ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

ถ้าเธอ รักตัวเอง : กาพย์ยานี ๑๑




ถ้าเธอ รักตัวเอง : กาพย์ยานี ๑๑

    ถ้าเธอ รักตัวเอง................อย่าอวดเก่ง เบ่งฉลาด
ศึกษา จริยศาสตร์..................พัฒนา ปัญญาสติ

    ความชั่ว กลัวกระทำ...........บาปหยาบกรรม อย่าร่ำริ
คนพาล สามานย์มิ..................สิคบค้า สมาคม

    ความดี ศีลพรต..................แม้ปรากฏ มีรสขม
ผลหวาน สราญรมย์.................จงชมชื่น ยอมฝืนใจ

    ซื่อสัตย์ สุจริต....................อย่าคดคิด มิจฉาไถย
กฎกรรม ตามติดไป.................ให้ตกต้อง นองน้ำตา

    แข็งขัน การย์หน้าที่.............แม้ช้าดี มีปัญหา
เกียจคร้าน โกงเวลา.................คือชั่วช้า ทุจริต

    อบายมุข พ้นผูกพัน..............จะสุขสันติ์ บันเทิงชีวิต
สุรา ยาเสพย์ติด.......................เป็นพิษร้าย ทำลายลาญ

    อย่าหลง คำโฆษณา.............ขายสินค้า บ้าบอขาน
ค่านิยม สังคมมาร.....................หมั่นหลอกเรา เมาฤทัย

    ทำงาน ขันแคล่วคล่อง..........ข้อบกพร่อง ต้องแก้ไข
มองทาง ข้างหน้าไกล...............ไม่คิดแคบ ตรองแยบยล

    อย่าเขลา เอาแต่ใจ...............ฝึกนิสัย ใช้เหตุผล
เหนื่อยยาก จักอดทน.................เพื่อพ้นทุกข์ สุขสมมี

    ถ้าเธอ รักตัวเอง....................ต้องคร่ำเคร่ง เพ่งวิถี
ทำตน เป็นคนดี.........................ตราบชีวี นิรันดร ฯ

๓๐ เมษายน ๒๕๕๖

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

คบพาล ขานทุกข์ : กลอนคติสอนใจ




คบพาล ขานทุกข์ : กลอนคติสอนใจ
(ฉันทลักษณ์ที่ผมคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง)

    หลังพา ยุฝน................สถล กล่นกลีบ บุษบา(สถล=ที่ดอน)
ดอกราช พฤกษา...............จากต้น หล่นมา ประดิน
แปดเปื้อน เปียกปอน..........อ่อนพับ ไปกับ กระสินธุ์
หยาดพิ รุณริน...................ปลดปลง ส่งสิ้น วิญญาณ

    ดินชุ่ม ลุ่มฉ่ำ.................หลังตรำ ร่ำแล้ง แห้งทอด
สายชล ก้นขอด..................ยังขอด ตลอด ละหาน
พายุ ฤดูร้อน.......................ไม่พอ ป้อนน้ำ ฉ่ำนาน
พรุ่งนี้ คงพาน.....................สายธาร คลื่นร้อน ซ้อนรน

    เหมือนคบ คนพาล...........สำราญ ชั่วคราว ราวครู่
ทุกข์ขื่น ยืนอยู่....................ดั่งร้อน ฤดู พรูฝน
เดี๋ยวก็ คืนกลับ....................ร้อนรับ นับเดือน เยือนยล
ชีวี มืดมน...........................เพราะผล คนพาล มารมี

    มีเงิน แล้วไง ?.................หากนิ สัยใจ เป็นพาล
ยากสบ พบศานติ์..................มนพาล มลาน สุขี(มลาน=เศร้า,หมอง)
ไม่รู้ จับจ่าย..........................เงินหลาย กลายน้อย ทุกที
ไม่หา ทวี.............................มากมี ก็หมด อดออม

    ยิ่งตน=คนพาล..................ยิ่งลาญ ประโยชน์ หมดสิ้น
ไม่ต่าง ผืนดิน........................ปราศสิน ธุไพร รายล้อม
เดือดแดด แผดเผา..................ร้อนเร่า ระทม กรมกรอม
ทุกข์รุม สุมล้อม......................ภัยพร้อม เภทพร่ำ ทำลาย ฯ

๒๙ เมษายน ๒๕๕๖

วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

ชีวิตคู่ คล้ายการลงทุน : โคลงสี่สุภาพ



ชีวิตคู่ คล้ายการลงทุน : โคลงสี่สุภาพ

. ชีวิตคู่ดูคล้าย..................ลงทุน
ชีวิตฉันและคุณ...................ร่วมเข้า
ชีวิตส่องสมดุล....................มูลค่า
ชีวิตอุทิศเฝ้า.......................คู่ร้อยเรียงกัน ฯ

. ลงทุนชีวิตได้...................สิ่งใด ?
ผลต่างตอบแทนใด...............ไขว่คว้า ?
ขาดทุน/สูญกำไร..................คืนกลับ ?
ผลลัพธ์เร็วหรือช้า..................วัดได้ตรงไหน ?

