ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ข้อความถึง หญิงคนรัก (เรื่อง ความจนดักดาน ของชาวอีสานกลุ่มหนึ่ง)



ข้อความถึง หญิงคนรัก (เรื่อง ความจนดักดาน ของชาวอีสานกลุ่มหนึ่ง)

ที่รักจ้ะ...

      สบายดีใช่ไม๊จ้ะ....?
      พี่ก็รู้คำตอบอยู่แล้วละจ้ะ ก็น้องของพี่เป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงอยู่แล้วนี่จ้ะ เพราะน้องดูแลสุขภาพอย่างเอาใจใส่ มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กินอาหารตามหลักโภชนาการที่ถูกต้อง นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่ดื่มของมึนเมา แม้แต่กาแฟน้องก็ไม่ดื่ม เข้านอนแต่หัวค่ำ ไม่เที่ยวกลางคืน เพียงเท่านี้ ก็ทำให้สุขภาพแข็งแรงได้แล้ว ง่ายจะตายไปนะจ้ะ
      ไม่รู้ว่าที่นั่น ฤดูกาลเริ่มเปลี่ยนแปลงบ้างแล้วหรือยัง? แต่ที่นี่ดูเหมือนกำลังอยู่ในช่วงรอยต่อจ้ะ เมื่ออาทิตย์ก่อน มีมวลอากาศเย็นพัดมาระลอกหนึ่งแล้ว ทำเอาพี่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความหนาวเย็นเลยจ้ะ แต่แล้วเพียง ๒-๓ วันถัดมาก็กลับมาร้อนอีก แล้วเมื่อคืนฝนก็เริ่มตกอีกครั้ง มาตกหนักตอนใกล้รุ่ง ตกยาวจนเกือบเที่ยงแนะจ้ะ
      พี่เลยได้โอกาสแต่งกลอนเปล่า เอามาถวายเจ้าหญิงของพี่ ส่งตั้งแต่เช้าไงล่ะจ้ะ น้องอ่านแล้วเห็นว่า บรรยากาศเป็นอย่างไร? ชวนให้เกิดความเคลิบเคลิ้มไม๊จ้ะ?
      ที่รักจ้ะ.....
      เมื่อตอนสายๆของวันนี้ มีผู้ชายวัยประมาณ ๔๐ ปีคนหนึ่งขับรถกระบะ มาจอดที่หน้าบ้านเรา แล้วก็เดินเข้ามาชมสินค้าของเราด้วยความสนใจ เค้าซักถามถึงที่มาของสินค้า ทำให้พี่เริ่มสังเกตว่า เค้าไม่น่าจะมาซื้อสินค้า คุยกันไปได้สักพัก เค้าก็บอกว่า เค้าผลิตสินค้าเหล่านี้เหมือนกัน อยากขอให้เราเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าให้กับเค้า สินค้าของเค้า ส่งขายไปถึงเยอรมัน เม็กซิโก และชายแดนไทย-กัมพูชา
      พี่ได้ขอให้เค้านำตัวอย่างสินค้ามาให้ดูก่อน เมื่อเค้ากลับไปเอามาจากรถ พี่พิจารณาดูแล้ว บอกเค้าว่า สินค้าของเค้ายังขาดการลงสีที่ละเอียดเพียงพอ พี่ชี้ให้เค้าดูตำหนิของสินค้า ซึ่งเค้าก็ยอมรับว่า ยังมีข้อบกพร่องในการลงสีอยู่มาก สาเหตุมาจากคนงานของเค้าเอง
      แล้วเค้าก็เล่าให้พี่ฟังว่า คนงานภาคอีสานจำนวนหนึ่ง ยังมีค่านิยมที่ทำลายคุณภาพการผลิต ทำลายอนาคตของตัวเอง ทำลายเศรษฐกิจของชาติโดยไม่รู้ตัว คนงานเหล่านี้ สนใจแต่จะได้เงินค่าตอบแทนมากๆ แต่กลับไม่สนใจที่จะพัฒนาคุณภาพของงานให้ดีขึ้น พอเงินออก ก็เอาไปกินเหล้าเมายา หัวราน้ำ ไม่มาทำงานจนกว่าเงินจะหมด เงินหมด-ไม่มีจะกินเมื่อไหร่ นั่นแหละจึงมาทำงานอีกครั้ง เค้าเบื่อมาก ขนาดยอมจ้างแพงกว่าค่าจ้างรายวันที่กรุงเทพฯแล้ว คนงานพวกนี้ก็ยังทำตัวเหมือนเดิม พูดแล้วเค้าก็ส่ายศีรษะ
      ที่รักจ้ะ......
      พี่เล่าให้เค้าฟังว่า คนงานแบบนี้ เราก็เคยมี แต่พี่ให้ออกไปหมด เพราะไม่ต้องการคนขี้เกียจมาร่วมงาน คนงานพวกนี้ไม่รักดี ไม่คิดถึงอนาคต ไม่รู้จักวิธีดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ทำงานไปวันต่อวันเหมือนสัตว์ที่ไม่มีสมอง เอาแต่จะหาความสุขสนุกสนานใส่ตัว ชอบชมการแสดง ทั้งหมอรำ-คอนเสิร์ต วงดนตรี ขอให้มีเมื่อไหร่ จะยอมอดหลับอดนอนไปดู บางครั้ง ดูจนถึงสว่าง แล้วจะมาทำงานกันอย่างไร? ทำงานไปก็หลับไป หรือทำผิดๆถูกๆ  ไม่มีอนาคต ทั้งตัวคนงานเองและนายจ้าง
