ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ภาพขำขำ ๑๒




ภาพขำขำ ๑๒


โอย......


คืนวันคริสมาสต์

หนาว อารายอย่างนี้.....

อยากจานอนหน้าเตาผิง แบบแมวฝาหรั่ง...

บ้านเรา ก็ไม่มี เตาผิง

นอนมัน บนเตาแก๊ส นี่หล่ะว่ะ

แหะ..แหะ..แหะ...




ไอ้แก่ !

ชั้นบอกแล้วใช่ไม๊  ว่า...

เล่นเฟสได้

แต่ห้ามแชท คุยกับสาวๆ

ขัดคำสั่งของชั้นแบบนี้

แกอยากเจอดี...ใช่ไม๊ ?

                                                                   หา !




๏ เหน็บนาว กระไร....

ไม่มีใคร ให้กอด...

เดียวดาย กายทอด...

กรำพร่ำพรอด กอดตัวเอง.....ฯ

.....

เรื่องมันเศร้า...อย่าให้เลยนะ....T v T





ปีหน้า..ปีมะโรง

คนไทยคง มีความสุข ทุกข์ไม่มี

เพราะจะได้ หัวเราะ ตลอดปี

ด้วยเป็นปี พ.ศ.2...555

555+






นักท่องเที่ยว

มา" ตกหมึก "เหรอ..?

งั้น....

ขอมอบ" น้ำหมึก " ไปเป็น ที่รำลึกเลย...

อภินันทนาการ เป็นพิเศษ....

จาก  หมึกกล้วย...

แชะ !

                                                                    5555




เพราะรักดอก จะบอกให้....

เสียสละได้  ไม่หวงแหน

รังนอนอุ่น ทูนเจ้าแทน

ยอมหนาวแม้น แร้นทรมาน ฯ

( หมดรักเมื่อไหร่ ขอรังนอนคืนนะ ขอบอก อิ อิ อิ )






ประทับรอย ประทับริม พิมพ์ฝีปาก

ประทับใจ ประทับจาก ฝากรักหมาย

ประทับจำ ประทับจอง ห้องหัวใจ

ประทับไว้ ประทับวัน รักรัญจวน ฯ









คืนนี้....Countdown

ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่

ฉลองกันให้สนุกสุดเหวี่ยง เลย...เพี่ยน

♫ ♫ ♫ ♫ ♫ ♫

จังซี่ มันต้องถอนนนนนนน

จังซี่ มันต้องถ๊อนนนนนนน

♫ ♫ ♫ ♫ ♫ ♫

5555

คนดี โดดเด่นดั่งเพ็ญจันทร์ : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑




คนดี โดดเด่นดั่งเพ็ญจันทร์  : อินทรวิเชียรฉันท์  ๑๑


        แสงโสม โพยมเย็น..............รติเพ็ญ ระเด่นพาน
เนียนนวล กระสวนยาน................นภจร ระร่อนจล

        รังสี ศศิกล้า.........................ชุติดา รกามล
ไร้ลับ ประดับดล..........................นภผ่อง เพราะจองจันทร์

        ลมพา วลาหก.......................นภปก พิธุปัน
บางเบา เพราพัน-........................ธนะอยู่ ครู่ไคล

        เดือนเด่น เป็นสง่า..................สุนิศา สุราลัย
พราวพร่าง กระจ่างใส....................อวิรุทธ์ อลังการ (อวิรุทธ์ =มีอิสระ)

        เดือนเพ็ญ ก็เช่นผู้...................มละสู้ มนาศานติ์
เกลาขัด ขจัดจาน..........................ทุระพ้น กมลมี

        ศีลธรรม อำไพผ่อง..................ชระส่อง ระรองศรี (ชระ=สะอาด)
งดงาม คละความดี.........................ปริสุท ธิ อุตสาห์

        คนดี จิโดดเด่น.......................ดุจะเพ็ญ เด่นนภา
ท่ามกลาง นครา.............................อวชาติ อนาถชน

        ซื่อสัตย์ สวัสดิ์นิจ... ................สุจริต ขจิตนนท์
ธรรมา สุธามน................................รุจิเรข วิเสกเอย ฯ

๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔

ปล่อยใจ ไปสู่อิสระ : กลอนจรรโลงใจ

                                                                           

ปล่อยใจ ไปสู่อิสระ : กลอนจรรโลงใจ
(ฉันทลักษณ์นี้ ผมคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง)

        ปล่อยใจ ลอยไป...............ลอยไป ในห้วง ภวังค์
ปิดแหล่ง พลัง........................หยุดยั้ง รั้งความ เคลื่อนไหว
หลับตา ให้สนิท.....................ไม่ต้อง ครุ่นคิด อะไร
ปล่อยไป ลอยไป....................ท่องไกล...อิสระ เสรี