. เผ่าพันธุ์ญาติพี่น้อง.............ลูกหลาน ?
ยศศักดิ์ทรัพย์ศฤงคาร.............มาก/น้อย ?
ความรักฤาหลักการ.................มุ่งมั่น ?
ความปลอดภัยกาย;ถ้อย...........ทีถ้อยอาศัย ?

. วางแผนเป็นแปลนเป้า...........ประสงค์
มีเครื่องวัดมั่นคง......................บ่งชี้
ประสิทธิภาพสักวันคง...............ประจักษ์
ผลแห่งลงทุนนี้........................กำรี้กำไร ?

. ชีวิตคู่จบด้วย........................เดี่ยวโดด มากมี
ย่อยยับทรัพย์ประโยชน์..............ไม่น้อย
หลอกลวงเล่ห์ฉลโฉด................พบทั่ว ไปเฮย
ขาดทุนน้ำตาพร้อย....................อาจต้องอาสัญ ฯ

. ควรฤาทุกคนต้อง....................ลงทุน ?
ตัวคนเดียวยังหัวหมุน..................ลุกล้ม
ชีวิตคู่มีคุณ................................และโทษ
โปรดอย่าประมาท;ก้ม..................หน้าก้มตาผยอง ฯ

๒๘ เมษายน ๒๕๕๖

วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

ใครๆก็อยากค้าขาย : กาพย์ยานี ๑๑




ใครๆก็อยากค้าขาย : กาพย์ยานี ๑๑

    ฝนตก หกวันซ้อน.................กลางหน้าร้อน เดือนเมษาฯ
เกิดอะไร กับโลกา...................ดูเหมือนว่า จะวิปริต

    รุกล้ำ ทำลายป่า....................ซื้อขายท้า ทั่วสารทิศ
ผลไม้ ไล่เร่งปลิด...................ลูกน้อยนิด ยังคิดขาย

    ลูกเล็ก เด็กนักเรียน..............เกมส์พากเพียร เวียนวุ่นวาย
การเรียน เอียนขวนขวาย...........ร่างกายอ้วน ท้วนอ่อนแอ

    วัยรุ่น วัยประถม.....................รินิยม ชมชอบแส่
หาแฟน ; แหนดูแล....................แต่ความงาม ตามรูปกาย

    ลุกลาม ลองกามกิจ................ทุจริต จนคิดขาย
ประเวณี มิอับอาย.......................หาเงินจ่าย ใช้ฟุ่มเฟือย

    อาจารย์ ก็ขายเกรด.................สอนพิเศษ ไปเรื่อยๆ
ดารา แก้ผ้าเปลือย......................คงแก้เมื่อย ขายราคะ

    ตำรวจ ขายสำนวน..................อัยการก๊วน เดียวกันกะ
ผู้พิพากษา มุมานะ.......................ขายอิสระ อยุติธรรม

    พระขาย บุญ-สวรรค์..................เทศน์ขยัน ขันรวยร่ำ
นักการ เมืองระยำ.........................เหลิงอำนาจ ขายชาติพลี

    บูชา เงิน=พระเจ้า.....................ค้าขายเข้า เอาโลกนี้
ทำลาย ไร้ชิ้นดี.............................เหตุกาลี พิบัติภัย ฯ

๒๗ เมษายน ๒๕๕๖

วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2556

ไม่ฉลาด-เป็นเศรษฐี ก็มีความสุข : กลอนคติสอนใจ



ไม่ฉลาด-เป็นเศรษฐี ก็มีความสุข : กลอนคติสอนใจ

    แดดอุ่นๆ สุนทรีย์ กายีไล้             ยามสูรย์ใกล้ กาลกลับ ลับสิ้นแสง
อุไรเรือง เปลื้องเด่น เป็นม่วงแดง          พรายพลิกแพลง แต่งฟ้า นภดล

    ลมอุ่นๆ คุ้นเชย เคยสัมผัส            สายัณห์ร้อน ร้อนจัด เพราะขาดฝน
แสงสุดท้าย พ่ายแพ้ แก่กาฬกล            เหล่าพหล พลพัทธ์ แห่งรัชนี

    เดินเลียบลัด ภัตตาคาร สถานใหญ่   ผ่านเพื่อใช้ บริการ บาทวิถี
ร้านอาหาร ข้างถนน คนทวี                  ทยอยมี มานับ รับประทาน

    บรรยากาศ โล่งกว้าง ช่างสุขสม      อภิรมย์ ชมดาว เคล้าอาหาร
เดือนเคลื่อนคล้อย ลอยพริ้ม ยิ้มแย้มปาน     ในคืนวาร ข้างขึ้น รื่นฤทัย

    ลมเย็นๆ เป็นเพื่อน มาเยือนเย้า    ยามเปลี่ยวเปล่า เรากลับ นิเวศศรัย(ศรัย=ที่อาศัย,ที่ร่มเย็น)
รถราคา หลายล้าน พุ่งผ่านไป              ไม่สนใจ ใยดี มีเท้าเดิน