      คนพวกนี้ ไม่มีเงินเก็บหรอกจ้ะ มีเงินเมื่อไหร่ เป็นใช้จ่ายจนหมด พอเจ็บไข้ได้ป่วย ก็เที่ยวกู้หนี้ยืมสิน เอาที่ดิน ที่นาที่ไร่ไปจำนองจำนำ พอขาดส่งก็ต้องขาย สมบัติก็ร่อยหรอ จากเคยมีก็กลายเป็นคนไม่มี จากไม่มีอยู่แล้ว ก็เป็นหนี้เป็นสิน เสื่อมทรุดลงไปเรื่อยๆ
      ยิ่งเข้าฤดูฝน จะเริ่มมีเทศกาบุญบั้งไฟ เทศกาลนี้ ในอดีตกาล จัดขึ้นเพื่อทำพิธีขอฝนจากเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นวัฒนธรรมที่แสดงถึงความสวยงามและภูมิปัญญาก็ได้
      แต่ปัจจุบัน เมื่อค่านิยมชอบการพนันเข้ามาครอบงำใจคน จากเทศกาลขอฝน ก็เปลี่ยนไปเป็นเทศกาลเล่นการพนัน จะมีคนที่ตั้งตัวเป็นเจ้ามือ ไปสั่งซื้อ บั้งไฟจากจังหวัดยโสธร แล้วเอามาประกบเป็นคู่ๆ มีการล้อมผ้าใบบริเวณที่มีการจุด ขายตั๋วผ่านประตู จ้างนักเลงหัวไม้มาเฝ้าทั้งในและนอกที่ล้อม คนที่ไม่ซื้อตั๋ว จะไปยืนดุอยู่นอกที่ล้อมยังไม่ได้เลย เขาตามทำร้ายหมด เรียกว่า ไม่เสียเงิน ดูไม่ได้ การจุดจะจุดขึ้นทีละคู่แบบประกบมวย คนเล่นก็จะพนันกันว่า จะเล่นข้างไหน บั้งไฟที่อยู่บนอากาศนานที่สุดจะเป็นฝ่ายชนะ มีการนำกล้องส่องทางไกล กล้องถ่ายภาพ เครื่องจับเวลา และอุปกรณ์ทันสมัยมาใช้ การจุดจะจุดเวลากลางวันเท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้นจะมองไม่เห็น ทำให้ใครที่จะชม-จะเล่น.....ต้องทิ้งงานทิ้งการไป
     การจัดพนันนี้จะต้องได้รับอนุญาตจากองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น มีนักการเมืองท้องถิ่นให้การสนับสนุน ทำให้การปราบปรามไม่สามารถกระทำได้ เมื่อปีที่ผ่านมา ก็มีข่าวปลัดอำเภอคนหนึ่ง จะไปห้ามปรามไม่ให้เล่นพนัน ปรากฏว่า ถูกชาวบ้านนับห้าร้อยคนเข้าล้อมกรอบ ปลัดพาพวกไป แค่ ๔-๕ คน เลยต้องหนีเอาตัวรอด เห็นออกข่าวทางทีวีด้วย พี่หัวเราะไม่ออกเลย
      การจะคิดไปเลิกวิถีชีวิต-ค่านิยมเล่นการพนันบั้ง....พี่คิดว่า คงไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะพี่เคยพุดคุยกับเจ้ามือคนหนึ่ง เค้าบอกว่า รอบการจัดของเค้า จะจัดที่ละ ๔-๕ วัน แล้วย้ายไปจัดที่อื่น ไปเรื่อยๆทั่วภาคอีสาน ในรอบหนึ่งๆ มีเงินพนันหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาท จัดไปเรื่อยๆ จนกว่าคนจะเลิกเล่น ไม่ใข่แค่ต้องจัดในฤดูฝนเท่านั้นนะจ้ะ
      พี่ฟังแล้วรู้สึกสลดใจมาก เพราะว่าชาวอีสานส่วนใหญ่โดยเฉลี่ยจะมีรายได้น้อย ด้วยเหตุว่าพื้นที่เพาะปลูกแห้งแล้ง พื้นดินอีสานเป็นดินปนทราย ต้องลงทุนมาก เพาะปลูกอะไรก็ให้ผลผลิตน้อย เมื่อมีรายได้น้อย ลำพังแค่จะเลี้ยงชีวิตตัวเอง เลี้ยงครอบครัว ก็จะไม่รอดอยู่แล้ว นี่ยังมามัวเมากับสุราและการพนันอีก หาได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ มีเท่าไหร่ก็ใช้หมด อย่างไม่ต้องสงสัย
      ความไม่มีศีลธรรมเช่นนี้แหละจ้ะ ที่ทำลายชีวิตของตน ด้วยน้ำมือของตนเอง อนาถใจแท้ๆเชียว
      
                                                  รักน้องคนเดียว ไม่เลี้ยวซ้ายไม่เลี้ยวขวาจ้ะ

                                                          จาก คนเดิม หัวใจดวงเดียว

                                                               ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๓

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น