        ปล่อยใจ ล่องไป...............ในห้วง แห่งความ สงบ
หลุดพ้น พิภพ.........................ปรารภ ธรรมชาติ สัจจ์ศรี
ชมของ กำนัล.........................แด่ชีวัน ดาลชีวี
ทุกคน ล้นมี............................คือ " สมาธิ " พิธาน

        ปล่อยใจ ในแดน................ที่แสน สบาย ปลอดโปร่ง
จิตใส ใจโล่ง............................สว่างโพลง ไร้ทุกข์ สุขศานติ์
สับสน วุ่นวาย...........................ผ่อนคลาย หาย อันตรธาน
ปัญหา สากัลย์.........................กลายเป็น ฝุ่นควัน ทันใด

        ปล่อยใจ ไปบ้าง.................เพื่อสร้าง พลัง เข้มแข็ง
" ตัวตน " จลแจ้ง......................แต่งใจ อยู่ได้ ไฉน ?
แม้แต่ เครื่องจักร.......................ยังต้อง พักงาน การใช้
ตรากตรำ ร่ำไป.........................วันใด ไม่ไหว ...ใจพัง ฯ

๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔

วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ใจ...ปล่อยตามใจไม่ได้ : กาพย์ยานี ๑๑

                                                                       Flickr 

ใจ...ปล่อยตามใจไม่ได้ : กาพย์ยานี ๑๑


      ตราบลม ยังโหมพัด..................คลื่นสาดซัด ชายหาดทราย
ชลธาร ยังลานไหล.........................ตราบนั้น...ใจ ย่อมไหวอ่อน

      ตราบแสง แห่งสุรีย์...................แผ่รังสี ที่แผดร้อน
โลกใหญ่ ไม่หมุนย้อน.....................ใจแคลนคลอน ร่อนร่ำไป

      ตราบหมู่ สกุณา........................ปรารถนา พนาศัย
มัจฉา หาน้ำใหม่..............................ตราบนั้น...ใจ ใคร่ตัณหา

      ปล่อยใจ ไปตามใจ....................ย่อมเหลวไหล วุ่นวายหนา
จิตใจ ไร้ปัญญา...............................จะพามล ท้นทุกข์มี

      จึงต้อง คล้องใจด้วย...................สติช่วย ให้อวยศรี
ผูกไว้ ในความดี...............................จริยา สาธุธรรม

      ใจจึง พึ่งพาได้...........................คุณยิ่งใหญ่ ใสงามขำ
สุธีร์ มีประจำ....................................ประสิทธิ์พร่ำ เพริศอำไพ

      จะพบ ประสบศรี..........................จะเปรมปรีดิ์ มีสุกใส
จะพบ สงบใจ....................................จะก้าวไกล สบายเอย ฯ

๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๔

ฝากรัก ฝากชีวิต : สาลินีฉันท์ ๑๑

                                                                         

ฝากรัก ฝากชีวิต : สาลินีฉันท์ ๑๑

      ล่วงเชย เลยชีวิต............บ่มีมิตร พิสมัย
ล่วงพ้น ล้นผ่านวัย.................บ่มีใคร ฤทัยครอง

      ผ่านฝน พ้นร้อนหนาว.......และเรื่องราว สุข์เศร้าหมอง
พานทุกข์ สนุกนอง................และร้องไห้ พิไลเนือง

      ไม่เบื่อ เมื่อเอกา.............อิสรา รติเฟื่อง
เสรี ภิรมย์เรือง......................ประทับจิต สถิตใจ

      แต่ครั้น พานพบเธอ ........ก็พร่ำเพ้อ ละเมอไผล
เปลี่ยวเหงา เข้าทันใด............ประทุทรวง ทะลวงซอน

      อยากที่ มีพันธะ..............สมถะ อิสระถอน
อยากที่  มีคู่ธร......................ฤดีไว้ มิไคลคลา

      เบื่อที่ เสรีท่อง................แสวงห้อง สิเน่หา
เบื่อที่ มีชีวา.........................ระทกใจ ฤทัยทวย

      ใคร่มี ชีวิตใหม่...............อดิศัย พิไลสวย
ใคร่มี ผู้ที่ช่วย.......................ประโลมเชิด ประเจิดชัย

       ขอฝาก ชีวิตนี้................กรุณมี จิได้ไหม ?
ขอฝาก ความรักไว้.................ณ หัวใจ วิไลเอย ฯ

๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๔

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เฟื่องฟ้า : กลอนดอกสร้อย

                                                               
เฟื่องฟ้า : กลอนดอกสร้อย

๏      เฟื่องเอ๋ย เฟื่องฟ้า......................เบ่งบาน ลานตา งามไฉน
คละสี คลี่สัน พรรณพิไล.....................ปรากฏ สดใส ท้าสายตา