    ใช้เงินที่ ได้มา อย่างสุจริต           สบายจิต สบายใจ ไม่เคอะเขิน
พักบ้านที่ ไม่มีภัย ใจเพลิดเพลิน          แม้เผชิญ อัตคัด ค่อนขาดแคลน

    ไม่เบียดเบียน ผู้ใด ให้ลำบาก       ไม่เกรงโจษ โทษจาก พิพากษ์แผน
ไม่ทำบาป หยาบช้า สุระแดน              ถึงมาดแม้น ไม่ฉลาด ไม่ขลาดคลา(สุระ=ผู้กล้าหาญ)

    ไม่ต้องติด หนี้ใคร ในชาตินี้         ไม่ต้องใช้ หนี้ใคร ในชาติหน้า
ไม่ต้องพรั่น หวั่นตาย วายชีวา             ไม่ต้องผวา หาทาง หลังความตาย

    ไม่ฉลาด-เป็นเศรษฐี ก็มีสุข         ไม่เร่ารุก ร้อนรน กมลกระหาย
ไม่กระสัน มั่นอยาก ยุ่งยากดาย           ใช้ชีวี ที่เรียบง่าย สบายเอย ฯ

๒๖ เมษายน ๒๕๕๖

วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556

ชีวิตนี้ มีอะไร ? : กาพย์ฉบัง ๑๖



ชีวิตนี้ มีอะไร ? : กาพย์ฉบัง ๑๖

    คันแล้วคันเล่าเข้าจอด...............เรียงรายตลอด
รถทอดแนวยาวราวแข่งขัน

    หลากรุ่น-ยี่ห้อ ออกัน..............แลหลายสีสัน
เจ้าของนั้นสวมชุดดำ

    ตะวันยอแสงแรงรำ-............ไรคราพลบค่ำ
จำแลงแสงให้ไสวสว่าง

    แขกเหรื่อเมื่อมาก็พราง.............ไหว้เจ้าภาพพราง
เดินไปในกลางศาลา

    ภาชนะสี่เหลี่ยมเทียมตา..............ล้อมรูปเทวดา
รู้กันถ้วนหน้าว่า " โลง "

    สายไฟกระพริบหยิบโยง.............ควันธูปโขมง
แขกโค้งคำนับก่อนกลับไป

    โลงข้างวางของเครื่องใช้.............ซื้อหามาใหม่
นัยว่าอุทิศวิญญาณ

    สิ่งใดยังใคร่ต้องการ ?..............สำหรับสังขาร
นอนแข็งทื่อ ปานขอนไม้

    ยามมีชีวิตจิตใจ...............เคยทำอะไร ?
ป่านนี้คงไปใช้กรรม

    ลาภ-ยศ-ชื่อเสียง เพียงปรัม-..............ปรา ปวงล่วงล้ำ
สิ่งใดนำไปได้หรือ ?

    ชีวียังช่างกระตือ............รือล้นยลคือ
ยึดถือตีค่าตราเจ้าของ

    บัดนี้นอนไม่ลำพอง..............ตราสังมือสอง
จะต้องถูกเผาเถ้าธุลี

    ครวญใคร่นัยยะชีวี.............ความหมายใดมี ?
ไร้จุดดุษณีนิยาม ฯ(ดุษณี=อาการนิ่งแสดงการยอมรับ)

๒๕ เมษายน ๒๕๕๖

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

ชีวิตเรียบง่าย สบายๆ : กาพย์ยานี ๑๑



ชีวิตเรียบง่าย สบายๆ : กาพย์ยานี ๑๑

    สูรย์ลอบ ลับขอบฟ้า................ล่วงทิพา คลาอีกหน(คลา=เคลื่อน,คล้อย)

สัญญาณ์ สายัณห์ยล...................ฟ้าบรรเจิด เพริศรพี

    เลิกงาน กลับบ้านพัก...............ไม่ลืมทัก เพื่อนรักซี้

เหนื่อยงาน ทั้งวันมี......................พรุ่งนี้มา พยายามใหม่

    ซื้อหา อาหารเย็น....................เป็นปกติ ตามวิสัย

กรรมาชน คนรุ่นวัย.......................กินอยู่ง่าย ให้ผ่านวัน

    เหนื่อยนัก ขอพักผ่อน..............มิอาวรณ์ ร่อนสังสรรค์

ราตรี นิทรากัน.............................เป็นรางวัล ปันชีวิต

    รักษา สุขภาพ.........................ประเสริฐลาภ ทรัพย์พิสิทธิ์

โรคภัย ไม่ประชิด..........................นิตยา จิรกาล

    หัวค่ำ ยามนอนเข้า....................ตื่นแต่เช้า เบาสังขาร

เกื้อกูล สุนทรการย์.........................ประสานกิจ อิฏฐ์อุดม(อิฏฐ=เป็นที่พอใจ)

