองไหม้
เพิ่มเคราะห์ซ้ำ กรรมเข็ญ เป็นพิษภัย.........กายเจ็บไข้ ใจเจ็บช้ำ น้ำตาริน

    เมื่อมองไป ไม่เห็น อนาคต..................การประชด ลดตัว ชั่วถวิล
เลือกวิถี บีฑา ก่อราคิน...........................ยิ่งทำร้าย ชีวิน อจินไตย

    เมื่อโลกนี้ มิเป็น เช่นที่ปอง..................การคับข้อง โกรธกล้า หาแก้ไข
อันธพาล รานระ เพื่ออะไร ?.....................มิเคยให้ พิไลผล ดลชีวี

    เมื่อมืดอับ สับสน อลหม่าน..................แส่เดือดดาล ซ่านทุกข์ สิ้นสุขี
สิ่งที่หา มาได้ ไม่ยินดี............................ส่วนสิ่งที่ เสียไป ให้ร้อนรน

    จงเยื้องย่าง ทางธรรม งามสง่า.............นำชีวา จรัสแสง แจ้งกุศล
ละบาปกรรม ทำดี นิรมล.........................เดินอยู่บน ความถูก ต้องถูกทาง

    แสวงหา วิชชา จริยฉัตร......................ศีลวัตร ศรัทธา สุกสว่าง
จักประสบ สงบฤดี มิเลือนราง..................ดุจฟ้ากว้าง หลังฝน ไร้มลทิน ฯ

๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๖

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ทันสมัย หรือใจมัวเมา : กาพย์ยานี ๑๑



ทันสมัย หรือใจมัวเมา : กาพย์ยานี ๑๑
(แต่งตอนฝนทิ้งช่วง ท้องฟ้าแทบไม่มีเมฆ แสงแดดแผดจ้า อากาศร้อนจัด)

    โอย..โอย..จะบ้าตาย.................ร้อนฉิบหาย ใจจะขาด
เกิดอะไร กับอากาศ ?.....................ร้อนประหลาด ขนาดนี้

    ฟ้าใส ไร้เมฆา...........................ลมพัดมา หาไม่มี
ยามสอง ของราตรี..........................ไร้แวววี่ ทีท่าเย็น

    ร้อนหลาย นอนไม่หลับ................ลุกมานับ จับดาวเล่น
เรไร ร้องไม่เว้น..............................เป็นเพื่อนอยู่ มุทิตา

    ดึกแล้ว ดังแกล้วไกร...................มอเตอร์ไซค์ วัยรุ่นซ่า
แผดเสียง เพียงโฆษณา...................รถข้าฯแต่ง แรงเหลือเฟือ

    เงินขอ พ่อแม่มา.........................ให้ศึกษา หาได้เชื่อ
พ่อแม่ แลอาบเหงื่อ.........................เพื่อล่าเงิน ลูกเพลินใช้

    แต่แล้ว ลูกแก้วตา.......................จากบ้านนา บ่ใส่ใจ
เที่ยวเล่น เป็นเรื่องใหญ่.....................หาขวนขวาย ในวิทยา

    เรียนไป ไร้ความรู้.........................แค่เป็นผู้ เคยศึกษา
ปองใบ ปริญญา................................เพื่อหางาน ไม่มั่นคง

    งานทำ ที่ต่ำต้อย...........................รายได้น้อย คล้อยลุ่มหลง
อบายมุข ผูกจิตจง..............................ประสงค์สรรพ กามคุณ

    ก่อร่าง สร้างสมหนี้..........................ที่เกินตัว จนหัวหมุน
เป็นทาส ตลาดทุน-.............................นิยมให้ จับจ่ายซื้อ

    ชีวิต ไร้อิสระ..................................ความสมถะ น่าชังหรือ ?
วิถี ที่เลือกคือ.....................................ซื้อสินค้า กล้าเกินตัว

    เป็นสุข หรือทุกข์สม ?.......................อภิรมย์ / ระทมทั่ว ?
ทันสมัย / ใจเมามัว ?.............................บริโภค โรคนิยม ?

๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๖ 

วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อย่าหาเหตุผล จากคนโง่ : กลอนเจ็ด



อย่าหาเหตุผล จากคนโง่ : กลอนเจ็ด

    ล่วงเดือน พฤษภาฯ ย่างหน้าฝน...........ณ ชน บทสถาน เริ่มหว่านไถ
ประเพณี พิรุณ บุญบั้งไฟ.........................วอนให้ สายฝน ล้นหลั่งริน

    ตาลปัตร ตัดไม้ ทำลายป่า...................เผาไร่ เผานา ชีวาสิ้น
ร่วมก๊ง วงเหล้า เมายากิน.........................สร้างหนี้ เป็นสิน ชินทุกวัน

    ปัญหา ทั้งหลาย พึ่งไสยศาสตร์.............ปัดกวาด เคราะห์เข็ญ เป็นสุขสันติ์
เหตุการณ์ ประหลาด อัศจรรย์....................ใกล้วัน หวยออก กรอกเลขเบอร์

    นับถือ คนมี ทรัพย์ยศศักดิ์......................รักใคร่ คนให้ กิน-ใช้ เสมอ
ชื่นชม คนรวย อวยปรนเปรอ.......................ถึงเธอ จะชั่ว ช่างหัวประไร

    ถูกเขา หลอกใช้ ไม่ล่วงรู้.......................ไม่สู้ ศึกษา วิชาใช้
เสื่อมถอย คอยทำ ตามแต่ใจ.......................บ่ค้น สนใจ ใดถูก/ผิด

    อย่าหา เหตุผล จากคนโง่.......................ที่โต แต่ตัว ไร้หัวคิด
ตระหนัก ตรรกะ วิปริต.................................มืดมิด พิทยา มนาเมา

    สมอง ไม่ดี มิเท่าไหร่..............................ไม่รู้ ตัวไซร้ ปัญญาเขลา
กิเลส ตัณหา พามัวเมา................................ถือเอา มิจฉา สาธุคุณ

    ทรัพย์ใช้ ในทาง ที่ล้างผลาญ...................วันวาร ลาญไส ในทางสถุล
จิตไถย ใจหยาบ เมินบาป-บุญ.......................หมกมุ่น กามา อภิรมย์

    สัมมา ทิฏฐิ มิศึกษา.................................สัมมา ปฏิบัติ ปัดเสาะสม
มีแต่ อวิชชา มุระดม.....................................ชื่นชม บ่มเพาะ เกาะติดใจ

    จึงมี แค่ความ ดำมืดมิด..............................อยู่คู่ ความคิด วินิจฉัย
จึงมี วิบากกรรม ตามติดไป..............................เพราะไร้ เหตุผล พิกลกรอง ฯ

๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖

วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ผักชีโรยหน้า : กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘



ผักชีโรยหน้า : กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘

    ..................................ผักชี โรยหน้า
ทำสัก แต่ว่า......................ชื่อว่า ได้ทำ
ขาดความ ตั้งใจ.................เพื่อให้ ผลล้ำ
ปากเพราะ ป้อพร่ำ..............อำนวย อวยใจ

    ..................................ผักชี โรยหน้า
สะท้อน สัจจา....................มนา สาไถย
ลวงหลอก กลอกกลิ้ง..........ขาดความ จริงใจ
หาเดือด ร้อนไม่..................ตัวใคร ตัวมัน

    ...................................ผักชี โรยหน้า
เป็นความ ต่ำช้า..................จงอย่า หฤหรรษ์
หลงตน ฉลาด....................ฉกาจ ฉกรรจ์
ขี้เกียจ เดียดดัน..................ไม่หวั่น โทษภัย