๏      เฟื่องสี พิสัย แต่ไร้กลิ่น................คุณมิ มีสิ้น ถวิลหา
เหี่ยวเฉา เก่าช้ำ ตามเวลา....................สวยคลาย ไร้ค่า ไม่น่าชม

๏      เปรียบท้น คนที่ มีรูปเพรา..............ยามใน วัยเยาว์ เสาว์เพริศสม
คุณงาม ความดี ไม่นิยม.......................โง่งม เกียจคร้าน ร่านราคี

๏      วัยเยาว์ เขาเทิด ประเสริฐสวย.........รุ่มรวย ด้วยรัก เปี่ยมศักดิ์ศรี
วัยเสื่อม เอือมทราม งามไม่มี.................รักจาก พรากหนี อนิจจา

๏      ถูกทิ้ง เดียวดาย ดอกไม้เฉา.............ระทม ซมเศร้า เหงาเหว่ว้า
สั่งสม เสื่อมทราม ตามเวลา....................จวบล้น จนชรา ข้นราคิน

๏      ไม่อยาก ไร้ค่า อย่าละเลย................ความดี มีเคย เชยเช่นสิน
ผ่องเสริม เพิ่มศรี แพรวชีวิน.....................เลิศงาม ล้ำสิ้น โภคินเอย ฯ(โภคิน=คนมั่งมี)

๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔

ตราบที่ยังมีสุรีย์ ย่อมมีหวัง : อีทิสฉันท์ ๒๐

                                                                           


ตราบที่ยังมีสุรีย์  ย่อมมีหวัง : อีทิสฉันท์ ๒๐

        รุ่งอรุณประภาสุทรรศนี-............ยะรังสิมาระบายรุจี
นภาดล

        รงคะสาดกระจัดกระเจิงระคน...........คละสีคละสารพันสิพ้น
คำบรรยาย

        แสงสว่างขจ่างขจรขจาย.............ทิวาก็กลับขยับขยาย
วิสุทธา

        หมอกพะพร่างพะพราวระราวสุขา-...........วดีอมรสุธรพนา
และชีวี

        มารดาถนอมปุตราประณี.............กรุณละมุนละไมจะมี
ประมาณการ

        ดวงสุรีย์ละเลื่อนละลอยสราญ..............ประจงประเจิดเพริศทะยาน
สุภาลัย

        ตราบอรุณมิสูญสุรียะใส................นภามิขาดประพาสละไม
อุษาโยค

        สรรพะชีวิตาละเศร้าละโศก..............มิท้อชะตาประเชิญประโชค
จะมีหวัง

        ตั้งสมาธิปัญญะพีพลัง................เจริญกุศลพิมลสะพรั่ง
ฤทัยเทอญ ฯ

๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔

วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554

รักส้อง...ต้องรักษา : กลอนสุภาพ(กลอนหก)



รักส้อง...ต้องรักษา : กลอนสุภาพ(กลอนหก)

        ลมพัดปราย ใบไม้ปลิว.............ร่วงหล่นพลิ้ว ลิ่วไถล
ลมหนาวมา ป่าเปลี่ยนไป.................พื้นเกลื่อนใบ ไม้แห้งบาน

        ลำธารไหล เหือดไร้น้ำ..............กรวดหินคล้ำ ลำนำขาน
ผิวเกลี้ยงกลม สมแก่กาล.................ผจญผ่าน พานสิ่งใด

        ใบไม้หมอง ต้องพักผ่อน............รอหน้าร้อน ย้อนสดใส
ผลิดอกผล ออกล้นไพร....................เริ่มต้นใหม่ ใต้นภา

        ใจเหว่ว้า น่าอนาถ.....................พิศแคลนขาด เพราะปรารถนา
อยากระหาย ให้ได้มา.......................ครองกายา คร่าหัวใจ

        รักเสพส้อง ต้องรักษา.................แม้ได้มา รักษาไม่ไหว
สุดท้ายพราก สิ้นจากไป....................เหมือนใบไม้ ในเหมันต์

        รักคนที่ มิควรรัก........................ต้องอกหัก ตระหนักหัน
รักคนขวน คู่ควรกัน...........................จักสบดั้น สันติ์ง่ายดาย

        รักไม่ร้าย ถ้าไม่รัก.......................คนไล่มัก รักลวงหมาย
รักไม่ตรอง ถึงต้องตาย.......................พิชย์หรือพ่าย ใจเลือกเอง ฯ(พิชย=ความชนะ)

๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๔

อุตสาหะเถิด ผองประชา : มาณินีฉันท์ ๑๖



อุตสาหะเถิด ผองประชา : มาณินีฉันท์ ๑๖


        อรุณะสวัสดิศัย................ศศินะไคล(ศศิน=พระจันทร์)
สุรียะย้ายเยือน

        สกุณะภิรมยะเอื้อน..............ดุริยะเหมือน
สะเทือนสะท้านสัณฑ์

        พฤกษะเริงระนันท์...............ผลิพลัน
สะคราญะดอกใบ

        ทิวสะกระจ่างไสว................สกุณะไกร
ขจายคณาบิน

        สมะคติชีพถวิล.................วิริยะจินต์
เสาะอยู่เสาะกินหา

        อุสหะเถอะผองประชา.............วระคุณา
กุศลสุจริต

        พฤทธิสรรค์บพิธ...............ธุระประกิด
ประวิตรประกอบการ

        ถิระธระสาธุการ...............สุขะสราญ
จะบรรณะชีวิน ฯ

๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๔

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554

โลกา-สวรรค์ : กลอนสุภาพ(กลอนหก)

                                                                National Geographic

โลกา-สวรรค์ : กลอนสุภาพ(กลอนหก)


        เห็นหรือไม่ คนใจทราม.............มีรูปงาม คนตามหลง
แล้วหลอกลวง ทรวงดั่งกรง-.............เล็บพิฆาต อาชญา

        เห็นหรือไม่ คนใจงาม................มีรูปทราม ตามยถา
ถูกหมางเมิน เหินห่างตา...................ไร้คุณค่า พาอับอาย

        คงเห็นหรือ คนซื่อสัตย์................มัธยัสถ์ อัตคัดหลาย
ต้องว้าเหว่ เอกากาย.........................อย่างเดียวดาย ไม่ได้ดี

        คนอัปรีย์ มีพวกมาก....................ช่วยดัน-ลาก สูงศักดิ์ศรี
ทรัพย์มั่งคั่ง รวยมั่งมี..........................ด้วยวิธี ทุจริตมา

        คนสามานย์ สันดานโฉด................ชื่ออุโฆษ ใหญ่โยชน์หนา
ขึ้นปกครอง ผองประชา........................แสวงหา ประโยชน์ตน

        คงเห็นว่า คนฉลาด.......................คิดเปรื่องปราด ขาดกุศล
ลวงล่อทรัพย์ กับผู้คน..........................ด้วยเล่ห์กล จลจัดเจน

        นี่คือ " โลก " ที่บกพร่อง................ความขัดข้อง ครรลองเห็น
โลกแห่งภัย ไม่ใช่เพ็ญ.........................หลากลำเค็ญ เช่นโทษทัณฑ์

        มี " โลกอื่น " รื่นรมย์กว่า.................พรรณนา  ว่า" สวรรค์ "
ไม่เบียดเบียน กันและกัน.......................เสพสุขสันติ์ ฉันท์ฤดี

        สำหรับผู้ สร้างกุศล.........................สาธุชน มลทินหนี
ศีลธรรม งดงามมี..................................จงทำดี สุคติเทอญ ฯ

๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔

สามัญผล : กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘



สามัญผล : กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘


  .......................................ตะวันยอแสง
สาดส่องสีแดง....................ตกแตงนภา
ฉาบไล้ชมพู.......................เลิศหรูเวหา
สัญญาณสนธยา..................ทิวาลาเลือน

  .......................................วิหคคืนคอน
เสียงเซ็งแซ่ซ้อน.................ว่อนดงพงสะเทือน
มิตรผองน้องพี่....................หลายปีมีเหมือน
เพิ่งจะมาเยือน....................เกลื่อนกร่นจนแจ

  .......................................ภาสกรรอนลับ
ไพรพนาประดับ...................พยับเด่นเพ็ญแข
สอดส่องช่องห่าง.................หว่างใบใสแล
พอสว่างพร่างแม้..................แต่นิศากาล

  ........................................พนสัณฑ์สงบ
บนพื้นพิภพ.........................อบอวลสรวลศานติ์
หากมิกริ่งภัย........................ในดงพงพาน
นับควรแก่การ.......................เพ่งปราณภาวนา

  .........................................อานปานะฯ
สมาธิพิริยะ...........................ปริสุทธิ์อุตสาห์
เพ่งลมหายใจ........................เข้าไป-ออกมา
ไม่พร่ำนำพา.........................สารพันอันใด

  ..........................................ไม่มีนิวรณ์
ไร้กามลามรอน.......................อกุศลจลไกล
บรรลุอนุกรม..........................อภิรมย์ " ฌาน " ชัย
จิตราไสว..............................อำไพอำพน

  ...........................................เสพสุขอุกฤษฏ์
เท่าที่ชีวิต..............................ประสิทธิประสนธิ์
ปราโมทย์สดใส.......................ไฉไลพิมล
สามัญพุทธผล.........................ชวนนท์ยลเอย ฯ

๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