    วันหยุด หยุดเพื่อพัก..................ผ่อนกายหนัก คึกคักสม

ฤดี รื่นวิกรม..................................อารมณ์แจ่ม แอร่มใจ

    ละอยาก ลดยากเข็ญ..................จะอยู่เย็น เป็นสุขใส

ลดกิจ ลิดการใด.............................ไร้ประสิทธิ์ ผิดเวลา

    ชีวี ที่เรียบง่าย...........................สบายๆ ไม่ยากหา

เห็นแจ้ง แสงสัจจา.........................ปัญญาเกิด บรรเจิดกาล

    ชีวี มีความสุข............................ลดทอนทุกข์ สนุกศานติ์

รำไพ ไร้รำคาญ..............................จรัญจิต สฤษฏ์เอย ฯ(รำไพ=งามผุดผ่อง)


๒๔ เมษายน ๒๕๕๖

วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

ปิดกั้น ก่อนปั้นทุกข์ : กลอนคติสอนใจ



ปิดกั้น ก่อนปั้นทุกข์ : กลอนคติสอนใจ

    แดดยามบ่าย ถ่ายเท ทะเลร้อน         สัตว์ต่างซ่อน ห่อนสบ หาดอบอุ่น
ทรายสีอ่อน สะท้อนแจ้ง แสงจรุญ            ลมพัดหนุน ละมุนเนื่อง เปลื้องจินดา

    คลื่นพัดสวน หวนซ้ำ น้ำซัดสาด        ป่วนชายหาด ปาดเปียก ปานเรียกหา
ทรายเม็ดน้อย ถอยม้วน ชวนคืนมา           กลับชลา ทะเลเถิด ถิ่นเกิดทราย

    คลื่นกัดเซาะ เกาะฝั่ง พังวิกฤติ         คนควรคิด พิจารณา มิละหาย
ไม่ต้องกลัด ตัดกลุ้ม รุ่มใจกาย                แต่อย่าคลาย ไขแก้ และอาทร

    ปัญหามี ชีวิต ต้องคิดไคร่               แต่ต้องไม่ ใจหม่น กมลสร(สร=แกล้วกล้า)
รักษางาม ความสุทธ์ ดุจจันทร               ขจายขจร ภรแสง จำแลงเพ็ญ(ภร=เจือจุน)

    โลกวุ่นวาย หลายล้น เพราะคนก่อ     วินิจฉัย ไป่ท้อ บ่เคืองเข็ญ
หากเท่าทัน ปัญหา สัจจาเป็น                 จักจัดเจน เย็นใจ ไร้กังวล

    ฝึกสร้างสรรค์ ปัญญา อย่าก่อทุกข์     ถึงล้ม-ลุก พลาดพลั้ง แพ้ลางหน
สงบจิต " อนิจจา " เตือนกมลชีวิตคน แสนสั้น หมั่นทวนเทอญ ฯ(อิฏฐ-=เป็นที่พอใจ)

๒๓ เมษายน ๒๕๕๖

วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

มักง่าย : โคลงสี่สุภาพ



มักง่าย : โคลงสี่สุภาพ

. คิดฝักอยากจักได้...............ร่มเงา
เมล็ดถั่วเพาะปลูกเอา.............ง่ายแท้
หวังพรุ่งนี้เติบเนา...................แตกหน่อ
อีกหนึ่งเดือนหลังแล้...............แผ่สล้างพรางเห็น ฯ

. คิดฝักอยากอิ่มท้อง.............ทุกวัน
ปลูกถั่วกลัวยากทรรป์..............หนึ่งต้น(ทรรป์=โง่)
ละวางช่างหัวมัน.....................ปล่อยใหญ่
เล็งผลเลิศเพริศพ้น.................จักได้จากไหน ?

. ปลูกพนาดรจึ่งให้.................ร่มเงา(พนาดร=ป่าสูง)
หวังอิ่มนานพันธุ์เพรา................ผลไม้
สืบใจใส่ไม่เบา.........................ภารกิจ
ละเร่งรีบลงไว้..........................เนื่องช้าน่าชม ฯ

. เปรียบเสมือนปลูกถั่วไซร้........ใจคน
มักง่ายหมายพิมล......................เพริศล้ำ
ลงทุนนิดพิศถกล.......................เพริศพร่าง(ถกล=ตั้งขึ้น)
เพียงชั่วกาลชอบกล้ำ..................ร่ำร้องสัมฤทธิ์ ฯ

. มิทันใจไล่ร้อง.........................ไร้ผล
มิดั่งใจไถยมน............................บ่นเบื้อ
มิศรัทธากุศล..............................สุจริต
มิติดกรรมตรำเกื้อ........................เพื่อสร้างพิสิฐศรี ฯ(พิสิฐ=ประเสริฐ)

. แม้หวังผลเพริศแพร้ว................พรรลาย(พรรลาย=มากมาย)
ทนทุ่มเทใจกาย..........................แกร่งกล้า
เลิกคิดใคร่สบาย.........................กอบกิจ
สัมฤทธิ์ย่อมระย้า.........................ระรื้นคืนดล ฯ

๒๒ เมษายน ๒๕๕๖

วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

ผิดเป็นครู : กาพย์ยานี ๑๑




ผิดเป็นครู : กาพย์ยานี ๑๑

    เกิดมา ใครจะไม่................ทำอะไร ที่พลาดผิด
โง่-ฉลาด ไม่คาดคิด................เผลอเป็นผิด ชีวิตพัง