    ...................................ผักชี โรยหน้า
เป็นบาป หยาบช้า................หน้าที่ เหลวไหล
ศีลสัตย์ ตัดทอน..................จะย้อน ยอกภัย
กฎกรรม ตามไป..................ให้ทุกข์ คืนสนอง

    ....................................ผักชี โรยหน้า
ใช่สัก แค่ว่า.........................สำนวน ชวนมอง
ประมาท มักง่าย....................สุดท้าย คับข้อง
โง่เขลา เศร้าหมอง................ต้องรับ กลับตน

    .....................................ผักชี โรยหน้า
ผู้มี ปัญญา...........................ย่อมละ อกุศล
ตั้งใจ ทำงาน........................หวังคราญ วิมล
สะท้อน ย้อนผล.....................ศุภจล กำจร ฯ

๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๖

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ทางออก ของทางทุกข์ : กาพย์ยานี ๑๑



ทางออก ของทางทุกข์ : กาพย์ยานี ๑๑

    ยามที่ มีทุกขา...................เพราะปัญหา มาประดัง
รักษ์ใจ ใสดุจสังข์...................อย่าเพลี่ยงพลั้ง สร้างโศกี

    แวะไป ไหว้ปฏิมา...............ปล่อยหอย-ปลา พาสุขี
ใส่บาตร สวัสดี.......................เป็นวิธี ยอดนิยม

    ช่วยงาน สาธารณ์สุข...........บรรเทาทุกข์ ที่คลุกถม
ช่วยเขา เราอุดม.....................สมบูรณ์ด้วย อวยอิ่มใจ

    บ้างที่ บวชชีพราหมณ์..........หลีกเร้นความ กำสรวลไซร้
ถือศีล จินดามัย.......................สงบใจ คลายตรมตรอม

    สมาธิ พิจารณา...................ถึงสาเหตุ เทวษห้อม
มองไกล ให้ทั่วพร้อม................น้อมจิตไป แก้ไขปม

    ชำระ ชะกิเลส.....................อันเป็นเหตุ เจตน์ปฐม
ก่อกรรม ทรามวิกรม..................บ่มเพาะผิด จมจิตใจ

    สุจริต วิทยา.........................แสวงหา มาแก้ไข
อย่าดื้อ ถือรั้นใด........................เอาแต่ใจ ไร้ผลคุณ

    สุดแด แก้ไม่ได้.....................ปล่อยวางไป ทำใจสุญ
ตัณหา อย่าคุ กรุ่น......................หยุดหมกมุ่น วุ่นวายมน

    ถือว่า ชะตากรรม....................ก่อนคงทำ ทรามอกุศล
ชดใช้ ให้อดทน..........................ไม่รนร้อน ทอนทุกข์เทอญ ฯ

๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๖

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สันดานสรรค์สร้าง : โคลงสี่สุภาพ



สันดานสรรค์สร้าง : โคลงสี่สุภาพ

. มีใครสอนแมวให้................กินปลา ?
สอนหมู่มวลมัจฉา..................ว่ายน้ำ ?
ใครสอนเหล่าสกุณา................บินโบก ?
สัจจะปรากฎย้ำ.......................ต่างล้วนเป็นเอง ฯ

. คนมีลูกย่อมรู้......................ความจริง
เพียงแค่กายดายอิง.................ดูเลี้ยง
จิตใจอย่าหมายชิง...................ชักเชิด
" เลี้ยงได้แต่กาย " เพี้ยง...........ถ่องถ้อยบุราณ ฯ

. คนใดใจชั่วช้า......................สามานย์
สืบส่อเพราะสันดาน..................ธาตุแท้
คนใดใคร่เป็นพาล....................ก็เปล่า
ใครเล่าดีได้แล้.........................หากแม้ใจมาร ฯ

. สันดานสืบสรรค์สร้าง..............สั่งสม
อดีตชาติก่อนนานนม..................เนื่องน้าว
คนเราจึ่งปรารมภ์.......................แตกต่าง
เพราะจริตจิตใจจ้าว....................พื้นฐานตัวตน ฯ