    สี่เท้า ยังรู้พลาด.................ผู้เป็นปราชญ์ ยังรู้พลั้ง
เยาว์วัย ควรใฝ่ฟัง...................คำสอนสั่ง ค่อยรังรอง(รังรอง=รุ่งเรือง)

    ท่านว่า ความประมาท..........คือเพชฌฆาต พินาศข้อง
ไม่ประมาท ฉลาดจอง..............จะไม่ต้อง ส้องเสพตาย

    ทำผิด คิดขยาด..................เสมอศาสตร์ รัตสยาย(รัต=ยินดี)
เรียนรู้ มิดูดาย.........................แม้ต้นร้าย ปลายเปลี่ยนดี

    ยึดถือ ความซื่อสัตย์.............ปริวรรต ทัศน์วิถี
มั่นคง จำนงมี..........................สิริมุ่ง รุ่งเรืองมัย

    รับผิด ประสิทธิ์สนธิ์..............จุดเริ่มต้น กลแก้ไข
พัฒนา อัตตาไตร.....................ให้อุกฤษฏ์ พิชยา

    รับผิด อย่าคิด(ว่า)แพ้............แม้ไม่รับ นับผิดหรา
ผิดแล้ว ผิดเล่าพา.....................ชีวาเสื่อม เลื่อมราญรอน

    ใจนำ สำนึกผิด.....................มล ร่อยฤทธิ์ พิษถ่ายถอน
สกปรก ตกตะกอน.....................บวรใส ใจสุทธา

    อย่ารับ แค่กับปาก..................แต่ใจสาก กระดากหา
ชั่วผิด ติดตัวชา..........................ชะตาล่ม จมสิ้นเอย ฯ

๒๑ เมษายน ๒๕๕๖

วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556

คนดีต้องสู้ : กลอนจรรโลงใจ




คนดีต้องสู้ : กลอนจรรโลงใจ
(ฉันทลักษณ์ที่ผมคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง)

    เหนือพื้น พสุธา.................บนนภา ในกระสินธุ์
ใต้แดน แผ่นดิน.....................กลางนครินทร์ ถิ่นไพรสณฑ์
น้ำแข็ง ขั้วโลก......................ยังโยกย้าย ไปตั้งตน
ถ่ายทอด เผ่าพล....................แพร่พันธุ์คน ท้นขจาย

    คือความ สามารถ...............แห่งชนชาติ องอาจมุ่ง
ชีวา ผดุง..............................จนเรืองรุ่ง พุ่งพรวดหลาย
ลำบาก ลำบน........................สู้อดทน จนตัวตาย
ประโยชน์ สุดปลาย.................เป็นเป้าหมาย ได้ทระนง

    คือธรรม ชาติ.....................อันวิลาศ ของชีวิต
ต้องครุ่น ต้องคิด.....................เพื่อพิชิต ทิศประสงค์
ปัญหา อุปสรรค.......................ยากหนักหนา อย่าพะวง
ตั้งจิต ประจง...........................ปลงใจสู้ อยู่ร่ำไป

    ชนชั่ว หยาบช้า....................สิ่งธรรมดา โลกานี้
ราญหมาย ร้ายมี........................เบียดบีฑา อัชฌาศัย
ไร้ความ เป็นมิตร.......................ทุจริต เภทพิษภัย
แก่คน ทั่วไป............................ในใต้หล้า แลปัถพี

    อย่าย่น ระย่อ........................รันทดท้อ ต่อชีวิต
จงสู้ จงคิด...............................รักษาสิทธิ์ รักศักดิ์ศรี
แห่งความ เป็นคน......................ผู้อดทน บนความดี
แม้ยาก มากมี...........................ใจจงมี มั่นจีรัง

    หากใจ ไม่สู้.........................ย่อมเป็นอยู่ อย่างผู้แพ้
ถูกกั้ง รังแก..............................แลกดขี่ หมดที่หวัง(กั้ง=กั้น)
พล่านพรั่น หวั่นไหว...................ไม่มีสุข ทุกข์ประดัง
แม้ชี วียัง.................................อยู่ไม่ต่าง ซังกะตาย

    คนดี ต้องสู้...........................ต้องยืนอยู่ อย่างกล้าหาญ
ฤทธี ปณิธาน.............................จะบันดาล ฝันสมหมาย
อยู่เย็น เป็นสุข............................ปราศจากทุกข์ ณ บั้นปลาย
กายา สลาย...............................ชื่อเฉิดฉาย ไกรนิรันดร์ ฯ

๒๐ เมษายน ๒๕๕๖

วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

ในห้วงแห่งรัก : กาพย์ฉบัง๑๖




ในห้วงแห่งรัก : กาพย์ฉบัง๑๖

    คืนคราวดาวเดือนเกลื่อนฟ้า.................ไร้คราบเมฆา
ฉันมายืนคอยปล่อยใจ

    กางปีกโผผินบินไป............สู่ฟ้านภาลัย
สดใสสีสันบรรเจิดสบ

    ขอบฟ้าจรดห้วงมหรรณพ...............โอบพื้นพิภพ
ปรารภความรักสลักเสลา

    ร้อยรวงดวงใจสองเรา.............ร่วมเรียงเคียงเคล้า
ภายใต้ร่มเงารัชนี

    เดือนผ่องส่องพื้นปถพี.............ดารารัศมี
ร่วมเป็นสักขีที่เฉิดฉัน

    รักคล้องจำจองใจครัน.............ดุจตรวนพรวนพัน
ให้ใฝ่ให้ฝันบันเทิงรมย์

    แว่วเพลงบรรเลงระดม..............ระรื่นชื่นชม
พร่างพรมเพียงจิตพิษฐาน(พิษฐาน=มุ่งหมาย)

    เคลิ้มไปในรสสราญ.............ท้นท่วงดวงมาน
รักบานดุจพานกัลป์พฤกษ์(กัลป์พฤกษ์=ต้นไม้ที่ให้ผลสำเร็จตามปรารถนา)

    ละเมียดละไมในรู้สึก..............ประทับลับลึก
สุดที่จะนึกจะจินตนา

    เปรมเปี่ยมเทียมทิพย์สุธา................ชโลมสมนา
วิภาวิภัทรทัศไนย(วิภัทร=วิ+ภัทร,ทัศไนย=งาม)

    รักที่มีเธอเลอละไม..............ล่องลอยฤทัย(เลอ=ยิ่ง,ละไม=น่ารักน่าเอ็นดู)
สู่แห่งหนไหนไม่สำคัญ

    เพียงเราสองคล้องใจกัน.............คือสรวงสวรรค์
ห้วงสรรค์หรรษาหาใดเทียม ฯ

๑๙ เมษายน ๒๕๕๖

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

รักเอย จำเลยความผิด : กาพย์สุรางคนางค์ ๓๐



รักเอย จำเลยความผิด : กาพย์สุรางคนางค์ ๓๐

    รักเอย......................จำเลย ความผิด
ทั้งที่ เป็นมิตร.................พาจิต พิสมัย
ก่อเกิด สัมพันธ์...............สร้างสรรค์ สายใย
คล้องใจ กับใจ................เข้าไว้ ด้วยกัน

    รักด้วย......................จิตสวย รวยริน
รักไม่ สุดสิ้น...................ขาดวิ่น ผินผัน
ละมุน ละม่อม..................รายล้อม พร้อมพันธ์
สมาน ฉันท์.....................ชีวัน สัญญา

    รักแล้ว.......................แกร่งแกล้ว กำจร
เสพสุข สโมสร.................อาทร รักษา
ทรงไว้ ซึ่งฤทธิ์.................อุกฤษฏ์ ศรัทธา(อุกฤษฏ์ =สูงสุด)
ประคิ่น วินชา....................ปรารถนา สถาวร(ประคิ่นวินชา=บรรจง)

    รักเป็น.........................ปานเพ็ญ พิสุทธิ์
ฤดี อวิรุทธ์........................ผ่องผุด หยุดร้อน(อวิรุทธ์=ไม่ขัดข้อง)
สัมผัส สุธา........................ทิพา อาภรณ์
อบอุ่น สุนทร......................มิรอน โรยรา

    "เพราะรัก".....................ปรักปรำ ตำหนิ
ถ้อยคำ ดำริ........................ที่เขา กล่าวหา
เท็จ/จริง สิ่งใด....................ไม่พิ จารณา
โทษรัก ชักพา.....................ปะทุกข์ ระทม

    "เพราะอยาก"..................อยากจิ มีรัก
ถูก/ผิด คิดผลัก....................ฝักใฝ่ ใคร่สม
กาละ เทศะ..........................เลยละ ปรารมภ์
มิเสาะ เหมาะสม....................ข่มจิต ข่มใจ

    "เพราะเมา"......................เมามาย ในรัก
หัวปำ หัวปัก.........................มักงง หลงใหล
ประมาท ไม่เว้น......................ไป่เห็น เป็นภัย
ชอบทำ ตามใจ.......................ไร้ระมัด ระวัง

    ทุกข์ใด.............................หาใช่  "เพราะรัก"
หากแต่ "ไม่รัก".......................ยักเยื้อง เบื้องหลัง
ทำสิ่ง อิงผิด............................ผลพิษ ชีวิตพัง
ทุกขา ประดัง...........................สุขหวัง พังทลาย ฯ

๑๘ เมษายน ๒๕๕๖

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

ผลดี ที่(ไม่)ปรารถนา ? : กลอนคติสอนใจ




ผลดี ที่(ไม่)ปรารถนา ? : กลอนคติสอนใจ

    สุริยัน สัญจร สร บ่ายจรด(สร=แกล้วกล้า)
สุรบถ ทศทิศ อุกฤษฏ์ไสว(สุรบถ=ท้องฟ้า,อุกฤษฏ์=สูงสุด)
สุรสี รังสรรค์ ร้อนปานไฟ(สุรสี=พระอาทิตย์)
สุรหลาย ใคร่รี่หลบ ค่าคบเงา(สุร=ผู้กล้า)