. เลิกปล่อยตัวชั่วช้า..................ชาชิน
ละถอนจรจากจินต์......................รากล้าง
ทำดีมั่นชีวิน...............................ยืนหยัด
สืบสัตย์สันดานสร้าง.....................ส่งเรื้องรำไพ ฯ

. กุศลกรรมก่อเกื้อ.......................สุคติ
อกุศลธรรมดำริ............................ทุระล้ำ
ทำสิ่งใดใส่สติ..............................ทันเท่า
จงอย่าประมาท ; ย้ำ......................ตายแล้วเกิดรอ ฯ

๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๖

วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

คลื่นหน้ากากขาว : กลอนการเมือง



คลื่นหน้ากากขาว : กลอนการเมือง

    เมื่อเมฆา ฟ้าทะมึน คลุมพื้นพิภพ..........ความสงบ ร่มเย็น เร้นลับหาย
เหล่าขี้ฉ้อ ทรราช อำนาจขจาย.................เข้าทำลาย ขายชาติ อนาถมาน

    หน้ากากขาว ราวคลื่น ที่ตื่นข้น..............ปัญญาชน คนไทย ใคร่ห้าวหาญ
รวมพลัง หยั่งรู้ สู้รัฐบาล...........................ทุนสามานย์ ชาญฉล เล่ห์กลไกร

    เป็นเครื่องหมาย ไทมี ไม่ขี้ข้า................คนแกล้วกล้า ท้าทาน มารสาไถย
เพื่อปกป้อง ประชา อธิปไตย......................มิยอมให้ ไพร่พาล มาราญรน

    เกิดเกลียวคลื่น ผืนใหญ่ พัดไล่กวาด........ทรราช สัตว์ร้าย ไปให้พ้น
กีดกั้นการ โกงกิน แผ่นดินดล......................มิยอมทน จนยาก จากนโยบาย

    ระลอกแล้ว ระลอกเล่า เข้าโถมถา.............มุ่งรักษา เสรีภาพ ตราบชีพสลาย
สู้พรรคสัตว์ รัฐบาล สันดานควาย..................ที่ทำร้าย ทวยประชา ไร้ปราณี

    คลื่นลูกใหม่ จะใหญ่ขึ้น และใหญ่ขึ้น.........แม้เมฆา ฟ้าทะมึน ไม่ถอยหนี
เพิ่มพลัง พังราบ พรรคอัปรีย์........................มันกดขี่ ข่มเหง มิเกรงกลัว

    จนกว่าเรา จะก้าวไป กำชัยชนะ.................จะไม่ละ ฝ่าฟัน รัฐบาลชั่ว
เพื่อไผท ร่มเย็น เร้นหมองมัว.......................ฟ้าสลัว กลับสว่าง พราวพร่างเอย ฯ

๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๖

วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เมืองไทย ในเงื้อมมือมาร : กลอนการเมือง



เมืองไทย ในเงื้อมมือมาร : กลอนการเมือง

    เมื่อโฉดชน ชั่วช้า มาปกครอง..........ทิ้งครรลอง คลองธรรม์ คลั่งตัณหา
ทุจริต คิดหมาย ร้ายมารยา..................ประหนึ่งว่า ประเทศตรอง เป็นของตน

    เก่งโกงกิน สินทรัพย์ นับอนันต์.........สีหน้าปั้น สันติ์ซื่อ ใจถือฉล
นโยบาย บริหาร สามานย์ท้น................ซ่อนเล่ห์กล หนเกื้อ เพื่อตัวเอง

    ประชาธิปไตย ให้เห็น เป็นเพียงเถ้า....มันจ้างเอา เหล่าพาล ราญข่มเหง
ละเมิดหมด กฎหมาย ไร้ยำเกรง.............ทำอวดเบ่ง เก่งกล้า ข้าฯใหญ่โต