    ธรรมดา สามัญ สัญญาชน
ยึดถือผล -ลาภ-ยศ -ศักดิ์-สุข ฯลฯ เสาว์(เสาว-=ดี,งาม)
เป็นจุดหมาย ปลายทาง สร้างกรรมเกลา
ได้เสพ=สุข เสื่อม=ทุกข์เศร้า เคล้าน้ำตา

    พิษฐาน พานสนธิ์ ผลสำเร็จ(พิษฐาน=ตั้งความปรารถนา)
พลาดเผด็จ เจตน์คิด จิตกังขา(เผด็จ=ตัด,ขาด)
ทำดีใย ไม่มี ดีคืนมา ?
เสมือนว่า ทำดี ไม่ได้ดี

    เพียงลาภ-ยศ-ศักดิ์ ฯลฯ เสาว์ เท่านั้นหรือ ?
ควรยึดถือ คือถกล ผลวิถี
เพียงประโยชน์ โพดกาม พล่ามโลกีย์(โพด=มากเกินไป)
คือผลดี พีเพริศ ประเสริฐดล ?

    ความประสบ สุขสันติ์ บันเทิงจิต
มีชีวิต พิชยา อกุศล(พิชยา=ชนะ)
สงบกาย สบายใจ ใสพิมล
ไม่น่าสน ล้นรื่น ชื่นอุรา ?

    ความอยู่เย็น เป็นสุข สิ้นทุกข์ร้อน
ไม่ต้องย้อน มีชาติ ไม่ปรารถนา ?
ไม่ต้องเจ็บ ป่วยไข้ ไร้ชรา
ไม่ต้องมา เวียนว่าย ตายเกิดเป็น ?

    ใครใคร่กาม โลกีย์ ยินดีเถิด
ใครใคร่เกิด แก่ตาย ง่ายดายเห็น
ใครใคร่ร้อน ราวแดด แผดเผาเดน
เชิญโลดเล่น โลกธรรม สำราญเทอญ ฯ

๑๗ เมษายน ๒๕๕๖

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

คนที่ มิควรเลือกเป็นคู่ครอง : กลอนคติเตือนใจ



คนที่ มิควรเลือกเป็นคู่ครอง : กลอนคติเตือนใจ


๏    การเลือกคู่ ดูใคร ให้ถ้วนถี่..............เย็นฤดี พินิจ พิศห่างๆ
อย่ารีบคบ รีบใคร่ ไว้ใจวาง..................คือหนทาง ถกล เริ่มต้นเกณฑ์

๏    เธอมีคู่ อยู่ไหม ? คบใครบ้าง ?.........แอบอำพราง หรือไม่ ? ให้รู้เห็น
เคยคบคู่ กับใคร ? ให้ชัดเจน................หรือเคยเป็น ของใคร ? อย่างไรกัน ?

๏    อยู่เดียวดาย ไม่ได้ ใจเรียกร้อง..........หาคู่ครอง คล้องใจ ใคร่โหยหรรษ์
พวกขี้เหงา เมารัก อย่ามักมัน................เพราะจัญไร ไม่พันธ์ มั่นผู้ใด(มัก=รัก)

๏    คนบ่รับ ผิดชอบ นอบหน้าที่..............เอาแต่เล่น เป็นวิถี เสียนิสัย
ขาดระเบียบ เหยียบกฎ คดวินัย..............อย่ารักใคร่ ใยดี มีแต่ตรม

๏    ไม่รักดี ศีลธรรม กำกับจิต.................ทำตามใจ หมายคิด มิจฉาขรม
คล้อยตัวทราม ตามสมัย ไถยนิยม............อย่าปรารมภ์ ชมชื่น รมรื่นเชย

๏    คนไม่รู้ ผิด-ชอบ กรอบชั่ว-ดี.............พวกไม่มี จริยธรรม อำไพเผย
ใครชั่ว/ดี มิรู้ ดูเฉยเมย..........................อย่าคบเลย แค่พล กมลพาล

๏    คนรักง่าย หน่ายเร็ว ใจเหลวแหลก......พวกชอบแหก จารีต ทุจริตหาญ
พร้อมปล่อยเนื้อ ปล่อยตัว หัวใจมาร.........อย่าสำราญ สานรัก จักบรรลัย

๏    คนรูปงาม คำหวาน มานคดเคี้ยว.........พวกปากหวาน ก้นเปรี้ยว ลดเลี้ยวไหล
ขืนคบหา พาเหตุ อาเพศภัย...................อย่าไว้ใจ ไปรัก จักยากเย็น

๏    คนสรรเสริญ เงินทอง ของมีค่า............พวกบูชา เศรษฐี เปรมปรีย์เห็น
ดูถูกคน จนยาก ใจสากเดน.....................จงหลีกเฟ้น เร้นฝัก รักเป็นแฟน