    ประชาชน อย่าหมาย สบายสุข...........เมื่อมันรุก โกงกิน ฉินฉาวโฉ่
ให้ทั้งไทย ใช้หนี้ มิเลโล.......................ลูกหลานโต ต้องใช้หนี้ ชี้สำแดง

    คิดหรือว่า เราจะได้ ใจหรรษา ?...........เมื่อสินค้า อาหาร ต่างขันแข่ง
ขึ้นราคา สารพัน น้ำมันแพง.....................พรุ่งนี้แซง แพงกว่า ราคาวาน

    คิดหรือว่า เราจะอยู่ อย่างร่มเย็น ?.........ใครไม่เป็น ขี้ข้า กล้าขัดขาน
มันจะแกล้ง ไม่ให้ ได้สำราญ.....................ใช้อำนาจ สามานย์ บันดาลดล

    คิดหรือว่า หมู่เรา จะก้าวหน้า ?..............มันยกพวก พาลา ชั่วช้าฉล
มาดำรง ตำแหน่ง แต่งพรรคพล..................ผลาญประเทศ อาเพศผล ล้นทุกข์ภัย

    ประชาชน ทนได้ อย่างไรเล่า ?..............คนสั่งเผา บ้านเมือง เปลื้องตนให้
พ้นความผิด ทุจริตชาติ ฉกาจไกร...............ต้องยกเงิน ให้มันใช้ ไว้อวดรวย

    เราจะยอม ต่อไป ให้มันย่าม ?................ได้ทำตาม ใจชอบ ล้อมรอบด้วย
สุขเขษม สำราญ ไพร่พาลอวย....................คอยหนุนช่วย ยกมันเชิด เลอเลิศชน ฯ

๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๖

หมายเหตุ
ขอเตือนท่านที่จะแบ่งปันกลอนการเมืองของผม
สงครามในโลกไซเบอร์ได้ก่อกำเนิดขึ้นแล้ว

1.รัฐบาลได้จัดตั้งกลุ่มคนขึ้นมากำจัดเพจที่ต่อต้านรัฐบาล ทำให้เพจนั้นถูกระงับการใช้งานตลอดไป ผมโดนมากับตัวเอง เสีย Facebook ไป 2 ครัง 2 เพจ
2.รูปประจำตัว หน้ากาก V ดูเหมือนจะถูกระบบของ Facebook บล็อคไว้ ไม่ให้ปรากฏอยู่ช่วงหนึ่ง
3.แม้แต่การเปิดเพจใหม่ก็อาจเปิดไม่ได้ ผมพยายาม 2 ครั้งแล้ว ใช้อีเมล์ใหม่ก็เปิดไม่ได้

ขอให้พิจารณาให้ถี่ถ้วน ก่อนนำไปโพสต์ในเพจที่สุ่มเสี่ยงจะถูกโจมตีจากคนของรัฐบาล

วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556

นี่แหละ คน : กลอนหก



นี่แหละ คน : กลอนหก

    สัตว์กินหญ้า ต้องเป็นเหยื่อ.............สัตว์กินเนื้อ เสือสิงห์ฯลฯร้าย
ชีวีแขวน บนความตาย........................จะกล้ำกราย คราใดกัน

    ทุกวันวี่ ที่ถูกล่า.............................ไล่เข่นฆ่า ชีวาสัญ(ชีวะ+อาสัญ)
ทั้งกลางคืน ทั้งกลางวัน.......................ตระหนก อกสั่น ขวัญกระเจิง

    แต่ยามสุด หยุดการล่า.....................สัตว์กินหญ้า ก็ร่าเหลิง
ลืมที่เพิ่ง วิ่งเปิดเปิง.............................เล็มหญ้าเบิ่ง สบายอุรา

    ไม่วิตก หมกกังวล...........................สักวันตน ต้องโดนฆ่า
ไม่ท้อแท้ แก่อาชญา............................สู้ชีวา ท้าชีวี