๏    คนขี้โกรธ โหดร้าย ใจวิปริต................พวกโรคจิต คิดมาก อยากหวงแหน
คอยระแวง แรงหึง ขึงเครียดแค้น..............อันตรายแสน แม้นอยู่ เป็นคู่เคียง

๏    คนขี้เหล้า เมายา บ้าพนัน....................พวกกระสัน บันเทิง สำเริงเลี้ยง
หนี้สินพันธ์ งานผลัด พิบัติเพียง................อย่าได้เสี่ยง เลี่ยงสบ คบสัมพันธ์

๏    น้ำใจเหือด เลือดเย็น เห็นแก่ตัว............พวกโฉดชั่ว หัวใจ ไร้เมตต์ฉันท์
พร้อมทิ้งเรา เอาตัวรอด ยอดแบ่งปัน..........อย่าสังสรรค์ ครั่นชู ครองคู่ชิด

๏    คนฟุ่มเฟือย ใช้จ่าย ไม่ประหยัด............ใจไม่ซื่อ ถือสัตย์ ถนัดผิด
ประหลาดเพศ เท็จมด ทรยศมิตร...............อย่าคบคิด พิสมัย ภัยมีมา

๏    คนมักมาก อยากกาม ตามใจจิต.............อยู่ใกล้ใคร ใคร่คิด ล่วงมิจฉา
เมากามรส โปรดปราน คาวมารยา...............อย่าเอามา เป็นพันธุ์ สามานย์พล

๏    คนกะล่อน ปล้อนปลิ้น ลิ้นหลายแฉก.......ชอบชักใย ให้แตก แหลกลาญผล
ขี้อิจฉา ตาร้อน ค่อนขอดคน......................อยู่ให้พ้น ต้นเหตุ ทุกข์เภทภัย

๏    คนใจดำ อำมหิต ผิดมนุษย์.....................ทำร้ายผู้ บริสุทธิ์ ทุจริตไถย
ชอบทะเลาะ วิวาท ฉกาจไกร......................อย่ารักใคร่ ได้คบ สบภิรมย์

๏    ต่อให้เป็น เศรษฐี มีเงินถัง......................ก็อย่าหวัง ยังสู่ อยู่สุขสม
เสมือนตก นรกไหม้ ใจตรอมตรม..................เฝ้าเดือดร้อน ย้อนรม ถม ฤดี

๏    ใจเย็นๆ เฟ้นหา อย่ารีบเร่ง......................ไม่ต้องเกรง แม้นโสด มิลดศรี
ประเสริฐกว่า คละสู่ คู่กาลี............................ควรยินดี เดียวดาย สบายเอย ฯ

๑๖ เมษายน ๒๕๕๖

วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556

สัจจะ แสวง : กลอนจรรโลงใจ




สัจจะ แสวง : กลอนจรรโลงใจ
(ฉันทลักษณ์ที่ผมคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง)


    เย็นนี้ แดดจ้า................สุริยา ไม่ยอม ยอแสง
รุจี มีแรง..........................แยงอยู่ อย่างเยี่ยง เกรียงไกร
ทิวา หน้าร้อน....................ทินกร บวร ไสว
กว่าจะ ลับไป.....................ก็จน จวบไร้ พลา

    ประสบการณ์ ชีวิต...........แต่ละ ชีวิต ผิดแผก
บทเรียน เจียนแจก..............ต่างแตก ไปตาม ประสา
พิเคราะห์ เหตุ-ผล................เพื่อค้น พบ-คัด สัจจา
สรุป ออกมา........................เป็นปรัชญา เฉพาะตน

    ถ่ายทอด ต่อไป................คนรุ่นใหม่ ได้เรียนลัด
บางอย่าง จ่างชัด...................บางสิ่ง ปฏิบัติ ขัดสน
ด้วยความ ต่างแตก.................ชีวิต แปลกแยก ประจญ
ต้องใคร่ ครวญค้น...................แสวงสัจจ์ ของตน ต่อไป

    ไม่ทำ อวดโอ้.....................คนโง่ ก็จะ ฉลาด
ทำตัว ประมาท........................คนฉลาด อาจโง่ เหลวไหล
คิดใกล้ ใจแคบ.......................แทบปิด ทางรู้ กว้างไกล
ตลอดชีพ ตลอดไป..................ต้องใฝ่ เปิดทัศน์ วัฒนา

    อย่ามัว หมกมุ่น...................วุ่นอยู่ แค่ชี วีตน
สัจจะ สากล............................ล่วงพ้น ตัวคน หนึ่งหนา
เฝ้าดู สู่คิด..............................ชีวิต พินิจ พิจารณา
จะเห็น สัจจา...........................มรรคา ดำเนิน ชีวี

    อย่าปล่อย ชีวา....................ไร้ค่า แค่หา ความสนุก
สุดท้าย กลายทุกข์....................ไร้สุขสม ภิรมย์ศรี
คนไม่ ชอบคิด..........................ชีวิต ยากจัก ได้ดี
สมอง ไม่มี...............................ไม่พ้น ป่นปี้ บีฑา ฯ

๑๕ เมษายน ๒๕๕๖