    ชวนฉุกคิด ชีวิตคน...........................ไม่ทุกข์ทน จนเท่านี้
สะดวกสบาย มากมายมี.........................สิ่งปรีดิ์เปรม เกษมสำราญ

    กลับเรื่องมาก อยากไม่หมด................มิละคด ลดขวนขาน
โลภมากมี ฤดีต้องการ............................มโหฬาร มหันต์รวย

    ไม่สมใจ ให้โศกี...............................บ้างเลือกมี ชีวีม้วย
ความเป็นคน วนเวียนด้วย........................ความเจ็บป่วย ทางจิตใจ

    ต้องพึ่งพา สารพัดศาสตร์....................ช่วยชีวาตม์ แก้ขัดไข
ต้องทนทุกข์ ทรมานไป...........................จวบวันวัย ไปจากจร

    อยู่ว่างๆ สร้างปัญหา...........................ให้ชีวา ดาเดือดร้อน
นี่แหละคน บนละคร.................................ที่วนย้อน ห่อนหยุดเอย ฯ

๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๖

วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ชีวิต อนิจจา : กาพย์ฉบัง๑๖



ชีวิต อนิจจา : กาพย์ฉบัง๑๖

    วันหนึ่งในฤดูหนาว................มีแมวหางยาว
ขนขาวเยื้องย่างมาเยือน

    ท่าทางสำรวจตรวจเรือน...............ทำทีเสมือน
อยากเคลื่อนเข้ามาอาศัย

    อยู่ช่วงเจริญพันธุ์วัย................หากลัวผู้ใด
มีไมตรีมิกังวล

    ตัวเมียมาคลอเคลียคน................ทุกวันเวียนวน
จนมัน-ฉันต่างคุ้นเคย

    แมวขาวค่อยอ้วนชวนเชย................คนมักทักเอ่ย
เอาละเหวยคงท้องมองที

    ฉันเองไม่รู้อยู่ดี...............วันดีคืนดี
มันลี้หายใต้บันได

    โผล่มาอีกทีท้องใย.................แฟบลงทันใด
ช่างให้ฉงนสนเท่ห์

    ณ วันที่ ๔ เดือนเม-...............ษายน อลเวง์
เอ..เหมือนได้ยินลูกแมวร้อง

    แม่คอยประคับประคอง................แมว ๔ พี่น้อง
ไร้ข้อบกพร่องข้องวัตร

    ลูกแมวโตแล้วเริ่มหัด...............ปีนป่ายไล่ฟัด
หางแม่ที่ปัดไปมา

    ล่วงพ้นต้นเดือนพฤษภาฯ...............รู้สึกแปลกตา
แม่แมวไม่มาป้อนนม

    ลูกร้องก้องห้องระงม...............ทรมานซานซม
จมอยู่แต่ห้วงน้ำตา

    ฉันต้องไปตลาดซื้อปลา-.............ทูนึ่งซึ่งมา
ผสมน้ำทำแทนนม

    เวลาผ่านไปคล้ายลม...............ลูกแมวอ้วนกลม
นิยมเล่นไล่งับกัน

    แต่ยังชอบใจให้ฉัน...............ลูบตัวของมัน
หลับตาประหนึ่งว่าฝันไป

    มีแม่แมวอยู่ชิดใกล้...............เป็นห่วงเป็นใย
เลียไล้ลูกผูกใจรัก

    อุทาหรณ์สอนรู้จัก................อนิจจานัก
อย่าปักใจในชีวี

    หาความแน่นอนไม่มี...............หายใจวันนี้
พรุ่งนี้สิสิ้นลมปราณ

    อย่าเอาแต่เมาสำราญ...............รู้บาป-บุญ-ทาน-
วัฏฏะสังสารเวียนวน

    อย่าหลงมายาประจญ...............ในความเป็นคน
ติดสุข-ทุกข์ท้นจนตาย

    ชะตากรรมที่กล้ำกราย...............หลังจากวันวาย
จะได้รู้สัจจ์ชัดจริง ฯ

๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๖